เชียงรายชี้แจงกรณีควาญช้างมีผื่นผิวหนัง ไม่พบพิษสารหนูจากแม่น้ำกก – ยืนยันไม่สอดคล้องอาการสัมผัสสารพิษ

จุดเริ่มต้นของความกังวลในชุมชนริมแม่น้ำกก

เชียงราย, 9 พฤษภาคม 2568จากกรณีที่มีรายงานข่าวในพื้นที่ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย กรณีชายรายหนึ่งซึ่งประกอบอาชีพเป็นควาญช้าง มีอาการผื่นขึ้นตามร่างกายและรอยโรคผิวหนังผิดปกติ ส่งผลให้ชาวบ้านในบริเวณหมู่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตรเกิดความกังวลว่าอาจเกี่ยวข้องกับสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านชุมชนและใช้ประโยชน์จากแม่น้ำนี้ทั้งในชีวิตประจำวันและกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

สถานการณ์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากทั้งหน่วยงานท้องถิ่น นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนประชาชนทั่วไปที่ติดตามข่าวเรื่องสารหนูปนเปื้อนในลำน้ำกกอย่างใกล้ชิดนับตั้งแต่มีรายงานผลตรวจคุณภาพน้ำจากหลายหน่วยงานในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยชัด ไม่ใช่อาการของพิษสารหนู

เพื่อความชัดเจนในทางการแพทย์ โรงพยาบาลศูนย์เชียงรายประชานุเคราะห์ โดย นพ.วิชช ธรรมปัญญา แพทย์เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรม สาขาโรคผิวหนัง ซึ่งได้รับการยอมรับในวงการแพทย์ของจังหวัดเชียงราย ได้ร่วมวินิจฉัยอาการของผู้ป่วยรายดังกล่าว

จากการตรวจวินิจฉัยโดยละเอียด นพ.วิชช ระบุว่า:

“ลักษณะของผื่นและรอยโรคที่ตรวจพบ ไม่สอดคล้องกับอาการของพิษสารหนูทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง”
“อาการทั่วไปของผู้ที่ได้รับพิษสารหนูแบบเรื้อรัง มักปรากฏลักษณะเฉพาะ เช่น ผิวหนังคล้ำและมีจุดขาวดำคล้ายหยดน้ำบนถนนฝุ่น (rain drop on a dusty road), ผิวหนังหนาตัวบริเวณฝ่ามือฝ่าเท้า, อาการชา, ผมร่วง และแผลพุพองตามร่างกาย ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่พบในผู้ป่วยรายดังกล่าว”

ทั้งนี้ แพทย์ยังเน้นว่า การเกิดพิษสารหนูเรื้อรังมักต้องมีการสัมผัสสารหนูต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี และจะมีอาการทางระบบอื่นร่วมด้วย อาทิ ระบบประสาท ระบบหายใจ หรือระบบทางเดินอาหาร ซึ่งกรณีของควาญช้างรายนี้ไม่มีพยานแวดล้อมหรือพฤติกรรมเสี่ยงที่บ่งชี้ถึงการสัมผัสสารหนูในลักษณะนั้น

หน่วยงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงรายลงพื้นที่ตรวจสอบสิ่งแวดล้อม

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย โดยทีมสหวิชาชีพ ได้ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างสิ่งแวดล้อมจากบริเวณรอบบ้านผู้ป่วย รวมถึงแหล่งน้ำที่ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค และจะส่งตรวจในห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานในส่วนกลาง เพื่อความแม่นยำของผลวิเคราะห์ โดยจะรายงานผลอย่างเป็นทางการต่อสาธารณชนทันทีที่ทราบผล

นอกจากนี้ ยังได้จัดทีมสื่อสารสุขภาพเข้าให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับอาการของพิษสารหนู แนวทางการป้องกันเบื้องต้น และการใช้แหล่งน้ำอย่างปลอดภัย พร้อมเปิดช่องทางให้ประชาชนเข้ารับคำปรึกษาหรือการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่โรงพยาบาลของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ปัญหาสารหนูในลำน้ำกก และความเสี่ยงด้านสุขภาพ

ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำสายหลักของจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะแม่น้ำกก ได้กลายเป็นประเด็นที่หน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชนให้ความสนใจอย่างมาก หลังมีรายงานจากหน่วยงานสิ่งแวดล้อมในช่วงต้นปี 2568 ว่าพบสารหนูเกินค่ามาตรฐานบางช่วงของแม่น้ำ โดยเฉพาะช่วงปลายน้ำที่รับน้ำจากแม่น้ำสายและแม่น้ำรวก ซึ่งต้นน้ำมีต้นกำเนิดในเขตเมียนมา

จากข้อมูลของสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 1 (เชียงใหม่) พบว่า สารหนูในแม่น้ำกกบางจุดสูงถึง 0.036 มิลลิกรัมต่อลิตร ขณะที่ค่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดไม่เกิน 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร ส่งผลให้เกิดความกังวลต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ที่ใช้น้ำจากแม่น้ำสายดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านพิษวิทยาจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงให้ความเห็นว่า การได้รับพิษสารหนูจากการใช้น้ำในแม่น้ำโดยตรงยังต้องมีการพิสูจน์หลายขั้นตอน เช่น ปริมาณน้ำที่สัมผัส ระยะเวลาการสัมผัส ความเข้มข้นของสาร และลักษณะทางชีวภาพของแต่ละบุคคล ซึ่งทั้งหมดต้องอาศัยข้อมูลจากการตรวจสอบทางห้องปฏิบัติการควบคู่กับการเฝ้าระวังทางคลินิกอย่างใกล้ชิด

ข้อแนะนำต่อประชาชนจากหน่วยงานด้านสาธารณสุข

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับข่าวที่ยังไม่ได้รับการยืนยันจากทางราชการ พร้อมทั้งแนะนำให้ปฏิบัติดังนี้:

  1. หลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากแม่น้ำโดยตรงในการอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง
  2. ใช้น้ำที่ผ่านการกรองและต้มสุกก่อนบริโภค
  3. หากพบอาการผิดปกติของผิวหนัง หรือระบบอื่น ๆ ให้รีบเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจากสถานพยาบาลใกล้บ้าน
  4. ติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการ และหลีกเลี่ยงการแชร์ข้อมูลที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ

สถิติที่เกี่ยวข้อง ณ พฤษภาคม 2568

  • ค่ามาตรฐานสารหนูในน้ำดื่มตาม WHO: ไม่เกิน 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • ค่าพบสารหนูเฉลี่ยในแม่น้ำกก (จุดวิกฤต): 0.036 มิลลิกรัมต่อลิตร (สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 1)
  • จำนวนผู้ที่เข้ารับการตรวจโรคผิวหนังใน รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ปี 2567: 2,984 ราย (กรมการแพทย์)
  • จำนวนผู้ใช้น้ำจากแม่น้ำกกโดยตรงในอำเภอเมืองเชียงราย: ประมาณ 4,700 ครัวเรือน (สำนักทรัพยากรน้ำภาค 10)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
  • โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์
  • สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 1 (เชียงใหม่)
  • กรมทรัพยากรน้ำบาดาล
  • กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
  • WHO – Drinking-water Guidelines (Arsenic)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News