
เชียงราย, 14 สิงหาคม 2568 – ในยุคดิจิทัลที่ “อินฟลูเอนเซอร์” หรือผู้ทรงอิทธิพลบนโลกออนไลน์ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและกำหนดพฤติกรรมผู้บริโภค ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2567-2568 ได้เผยให้เห็นถึงภูมิทัศน์ทางกฎหมายและธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อผู้เสียหายจำนวนมากเริ่มรวมตัวกันใช้ช่องทางกฎหมายอย่างจริงจัง สะท้อนภาพว่าอินฟลูเอนเซอร์ไม่ได้ถูกมองเป็นเพียง “ผู้มีอิทธิพล” อีกต่อไป แต่ได้รับการปฏิบัติในฐานะ “ผู้โฆษณา” หรือ “ผู้จำหน่าย” ซึ่งต้องเผชิญกับความรับผิดทางกฎหมายที่สูงขึ้นอย่างน่าตกใจ รายงานข่าวเชิงลึกฉบับนี้จะเจาะลึกถึงการเติบโตของอุตสาหกรรม, ปัญหา “รีวิวไม่ตรงปก” ที่สร้างความเสียหายแก่ผู้บริโภค, ความเสี่ยงทางกฎหมายที่อินฟลูเอนเซอร์ต้องเผชิญ, และข้อเสนอแนะในการสร้างมาตรฐานเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของวงการนี้
เบื้องหลังตัวเลขการเติบโตของอาณาจักรอินฟลูเอนเซอร์ไทยมูลค่าหลายหมื่นล้าน
อุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ในประเทศไทยได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีนัยสำคัญในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลจาก Tellscore (เทลล์สกอร์) ที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2567 ระบุว่าตลาดอินฟลูเอนเซอร์ไทยมีมูลค่าสูงถึง 4.5 หมื่นล้านบาท และมีอัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 25-30% ติดต่อกันมา 3 ปีแล้ว ตัวเลขที่น่าตกใจคือ ประเทศไทยมีคอนเทนต์ครีเอเตอร์จำนวนมากถึง 9,000,000 คน หรือคิดเป็นประมาณ 12.86% ของจำนวนประชากรไทยทั้งหมด และในจำนวนนี้ มีถึง 2 ล้านคนที่เป็นครีเอเตอร์แบบ “ฟูลไทม์” หรือทำอาชีพนี้อย่างเต็มตัว ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ทั่วโลกที่มีประมาณ 200 ล้านคน หรือ 3% ของประชากรโลก
นางสาวสุวิตา จรัญวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง Tellscore ได้กล่าวถึงภาพรวมตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์ในประเทศไทยในปีนี้ว่า แม้เศรษฐกิจไทยโดยรวมอาจไม่สดใส แต่ภาคเอกชนไทยยังคงรุกทำการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเล็งเห็นความสำคัญในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ทุ่มงบการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์มากที่สุด 3 อันดับแรกได้แก่ กลุ่มเพื่อสุขภาพและความงาม (Health & Beauty), กลุ่มไลฟ์สไตล์ (Lifestyle), และกลุ่มการเงินและซุปเปอร์แอปฯ (Finance & Superapps) ในทางกลับกัน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และยานยนต์กลับชะลอการใช้งบประมาณลงตามภาพรวมตลาดที่หดตัว การขยายตัวนี้ทำให้บทบาทของอินฟลูเอนเซอร์ไม่จำกัดอยู่เพียงการสร้างความบันเทิงหรือให้ความรู้ แต่ยังรวมถึงการเป็นผู้กำหนดแนวคิดและพฤติกรรมของผู้บริโภคโดยตรง
ฝันร้ายวันเกิด: เมื่อ “รีวิว” ไม่ใช่แค่ความเห็น แต่คือ “โฆษณา” ที่ไม่ตรงปก
ภายใต้ความเจิดจรัสของตัวเลขทางเศรษฐกิจ ปัญหาด้านจริยธรรมและความโปร่งใสกลับเป็น “ภัยเงียบ” ที่กำลังคุกคามผู้บริโภค กรณีที่ผู้ใช้โซเชียลรายหนึ่งได้โพสต์เรื่องราวในกลุ่ม “พวกเราคือผู้บริโภค” ที่ถูกเผยแพร่เมื่อวันพุธที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2568 เกี่ยวกับประสบการณ์การเข้าพัก “รีสอร์ทไม่ตรงปก” ที่รีสอร์ทชื่อดังแห่งหนึ่ง ในจังหวัดชลบุรี ได้กลายเป็นประเด็นร้อนที่สะท้อนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซากในวงการนี้ ผู้เสียหายรายนี้ตั้งใจจองที่พักเพื่อฉลองวันเกิดผ่านแอปพลิเคชันจองออนไลน์ โดยมีภาพที่พักที่สวยงามน่าดึงดูดใจ แต่เมื่อไปถึงสถานที่จริงกลับพบว่าบรรยากาศโดยรอบเป็นเหมือน “ที่รกร้าง” เต็มไปด้วยขยะ และสภาพที่พักก็ทรุดโทรมอย่างหนัก
เรื่องราวนี้ไม่ได้เป็นการเกิดขึ้นเพียงกรณีเดียว แต่ยังมีเสียงสะท้อนจากผู้บริโภคคนอื่น ๆ ที่เคยมีประสบการณ์คล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการติดตามรีวิวของอินฟลูเอนเซอร์ สายกินสายรีวิวชื่อดังที่มีผู้ติดตามหลักล้าน ในจังหวัดชลบุรี ที่ผู้บริโภคจำนวนมากออกมายืนยันว่า “รีวิวไม่ตรงปกเกือบทุกที่” จนเลิกเชื่อถือ และเลิกติดตาม ปัญหานี้ตอกย้ำให้เห็นว่า ในยุคที่ผู้บริโภคอาศัย “รีวิว” และ “อินฟลูเอนเซอร์” เป็นหลักในการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ ความน่าเชื่อถือของข้อมูลเหล่านั้นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง และการรีวิวที่ไม่เป็นไปตามความเป็นจริง หรือการใช้ภาพเก่ามาประกอบการโฆษณา ถือเป็นการกระทำที่เข้าข่าย “การโฆษณาเกินจริง” หรือ “การโฆษณาที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด” ซึ่งผิดตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บริโภคบางรายถึงขั้นระบุว่าอินฟลูเอนเซอร์รายดังกล่าวมีพฤติกรรมเข้าข่าย “มิจฉาชีพ” และเคยถูกโกงเงินไปหลายพันบาทจากการจองที่พักผ่านเพจนั้น แสดงให้เห็นว่าปัญหาไม่ได้หยุดอยู่แค่ความไม่ตรงปก แต่ลุกลามไปถึงขั้นการหลอกลวงที่สร้างความเสียหายทางการเงินอย่างร้ายแรงแก่ประชาชน
ราคาที่ต้องจ่าย ความรับผิดทางกฎหมายที่อินฟลูเอนเซอร์ต้องเผชิญ
การเปลี่ยนผ่านบทบาทของอินฟลูเอนเซอร์จาก “ผู้มีอิทธิพล” ธรรมดาไปสู่ “ผู้โฆษณา” โดยตรง ได้นำมาซึ่งความรับผิดชอบทางกฎหมายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีการบัญญัติกฎหมายเฉพาะสำหรับอินฟลูเอนเซอร์โดยตรง กฎหมายที่มีอยู่เดิมจึงถูกนำมาปรับใช้เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและควบคุมการกระทำที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย ซึ่งการโฆษณาเกินจริงอาจนำไปสู่การดำเนินคดีภายใต้กฎหมายหลายฉบับพร้อมกัน ทำให้ความเสี่ยงและบทลงโทษเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ
ที่น่าจับตาเป็นพิเศษคือ กฎหมายเฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์สุขภาพ เช่น พ.ร.บ. อาหาร พ.ศ. 2522 และ พ.ร.บ. เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ซึ่งมีการกำหนดโทษที่รุนแรงกว่ากฎหมายทั่วไป การโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารอันเป็นเท็จหรือหลอกลวงให้ผู้บริโภคหลงเชื่อโดยไม่สมควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท รวมถึงข้อความต้องห้ามที่ อย. กำหนดอย่างชัดเจน เช่น คำที่สื่อว่า “รักษาโรค” หรือ “เปลี่ยนแปลงโครงสร้างร่างกาย” เช่น ลดโคเลสเตอรอล, ลดน้ำหนักถาวร, อัพไซส์ สำหรับเครื่องสำอาง การโฆษณาเกินจริงก็มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
บทเรียนจากคดีสำคัญจุดเปลี่ยนของวงการอินฟลูเอนเซอร์
สถานการณ์การฟ้องร้องที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2567-2568 ได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรม และส่งสัญญาณว่าการบังคับใช้กฎหมายได้เปลี่ยนผ่านจากการกำกับดูแลแบบตั้งรับไปสู่การบังคับใช้กฎหมายเชิงรุก โดยมีคดีสำคัญหลายกรณีที่สะท้อนถึงความซับซ้อนและความรุนแรงของบทลงโทษ:
การดำเนินคดีเหล่านี้เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังผู้กระทำความผิดว่า การหลอกลวงหรือการทำผิดกฎหมายจะไม่สามารถลอยนวลได้อีกต่อไป
ข้อเสนอแนะและข้อเรียกร้อง สร้างจริยธรรมสู่การเติบโตที่ยั่งยืน
เพื่อป้องกันปัญหาที่ซับซ้อนและผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อผู้บริโภคและภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมในระยะยาว การสร้างมาตรฐานและจริยธรรม จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในภาวะที่กฎหมายเฉพาะสำหรับอินฟลูเอนเซอร์ยังไม่มีการบัญญัติขึ้นอย่างชัดเจน การขับเคลื่อน “ร่างจริยธรรมของอินฟลูเอนเซอร์” จึงถือเป็นการตอบสนองเชิงรุกของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่างจริยธรรมดังกล่าวซึ่งเป็นเกณฑ์ขั้นต่ำในการคุ้มครองผู้บริโภค ประกอบด้วยข้อปฏิบัติ 5 ข้อหลัก ได้แก่:
การสร้าง “จริยธรรม” นี้เป็นการลดความเสี่ยงทั้งสำหรับผู้ผลิตเนื้อหาและผู้บริโภค โดยเป็นการสร้างมาตรฐานที่สูงขึ้นจากภายในอุตสาหกรรมเอง
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติสำหรับทุกภาคส่วน
สภาองค์กรของผู้บริโภคมีช่องทางการร้องเรียนดังนี้
Line: @tccthailand
ใครพบปัญหาผู้บริโภคสามารถร้องเรียนสภาองค์กรของผู้บริโภค
Facebook / X (Twitter): สภาองค์กรของผู้บริโภค
Tiktok: tccthailand
โทร 1502 และ 022391839
หรือแจ้งเรื่องร้องเรียนออนไลน์ได้ที่ https://complaint.tcc.or.th และทาง E-mail : complaint@tcc.or.th
สายด่วน อย. 1556 หรือ สคบ. ได้โดยตรง ควรใช้วิจารณญาณที่สูงขึ้นในการพิจารณาข้อมูลจากการรีวิว และตระหนักว่าการโฆษณาและการรับรองจากอินฟลูเอนเซอร์อาจมีแรงจูงใจทางการเงินแฝงอยู่ ที่สำคัญคือ หากพบการกระทำที่ผิดกฎหมาย ควรเก็บหลักฐานให้ครบถ้วนที่สุด เช่น ภาพหน้าจอการจอง, ภาพโฆษณา, ภาพถ่ายและวิดีโอของสภาพที่พักจริง และหลักฐานการติดต่อ เพื่อใช้ในการแจ้งความต่อไป.
การวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า อุตสาหกรรมอินฟลูเอนเซอร์ไทยกำลังเข้าสู่ช่วงของการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ การเติบโตอย่างก้าวกระโดดจะต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบและจริยธรรมที่เข้มแข็ง การร่วมมือกันระหว่างอินฟลูเอนเซอร์ แบรนด์ เอเจนซี่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาครัฐ ในการสร้างมาตรฐานที่โปร่งใส จะเป็นกุญแจสำคัญในการส่งเสริมความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมมูลค่าหลายหมื่นล้านนี้ในระยะยาว ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ประชาชนผู้บริโภคทั่วไปจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการได้เข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นจริง และได้รับการคุ้มครองสิทธิ์อย่างเต็มที่.
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.