วิกฤตแม่น้ำกก เหมืองทองคำ ผลกระทบข้ามแดน

กรุงเทพฯ, 19 มีนาคม 2568 – กมธ.การที่ดินฯ เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากเหมืองทองคำ

เมื่อวันพุธที่ 19 มีนาคม 2568 เวลา 14.00 น. ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี ประธานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายสมดุลย์ อุตเจริญ ส.ส.พรรคประชาชน และคณะ ได้ร่วมแถลงข่าวเกี่ยวกับ วิกฤตสิ่งแวดล้อมและผลกระทบข้ามพรมแดนจากการทำเหมืองทองคำ ซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่อพื้นที่ ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะในลุ่มน้ำกก

ชาวบ้านตำบลท่าตอนรวมตัวเรียกร้องปกป้องแม่น้ำกก

ปัจจุบัน ประชาชนกว่า 700 คน ในพื้นที่ตำบลท่าตอน ได้ออกมารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งปกป้อง แม่น้ำกก จากผลกระทบที่เกิดจากเหมืองแร่ทองคำที่อยู่ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 7 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของอำเภอแม่อาย นอกจากนี้ ดินโคลนจากกระบวนการทำเหมืองแร่ ได้ทำให้น้ำในแม่น้ำกกขุ่นข้น อาจมีการปนเปื้อนของสารเคมีที่ใช้สกัดแร่ ซึ่งส่งผลให้ระบบนิเวศถูกทำลาย มีปลาตายจำนวนมาก ประชาชนไม่มีน้ำสะอาดใช้ และเด็กในพื้นที่ต้องเติบโตท่ามกลางปัญหามลพิษ

ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและภัยพิบัติที่เกิดขึ้น

นอกจากปัญหามลพิษทางน้ำแล้ว ยังมีข้อสังเกตว่าช่วงฤดูน้ำหลากที่ผ่านมา หมู่บ้านทั้งสองฝั่งแม่น้ำกกถูกน้ำท่วมและมีโคลนตมจำนวนมาก เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบหลายสิบปี สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศในพื้นที่ ซึ่งอาจมีความเกี่ยวข้องกับการทำเหมืองแร่ทองคำ

กมธ.การที่ดินฯ เรียกร้องให้รัฐบาลไทยดำเนินการเร่งด่วน

นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี กล่าวว่า การทำเหมืองแร่ทองคำไม่เพียงแต่สร้างความร่ำรวยให้แก่บริษัทไม่กี่แห่ง แต่กลับสร้างผลกระทบอย่างหนักต่อสิทธิของชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดย คณะกรรมาธิการฯ ได้เสนอให้รัฐบาลไทย เร่งตรวจสอบคุณภาพน้ำ ในแม่น้ำกก พร้อมส่งคณะทำงานลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างเร่งด่วน

นอกจากนี้ กมธ. ยังเสนอให้รัฐบาลผลักดัน มาตรการความร่วมมือระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อป้องกันการทำลายลุ่มน้ำข้ามพรมแดน รวมถึงปัญหามลพิษทางอากาศ ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งสองประเทศในขณะนี้

การตรวจสอบคุณภาพน้ำและขยายการสืบสวนไปยังพื้นที่แม่สาย

นอกจากการตรวจสอบลุ่มน้ำกกแล้ว คณะกรรมาธิการฯ ยังได้ขอมติให้ตรวจสอบพื้นที่ อำเภอแม่สาย ซึ่งมีข้อห่วงกังวลจากภาคประชาชนว่า ต้นน้ำแม่สายอาจได้รับผลกระทบจากเหมืองแร่ทองคำเช่นกัน โดยประเด็นนี้มีการหารือกับ กรมควบคุมมลพิษ เพื่อเร่งดำเนินการตรวจสอบให้เร็วที่สุด พร้อมชี้แจงต่อสาธารณชนเพื่อสร้างความกระจ่างและลดความตื่นตระหนกของประชาชน

ความสำคัญของมาตรการปกป้องสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน

นายพูนศักดิ์ยังเน้นว่า ประเด็น มลพิษข้ามแดน ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ ปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่น PM 2.5 เท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัญหามลพิษทางน้ำ ซึ่งประเทศไทย ในฐานะประเทศหลักของลุ่มน้ำโขง ควรดำเนินการเพื่อจัดทำ มาตรฐานหรือระเบียบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำข้ามพรมแดน เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

สถิติที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ในประเทศไทย

ข้อมูลจาก กรมควบคุมมลพิษ ปี 2567 ระบุว่า:

  • ประเทศไทยมีเหมืองแร่ทองคำที่เปิดดำเนินการกว่า 12 แห่งทั่วประเทศ
  • มากกว่า 60% ของพื้นที่ลุ่มน้ำในภาคเหนือมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนโลหะหนักจากอุตสาหกรรมเหมืองแร่
  • ประชาชนกว่า 1.2 ล้านคนในพื้นที่ลุ่มน้ำสำคัญของประเทศ ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำเสียและมลพิษทางน้ำ

สรุป

การทำเหมืองแร่ทองคำส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำกกและแม่สาย กมธ.การที่ดินฯ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลไทยเร่งตรวจสอบคุณภาพน้ำ และผลักดันความร่วมมือระดับนานาชาติเพื่อปกป้องทรัพยากรข้ามพรมแดน ประชาชนในพื้นที่ยังคงเรียกร้องความยุติธรรมและสิทธิในชุมชนของตนเอง ซึ่งเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายในการร่วมกันแก้ไขปัญหาเพื่ออนาคตของสิ่งแวดล้อมและประชาชนในพื้นที่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมควบคุมมลพิษ, 2567 / คณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News