ดอยผาหมี” คว้ารองแชมป์โลก SISTA 2025 เมื่อกาแฟ-อาหารอาข่า กลายเป็น Soft Power ที่วัดผลได้

เชียงราย, 27 กันยายน 2568 — หมอกเช้าคลอเส้นสันดอย เสียงครกตำสมุนไพรดังสลับกลิ่นกาแฟคั่วใหม่ “ผาหมี” ตื่นตัวเหมือนทุกวัน—ทว่าที่แตกต่าง คือเสียงเฮจากชุมชนเล็ก ๆ บนแนวภูเขาแม่สายที่ไปสะท้อนบนเวทีโลก ชุมชนบ้านดอยผาหมีคว้า “รางวัลรองชนะเลิศ” จากเวที Skål International Sustainable Tourism Awards (SISTA) 2025 ในปีที่มีผู้สมัคร 106 โครงการจาก 30 ประเทศ โปยความภาคภูมิใจกลับสู่ครัวอาข่าและโรงคั่วกาแฟท้องถิ่นอีกครั้ง

ข่าวดีครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียง “ถ้วยรางวัล” แต่คือ “หลักฐาน” ว่าการท่องเที่ยวโดยชุมชนของไทย—เมื่อวางบนฐานวัฒนธรรมที่จริงแท้และการจัดการที่เป็นระบบ—สามารถแข่งขันในมาตรฐานสากลได้อย่างแท้จริง

จากสันดอยชายแดน สู่รางวัลโลก CBT ที่ยืดหยุ่นและเป็นสากล

โมเดลความสำเร็จของ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มท่องเที่ยวดอยผาหมี มีแกนกลางชัดเจน—สร้างรายได้สองขาเพื่อเสถียรภาพ (dual engines):

  1. กาแฟอาราบิก้าแบรนด์ “กาแฟผาหมี” ที่ชุมชนครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ปลูก–แปรรูป–ดริปเสิร์ฟเอง จนถึงหน้าร้าน และ
  2. การท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ ที่ “ให้ชุมชนเป็นครู” พาเรียนรู้วิถีกาแฟ พิธี–ภาษา–การแต่งกาย–และ “ครัวอาข่า” ที่พาผู้มาเยือนลงมือทำ

ผลลัพธ์คือรายได้ที่ไม่ผันผวนตามฤดูกาลท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว ช่วยให้ชุมชน “ไม่ยอมจำนน” ต่อจำนวนนักท่องเที่ยว แต่มุ่งไปให้สุดที่ “คุณภาพประสบการณ์” และ “ศักดิ์ศรีทางวัฒนธรรม”

คุณผกากานต์ รุ่งประชารัตน์ (“แมว”) ประธานวิสาหกิจชุมชนฯ เล่าให้ฟังบ่อยครั้งว่า อาหารอาข่าไม่ใช่เพียงเมนูอิ่มท้อง แต่คือ “วัฒนธรรมที่กินได้”—เรื่องเล่าของภูมิปัญญาป่า สมุนไพรพื้นบ้าน ข้าวดอย และรสที่เรียบง่ายจากเกลือกับสมุนไพร มากกว่าจะเร่งรสด้วยเครื่องปรุงเข้ม ๆ ทว่าให้ความสุขยืนยาวกับร่างกาย

“ทุกจานคือเรื่องเล่าของบ้านเรา—หมูผัดรากชู ลาบดอย ยำผักอาข่า ปลานิลหมกสิม๊ะแชะ… ใครได้ลอง จะจำรสชาติผาหมีไปนาน” — ผกากานต์ รุ่งประชารัตน์ ประธานวิสาหกิจชุมชนฯ

Soft Power จาก “ครัวอาข่า” เมื่อกาสะลองกลิ่นสมุนไพรกลายเป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “อาหารอาข่า” กลายเป็น Soft Power ที่ทรงพลังของผาหมี ทั้งในฐานะ กิจกรรมเรียนรู้เชิงประสบการณ์ (Cooking Class/Experiential Tourism) และการต่อยอดสู่ Chef’s Table/Delivery ในเมืองใหญ่ ภายใต้แนวคิด “Local Aroi” นำวัตถุดิบ–เรื่องเล่าจากชุมชนสู่คนเมือง โดยยังยึดสูตรดั้งเดิมและความดีต่อสุขภาพเป็นความแตกต่าง

เมนูเด่นอย่าง หมูผัดรากชู ใช้ “หอมชู/รากชู” เป็นตัวเอก—สมุนไพรพื้นถิ่นที่ชาวอาข่าคุ้นมือ ลาบดอย ที่เน้นเครื่องสมุนไพรและกลิ่นหอมไม่ซ้ำใคร ยำผักอาข่า (ห่อปะโซะ) ที่เบาแต่เปี่ยมคุณค่า และ ปลานิลหมกสิม๊ะแชะ ที่ชูผลไม้ป่ากับเครื่องเทศท้องถิ่น—ทุกคำคือเรื่องเล่าความสัมพันธ์ระหว่างคนกับป่า และคือ “รหัสวัฒนธรรม” ที่จับต้องได้ของอาข่า

เกณฑ์ SISTA–Biosphere ชี้ทางสู่มาตรฐานสากล

เวที Skål International ให้ความสำคัญกับผลลัพธ์เชิงสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล โดยเฉพาะ “โครงการที่มีส่วนร่วมหลายภาคส่วนและเกิดผลต่อชุมชนจริง” ผู้ได้รับรางวัลยังได้รับสิทธิ์ใช้งานแพลตฟอร์ม Biosphere Sustainable ฟรี 1 ปี—ซึ่งไม่ได้เป็นเพียง “ของรางวัล” แต่คือ “เครื่องมือวางแผนและวัดผล” ที่ผลักให้โครงการต้องกำหนดยุทธศาสตร์ความยั่งยืนส่วนบุคคล (Personalized Sustainability Plan) สอดรับเป้าหมาย SDGs

สำหรับดอยผาหมี นี่คือจังหวะสำคัญในการ “แปลงความสำเร็จภาคสนาม” ให้เป็น “มาตรฐานที่ตรวจสอบได้” ผ่านตัวชี้วัด เช่น การจัดการของเสียในโฮมสเตย์ การประเมินผลกระทบทางวัฒนธรรมของกิจกรรมใหม่ ๆ หรือการติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่กาแฟ—จากไร่จนถึงถ้วย

บทพิสูจน์หลัง “ถ้ำหลวง 2561” ถึง “อุทกภัย 2567”

ย้อนไปปี 2561 หลังเหตุการณ์ “ถ้ำหลวง–ขุนน้ำนางนอน” ความสนใจจากทั่วโลกหลั่งไหลสู่เชียงราย—และกระทบชุมชนชายดอยโดยรอบอย่างไม่ทันตั้งตัว ดอยผาหมีถูกทดสอบด้วย “ดีมานด์พุ่งสูง” ในเวลาอันสั้น ชุมชนตอบโจทย์ด้วยการปรับปรุงการบริการ คุมคุณภาพโฮมสเตย์ กำหนดบทบาทสมาชิก และสร้างกิจกรรมเรียนรู้ที่ “จริงและปลอดภัย” จนความพึงพอใจนักท่องเที่ยวอยู่ระดับ “มากที่สุด” อย่างสม่ำเสมอ

ข้ามมาปี 2567 อุทกภัยและดินโคลนถล่มสร้างความเสียหายสำคัญต่อชุมชนในช่วง High Season แต่แทนที่จะ “รอ” งบเยียวยา ชุมชนจับมือกับ อพท.เชียงราย จัดกิจกรรม ขันโตกอาข่า ท้าลมหนาว ณ ดอยผาหมี” เชิญนักท่องเที่ยวกลับมาสนับสนุนโดยตรง รายได้ถูกนำไปฟื้นฟูภูมิทัศน์–โครงสร้างพื้นฐาน และเยียวยาครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ—นี่คือ Self-Financed Recovery ที่สะท้อน “ความยืดหยุ่นและวุฒิภาวะ” ของธรรมาภิบาลชุมชน และสอดรับเกณฑ์ “ความรับผิดชอบต่อสังคม” ของ SISTA อย่างเป็นรูปธรรม

3 เสาหลักที่ทำให้ผาหมี “ชนะใจ” คณะกรรมการ

(1) เศรษฐกิจสองขา: กาแฟคุณภาพ + ประสบการณ์คุณค่า
แบรนด์ “กาแฟผาหมี” ทำให้ชุมชนถือกุญแจทั้งห่วงโซ่ ตั้งแต่ไร่ถึงแก้ว เกิดรายได้ต่อเนื่องตลอดปี ลดความผันผวนของรายได้จากนักท่องเที่ยวที่ขึ้นลงตามฤดูกาล และเปิดพื้นที่ให้การท่องเที่ยวมุ่งสู่ “คุณภาพ/ราคาที่สะท้อนคุณค่า” มากกว่า “ปริมาณผู้มาเยือน”

(2) มรดกจับต้องไม่ได้: อาหาร–พิธี–ภาษา คือหัวใจ
ชุมชนเลือกเน้น “การถ่ายทอดวัฒนธรรมผ่านการลงมือทำ” (learning by doing) มากกว่า “ขายของที่ระลึก” แยกส่วน นักท่องเที่ยวจึงได้ สัมผัส–ลิ้มรส–เรียนรู้ โดยตรง เกิดความเข้าใจและเคารพในวัฒนธรรมอาข่าอย่างแท้จริง

(3) ธรรมาภิบาลและความยืดหยุ่น
วิสาหกิจชุมชนทำหน้าที่ “ศูนย์กลางกำกับดูแล” ที่เปิดให้สมาชิกมีส่วนร่วมสูง จัดสรรบทบาท–ผลประโยชน์โปร่งใส จัดคิวโฮมสเตย์–มาตรฐานบริการ และมี “แผนจัดการวิกฤต” จากประสบการณ์จริง—แสดงความพร้อมบนสันดอยที่ท้าทายทั้งภูมิอากาศและภูมิประเทศ

เสียงสะท้อนจากหน่วยงานสนับสนุน อพท.ชี้ “จากหมู่บ้านกาแฟ สู่แลนด์มาร์ก Gastronomy Tourism”

องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) แสดงความยินดีพร้อมระบุว่า โมเดลดอยผาหมีสอดคล้องกับทิศทางการขับเคลื่อน เชียงราย เมืองสร้างสรรค์ยูเนสโก (UCCN) ด้านการออกแบบ” ที่ได้รับรองในปี 2566 และสอดคล้องการพัฒนา “อุทยานธรณีเชียงราย” ที่เชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศ–วัฒนธรรม ชี้เป้าอนาคตชัดเจนว่า ดอยผาหมี ไม่ควรหยุดอยู่เพียง “หมู่บ้านกาแฟ” หากกำลัง “ยกครัวอาข่า” สู่ Gastronomy Tourism ที่วางมาตรฐานการเรียนรู้จากเจ้าของภูมิปัญญา—ดูของจริง—ลงมือทำจริง

จากรางวัลสู่แผนที่เดินต่อ ทำ “Playbook ผาหมี” ให้ประเทศนำไปใช้

ชัยชนะระดับโลกครั้งนี้จะมีความหมายสูงสุด เมื่อ “ต่อยอดได้จริง” บน 3 เส้นทางหลัก

ทำมาตรฐานให้ตรวจสอบได้ (Biosphere Plan) ใช้สิทธิ์แพลตฟอร์ม Biosphere Sustainable ฟรี 1 ปี จัดทำแผนความยั่งยืนรายหมู่บ้าน–รายกิจกรรม กำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม (ของเสีย น้ำ พลังงาน) สังคม (การกระจายรายได้/การจ้างงานในท้องถิ่น) และวัฒนธรรม (การถ่ายทอด–ประเมินผลกระทบทางวัฒนธรรมของกิจกรรมใหม่) ปรับตำแหน่งสู่ High-Value/Niche Market สื่อสารสถานะ “รองชนะเลิศ SISTA 2025” ในทุกจุดสัมผัส—ตั้งแต่สื่อออนไลน์–ป้ายหน้างาน–สคริปต์ไกด์–เมนูอาหาร—เพื่อย้ำความแตกต่างจากการท่องเที่ยวชาติพันธุ์แบบผิวเผิน ดึงดูดนักเดินทางคุณภาพสูงที่ให้คุณค่ากับความรับผิดชอบและความแท้จริง เขียน “คู่มือผาหมี” (Replication Playbook) ถอดบทเรียนการตั้งกลไกวิสาหกิจชุมชน การจัดสรรบทบาท การจัดคิวโฮมสเตย์ การออกแบบกิจกรรมเรียนรู้–Storytelling ครัวอาข่า และการบูรณาการเกษตรมูลค่าสูง (กาแฟ) กับการท่องเที่ยว—เพื่อให้ชุมชนชาติพันธุ์–พื้นที่สูงอื่น ๆ ทำซ้ำได้รวดเร็วและปลอดภัยต่อวัฒนธรรม

ความเสี่ยงที่ต้องเฝ้า ปกป้อง “ความแท้” ให้คงอยู่กับการเติบโต

เมื่อความนิยมเพิ่มขึ้น ความเสี่ยง กัดกร่อนทางวัฒนธรรม” ก็เพิ่มตาม ชุมชนและหน่วยงานต้องร่วมกันวาง Cultural Impact Assessment (CIA) สำหรับกิจกรรม/สินค้าใหม่ ไม่ให้แรงกดดันทางพาณิชย์ทำให้ความหมายทางวัฒนธรรมถอยหาย ตลอดจนวางแผนโครงสร้างพื้นฐานให้ “ทนทานสภาพภูมิอากาศ” มากขึ้น ลดความเสี่ยงซ้ำรอยอุทกภัย–ดินถล่มในปีที่ผ่านมา

มาตรวัดที่มากกว่า “ยอดเช็กอิน” เพราะการเปลี่ยนแปลงเริ่มที่ครัวอาข่า

รางวัล SISTA 2025 ส่งสัญญาณสำคัญว่ามาตรฐานสากล “ให้คะแนน” กับความจริงแท้และผลลัพธ์ที่ชุมชนมีส่วนกำหนด มิใช่เพียงยอดผู้มาเยือนหรือภาพสวยบนอินสตาแกรม ความสำเร็จของผาหมีจึงเป็น ชัยชนะของวิธีคิด—ว่าความยั่งยืนต้องวัดผลได้ด้วยตัวชี้วัด และต้องเล่าได้ด้วยเรื่องราวของคนในพื้นที่

บนกระดาษประกาศรางวัล อาจเขียนเพียง “รองชนะเลิศ” แต่ในสายตานักเดินทางและผู้กำหนดนโยบาย นี่คือ “แชมป์ใจ” ที่ทำให้เราเห็นว่าหมู่บ้านเล็กบนสันดอยสามารถเป็นห้องเรียนความยั่งยืนของประเทศ—และเป็น “พิมพ์เขียว” ให้ชุมชนอื่นเดินตาม

ดอยผาหมีชนะ เพราะไม่เคยพยายามเป็น “ของฝาก” ให้เมืองใหญ่ แต่เลือกเป็น “ครัว” ให้โลกเรียนรู้—จากเมล็ดกาแฟถึงสมุนไพรในครก, จากพิธีโล้ชิงช้า ถึงยำผักอาข่าที่ทุกคนทำเองได้ ในวันที่โลกถามหาการท่องเที่ยวที่รับผิดชอบ—ผาหมีตอบด้วยการทำให้เห็น และวันนี้โลกตอบกลับด้วยรางวัล

ภารกิจต่อจากนี้ คือ ยกระดับจาก “รางวัล” สู่ “มาตรฐาน” ใช้ Biosphere สร้างแผนวัดผลที่เข้มแข็ง ทำ Playbook เพื่อขยายผล และปกป้องความแท้ของวัฒนธรรมด้วยเครื่องมือประเมินผลกระทบทางวัฒนธรรม เมื่อทำครบวงจร—ผาหมีจะไม่เพียงเป็น “ที่เที่ยวดัง” แต่จะเป็น “สถาบันเรียนรู้การท่องเที่ยวยั่งยืน” ของไทยบนเวทีโลก

ใครมาเชียงราย—อย่าลืมขึ้นดอยผาหมี ชิมกาแฟ ลองยำผักอาข่า และฟังเรื่องเล่าจากเจ้าของครัวเอง เพราะที่นี่ “ไม่ได้เสิร์ฟแค่ความอร่อย แต่เสิร์ฟวัฒนธรรมที่กินได้”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • Skål International – Sustainable Tourism Awards (SISTA) 2025
  • Biosphere Sustainable Platform
  • องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.)
  • วิสาหกิจชุมชนกลุ่มท่องเที่ยวดอยผาหมี (Doi Pha Mee Community Enterprise
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News