
เชียงราย, 8 พฤศจิกายน 2568 — จังหวัดเชียงรายเดินหน้ากลไกบรรเทาทุกข์หลัง “ฤดูฝน 2568” ที่ทิ้งร่องรอยความเสียหายในหลายอำเภอ ด้วยการประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ (ก.ช.ภจ.ชร.) ครั้งที่ 9/2568 เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ณ ห้องประชุมสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัด โดยมี นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน วางกรอบการช่วยเหลือ “ตรงสิทธิ–โปร่งใส–ทันเวลา” ภายใต้ มติคณะรัฐมนตรี 21 ตุลาคม 2568 ที่กำหนดให้ผู้ประสบภัยได้รับเงินช่วยเหลือด้านการดำรงชีพ ครัวเรือนละ 9,000 บาท จ่ายผ่าน ธนาคารออมสิน ด้วยระบบ พร้อมเพย์ (PromptPay) และให้จังหวัด ตรวจสอบ–อนุมัติ–จ่าย ให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับจากได้รับการจัดสรรงบประมาณ
จากเจอคลื่นน้ำ สู่คลื่นเงินช่วยเหลือ เมื่อ “เวลาคือความเป็นอยู่”
หัวใจของการประชุมอยู่ที่การ “เร่งเครื่อง” ให้เงินช่วยเหลือเข้าถึงผู้เดือดร้อนตามกรอบเวลา เพราะในภาวะหลังน้ำลด ความเสียหายไม่ได้หยุดอยู่ที่ร่องรอยตะกอน แต่ลามไปถึงรายได้ที่หายไป ต้นทุนเริ่มต้นเพาะปลูกใหม่ ค่าใช้จ่ายจำเป็นของสมาชิกครัวเรือน และหนี้ระยะสั้นที่ต้องชำระ ความล่าช้าเพียงสัปดาห์สามารถสะเทือน “สภาพคล่องครัวเรือน” ได้โดยตรง การกำหนดเส้นตาย 90 วัน จึงเป็นเสมือน “สัญญาประชาคม” ที่รัฐตั้งไว้กับประชาชนว่า ความช่วยเหลือจะเกิดขึ้นจริง และเกิดขึ้นทันเวลา
แผนจ่าย “9,000 บาท/ครัวเรือน” ผ่านออมสิน–พร้อมเพย์ 3 ชั้นป้องกันความผิดพลาด
ที่ประชุมรับทราบ สถานะวงเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน และย้ำขั้นตอนการจ่ายเงินที่ต้อง ถูกต้อง–โปร่งใส–ตรวจสอบได้
“ความถูกต้อง” จึงสำคัญพอ ๆ กับ “ความเร็ว” เพราะหากข้อมูลต้นทางคลาดเคลื่อน ระบบที่ตามมาจะรวนทั้งแถว ที่ประชุมจึงสั่งเน้น การทวนสอบรายชื่อ ณ ระดับพื้นที่ และ ประชาสัมพันธ์เชิงรุก ให้ครัวเรือนผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขบัตรประชาชนเพื่อรับเงินได้ทันทีเมื่ออนุมัติ
ไทม์ไลน์ความเสียหาย “วิภา” กับตัวเลขที่ต้องชดเชย
เชียงรายเผชิญเหตุอุทกภัยหลายระลอกในฤดูฝน 2568 โดยเฉพาะจาก พายุ “วิภา” ระหว่าง 20–26 กรกฎาคม 2568 ซึ่งสร้างความเสียหายใน 3 อำเภอ 11 ตำบล 67 หมู่บ้าน กระทบเกษตรกร 932 ราย มีวงเงินขอรับช่วยเหลือด้านพืช 9,917,987.79 บาท และเหตุอุทกภัยวันที่ 27 กรกฎาคม 2568 ใน 2 อำเภอ 7 ตำบล 40 หมู่บ้าน เกษตรกร 819 ราย วงเงิน 7,480,627.18 บาท นอกจากนี้ยังมีเหตุวันที่ 23 สิงหาคม 2568 ใน อำเภอเมืองเชียงราย ครอบคลุม 1 ตำบล 3 หมู่บ้าน เกษตรกร 13 ราย วงเงิน 88,775 บาท
เฉพาะด้าน “การดำรงชีพ” อำเภอแม่สาย เสนอคำขอวงเงินรวม 2,584,071 บาท เพื่อจ่ายครัวเรือนตามเกณฑ์ และเมื่อรวมทั้งฤดูฝน 2568 จังหวัดได้พิจารณาจ่ายช่วยเหลือ 11 อำเภอ 5,071 ครัวเรือน รวม 45,639,000 บาท สะท้อน สเกลการเยียวยา ที่กว้างและลึกยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเหตุปีปกติ
ห้องประชุม ปภ. ชั้น 3 เมื่อ “ตัวเลข” ต้องแปลงเป็น “คุณภาพชีวิต”
การประชุมครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงการรับทราบตัวเลข หากแต่คือการ “แปลงตัวเลขเป็นการกระทำ” ผ่านการสรุป เช็กลิสต์ภารกิจ ที่ทุกหน่วยต้องเดินพร้อมกัน ได้แก่
เมื่อขั้นตอนเหล่านี้ชัด เงินช่วยเหลือ 9,000 บาทจึงเป็นมากกว่า “ตัวเลขเดียวกันทั้งประเทศ” หากแต่ เข้าถึงผู้เดือดร้อนจริงในเชียงราย โดยลดการรั่วไหล การซ้ำซ้อน และความล่าช้าลงอย่างมีนัยสำคัญ
ชุดเหตุ–ชุดภารกิจ รายพื้นที่ รายมาตรการ
แม่สาย นอกจากคำขอด้านการดำรงชีพ 2,584,071 บาท ยังต้องเฝ้าระวังโครงสร้างพื้นฐานหมู่บ้านที่ถูกน้ำกัดเซาะ และวางแผนป้องกันน้ำจากฝนสะสมในช่วงปลายฤดูฝน–ต้นฤดูหนาว
เชียงแสน–เชียงของ–เมืองเชียงราย (ผลกระทบจาก “วิภา”) โจทย์หลักคือ พืชผลเสียหาย ซึ่งกระทบ “กระแสเงินสด” ของครัวเรือนเกษตรโดยตรง ที่ประชุมจึงให้ความสำคัญกับการเร่งตรวจสอบเอกสารหลักฐาน (แบบสำรวจความเสียหาย แผนผังพื้นที่เพาะปลูก หลักฐานครัวเรือน) เพื่อเดินกระบวนการช่วยเหลือพืชผลให้ทันรอบเพาะปลูกใหม่
ดอยหลวง–เชียงของ (27 ก.ค.) เน้น การคุ้มครองกลุ่มเปราะบาง ที่ขาดช่องทางหารายได้สำรอง และ การเชื่อมโยงมาตรการซ่อมบ้านเรือน/สาธารณูปโภค ของท้องถิ่นเข้ากับการช่วยเหลือการดำรงชีพเพื่อลดช่วงว่างของคุณภาพชีวิต
เมืองเชียงราย (23 ส.ค.) แม้ตัวเลขเกษตรกรได้รับผลกระทบ (13 ราย วงเงิน 88,775 บาท) จะไม่สูงเท่าพื้นที่อื่น แต่ความหนาแน่นของชุมชนเมืองทำให้การสื่อสารสิทธิและการตรวจเอกสารต้องลงละเอียด เพื่อให้เงินถึงมือเร็วและลดปัญหาคอขวด
90 วัน—เส้นตายที่ “ต้องทำได้จริง”
การกำหนดเส้นตาย 90 วัน นับจากได้รับการจัดสรรงบประมาณ เป็นกลไกสร้างวินัยเชิงระบบ—จากจังหวัดสู่อำเภอ จากอำเภอสู่ท้องถิ่น และจากท้องถิ่นสู่ บัญชีพร้อมเพย์ของผู้ประสบภัย การ “ทำได้จริง” หมายถึง
โปร่งใส–ตรวจสอบได้ ศรัทธาที่มาพร้อมข้อมูล
ความช่วยเหลือภายใต้งบฉุกเฉินต้อง “ตรงวัตถุประสงค์” และ “ตรวจสอบย้อนหลังได้” ที่ประชุมจึงให้ความสำคัญกับ การบันทึกข้อมูลดิจิทัล ครบวงจร ตั้งแต่คำขอ–อนุมัติ–เบิกจ่าย–ถึงมือผู้รับ พร้อม เปิดเผยตัวเลขสรุป เป็นระยะ เพื่อให้ภาคประชาชน สื่อ และสภาท้องถิ่นช่วยกันเป็น “ดวงตา” ตรวจสอบ ลดข้อครหา และเพิ่มความเชื่อมั่นของสังคมต่อระบบงบประมาณภัยพิบัติ
“เงิน 9,000” กับ “ต้นทุนเริ่มใหม่” มุมเศรษฐศาสตร์ครัวเรือน
เงินช่วยเหลือ 9,000 บาท/ครัวเรือน แม้ไม่ใช่การทดแทนความเสียหายทั้งหมด แต่ทำหน้าที่เป็น “เมล็ดทุนสภาพคล่อง” ให้ครัวเรือน เริ่มใหม่ ได้โดยไม่ต้องใช้หนี้ดอกสูงหรือขายทรัพย์สินระยะสั้น เช่น
บทเรียน–ข้อเสนอ จาก “แจกเงิน” สู่ “จัดการความเสี่ยง”
ในขณะที่การเยียวยาเป็นหน้าที่เร่งด่วน บทเรียนจากฤดูฝน 2568 สะท้อนว่า การบริหารความเสี่ยงล่วงหน้า สำคัญไม่แพ้กัน จังหวัดสามารถต่อยอดได้ 3 ด้านหลัก
จากห้องประชุม…ถึงบัญชีครัวเรือน
การประชุม ก.ช.ภจ.ชร. 7 พ.ย. 2568 คือกลไก “เชื่อมปลายทาง” ระหว่างมติ ครม. กับชีวิตครัวเรือนในเชียงราย สิ่งที่ประชาชนจับต้องได้คือ เงินช่วยเหลือที่เข้าบัญชีตรงเวลา และ คำอธิบายสิทธิที่ชัดเจน ส่วนสิ่งที่รัฐต้องทำให้เห็นคือ ข้อมูลเปิดเผย–กระบวนการโปร่งใส–ช่องทางร้องเรียนที่ใช้งานจริง เพราะในวันที่น้ำลด ความไว้วางใจต่างหากคือทุนสาธารณะที่ประเมินค่าไม่ได้
กล่องข้อมูล (Key Figures & Cases)
ขั้นตอน–คำแนะนำสำหรับประชาชนผู้มีสิทธิ
“เร็ว–ถูกต้อง–ตรวจสอบได้” คือสามเสาหลัก
ประสิทธิผลของมาตรการเยียวยาวัดได้จาก เวลาที่เงินถึงมือ, ความแม่นยำของผู้รับสิทธิ, และ ระดับความโปร่งใสที่เปิดให้สังคมร่วมตรวจสอบ เชียงรายมีโอกาส “ยกระดับมาตรฐาน” งานเยียวยาให้เป็นต้นแบบ หากทำให้ทั้งสามเสาหลักนี้ “ยืนได้พร้อมกัน” ในทุกอำเภอ
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.