เชียงรายชูยุทธศาสตร์ “Wellness City” สู้ศึกส่งท้ายปี 2568 ผนึกศิลปะท้องถิ่น–มาตรการรัฐ ดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพท่ามกลางพายุปัจจัยลบ

เชียงราย, 24 ธันวาคม 2568 – ย่างเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของปีท่ามกลางอากาศหนาวเย็นปลายธันวาคม จังหวัดเชียงรายกำลังเร่งเครื่องขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวครั้งสำคัญ ภายใต้แนวคิด “เชียงรายเมืองแห่งสุขภาพ (Chiang Rai Wellness City)” เพื่อช่วงชิงเม็ดเงินท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 ท่ามกลางสัญญาณชะลอตัวของตลาดท่องเที่ยวไทยทั้งจากปัจจัยเศรษฐกิจโลก อุปสงค์นักท่องเที่ยวต่างชาติที่อ่อนแรง และภาวะหนี้ครัวเรือนในประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูง

แม้บรรยากาศท่องเที่ยวช่วงปลายปีโดยรวมยังเผชิญความท้าทาย แต่เชียงรายเลือกเดินเกมเชิงรุก โดยวางยุทธศาสตร์ควบคู่สองแกนหลัก ได้แก่ การสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและสุขภาวะ และการใช้ Soft Power ด้านศิลปะวัฒนธรรม เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพและกระจายรายได้ลงสู่ชุมชนเมืองรองให้มากที่สุด

ภาพใหญ่การท่องเที่ยวไทยปลายปี รายได้หด 3.3% ต่างชาติยังไม่ฟื้น

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KResearch) ประเมินว่า ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2568 – 4 มกราคม 2569 กิจกรรมท่องเที่ยวของไทยจะสร้างรายได้ราว 38,500 ล้านบาท ลดลงประมาณ 3.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนแรงกดดันจากทั้งตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติและกำลังซื้อของคนไทยที่เริ่มชะลอตัว

หากแยกตามที่มา รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติถูกคาดหมายว่าจะอยู่ที่ราว 23,500 ล้านบาท หดตัวประมาณ 6% เมื่อเทียบปีต่อปี จากปัจจัยหลักคือการฟื้นตัวที่ล่าช้าของตลาดระยะใกล้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่ยังต่ำกว่าจุดสูงสุดกว่า 60% ขณะที่รายได้จากนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวในประเทศคาดว่าจะอยู่ที่ราว 15,000 ล้านบาท เติบโตเพียง 1.2% และเติบโตไม่เท่ากันในแต่ละภูมิภาค

ในมุมมองของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ข้อมูล “แนวโน้มการท่องเที่ยวตลาดในประเทศ – ธันวาคม 2568” ชี้ว่า เดือนธันวาคมเพียงเดือนเดียวคาดว่าจะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยประมาณ 19.04 ล้านคน-ครั้ง ลดลงราว 1% และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวราว 108,766 ล้านบาท ลดลงประมาณ 2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อย่างไรก็ดี หากดูตัวเลขสะสมทั้งปี 2568 คาดว่าจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยจะอยู่ที่ประมาณ 206.63 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 3% และสร้างรายได้รวม 1.16 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% สะท้อนว่าตลาดในประเทศยังเป็นฐานสำคัญในการพยุงเศรษฐกิจท่องเที่ยวไทยในภาวะที่ต่างชาติยังไม่กลับมาสู่ระดับเดิม

ด้านตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ททท.ประเมินว่า เดือนธันวาคม 2568 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยราว 3.2 ล้านคน ลดลงราว 11% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่จำนวนสะสมทั้งปีอยู่ที่ราว 32.8 ล้านคน ลดลงประมาณ 8% โดยสัดส่วนนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะใกล้ (Short-haul) ยังเป็นฐานหลักราว 67% ส่วนตลาดระยะไกล (Long-haul) ราว 33%

เมื่อพิจารณาตามสัญชาติ จีนยังคงเป็นตลาดหลักแต่ตัวเลขเดือนธันวาคม 2568 ถูกคาดว่าจะอยู่ที่ราว 352,000 คน ลดลงราว 34% ขณะที่สัญชาติที่มีทิศทางดีขึ้น ได้แก่ รัสเซีย (+18%) อินเดีย (+12%) สหราชอาณาจักร เยอรมนี และฝรั่งเศสที่ยังขยายตัวเป็นบวก สอดคล้องกับข้อมูล Forward Booking เดือนพฤศจิกายนที่สะท้อนว่าตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกายังมีความต้องการเดินทางสูง แต่ภาพรวมการจองตั๋วเครื่องบินเข้าประเทศไทยยังติดลบประมาณ 3%

ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนชัดเจนว่า ภาคการท่องเที่ยวไทยในปี 2568 และต่อเนื่องสู่ต้นปี 2569 มิได้อยู่ในภาวะ “ฟื้นตัวเต็มแรง” แต่กลับเผชิญแรงเสียดทานจากเศรษฐกิจโลก ราคาตั๋วเครื่องบิน และความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมขนาดใหญ่ของไทยมีแนวโน้มรายได้หดตัวราว 2.1% ขณะที่โรงแรมขนาดเล็กและที่พักในเมืองรองยังพอรักษาการเติบโตที่ประมาณ 1.5% จากกำลังซื้อคนไทยในประเทศ

ในบริบทเช่นนี้ เมืองรองที่มีจุดขายเฉพาะอย่างเชียงรายจึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการดูดซับอุปสงค์การท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระจายรายได้ลงสู่ภูมิภาค

เชียงรายเร่งเครื่อง “Wellness City” ย้ำปลอดภัย–สิ่งแวดล้อมดี–เดินทางสะดวก

ท่ามกลางแรงกดดันดังกล่าว จังหวัดเชียงรายเลือกตอบโจทย์ผ่านยุทธศาสตร์ “Wellness City” โดยใช้การประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2568 เป็นเวทีสำคัญในการกำหนดทิศทาง

การประชุมดังกล่าวจัดขึ้น ณ ห้องประชุมธรรมลังกา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย โดยมีนายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน พร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และผู้แทนจากภาครัฐ–เอกชนเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ที่ประชุมเห็นพ้องในหลักการว่า หากเชียงรายต้องการยืนหยัดในฐานะจุดหมายปลายทางในช่วงที่ตลาดรวมชะลอตัว จำเป็นต้องสร้าง “ความเชื่อมั่น” ใน 3 มิติหลัก ได้แก่

  1. ความปลอดภัยระดับสูงสุด
    จังหวัดได้บูรณาการการทำงานของตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว ตั้งแต่การกวาดล้างอาชญากรรม การควบคุมจุดเสี่ยง ไปจนถึงการรณรงค์วินัยจราจรช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวหนาแน่นเป็นพิเศษ
  2. สิ่งแวดล้อมเพื่อสุขภาพ (Healthy Environment)
    เชียงรายมุ่งลดปัญหามลพิษและขยะท่องเที่ยว โดยเชื่อมโยงมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมเข้ากับการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและธรรมชาติ เช่น การจัดระเบียบแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ การบริหารจัดการขยะในชุมชนท่องเที่ยว และการสื่อสารให้ผู้ประกอบการโรงแรม–ร้านอาหารยกระดับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มใส่ใจสุขภาพ
  3. การอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางและบริการ
    จังหวัดเตรียมพร้อมด้านโครงข่ายคมนาคม การจัดระบบจราจรในตัวเมือง จุดบริการข้อมูลท่องเที่ยว และการเพิ่มความสะดวกในการรับ–ส่งนักท่องเที่ยวที่สนามบิน ท่ารถ และด่านพรมแดน เพื่อรองรับทั้งตลาดในประเทศและนักท่องเที่ยวข้ามแดนจาก สปป.ลาว และเมียนมา

เชียงรายเตรียมใช้เวทีประชุมกรมการจังหวัดและแถลงข่าวในวันที่ 25 ธันวาคม 2568 เพื่อย้ำภาพลักษณ์ “Chiang Rai Wellness City” ให้ชัดเจนขึ้นในสายตาสาธารณชน ว่าเป็นเมืองที่ผู้คนอยู่ดี มีสุข ปลอดภัย และพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวคุณภาพทุกช่วงเวลา ไม่ใช่เพียงฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปีเท่านั้น

บ้านซ่อนศิลป์” เส้นทางศิลปะตัวอย่างของการใช้ Soft Power ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก

นอกจากการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยแล้ว เชียงรายยังเดินเกมรุกด้าน Soft Power ผ่าน “ศิลปะท้องถิ่น” ซึ่งเป็นทุนทางวัฒนธรรมที่จังหวัดมีอยู่แล้วในระดับแนวหน้าของประเทศ

เมื่อวันที่ 23–24 ธันวาคม 2568 สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงรายได้จัดกิจกรรม Chiangrai Life Artist Studio for Tourism Media FamTrip ครั้งที่ 2 ภายใต้เส้นทาง “บ้านซ่อนศิลป์ (Hidden Artistic Homes)” เชิญสื่อมวลชนและผู้มีบทบาทในวงการท่องเที่ยวลงพื้นที่สัมผัสประสบการณ์ตรงกับชุมชนศิลปะเชียงราย

เส้นทางเริ่มต้นที่ Miramar Coffee Cafe & Roaster คาเฟ่ที่ผสานบรรยากาศการพักผ่อนเข้ากับพื้นที่สร้างสรรค์ ก่อนเดินทางต่อไปยัง บ้านหลายสี แหล่งเรียนรู้ศิลปะที่รวบรวมผลงานจากศิลปินหลากหลายแขนง สะท้อนอัตลักษณ์ของชุมชนที่ใช้ศิลปะเป็นภาษาหลักในการเล่าเรื่อง

จากนั้นคณะได้เดินทางสู่ ศรีดอนมูลอาร์ตสเปซ อำเภอเชียงแสน พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงผลงานประติมากรรมและเซรามิกของอาจารย์ศรีวรรณ เจนหัตถการกิจ ศิลปินชื่อดังระดับนานาชาติ ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสผลงานสีสันจัดจ้าน รายละเอียดซับซ้อน และมุมมองเชิงปรัชญาที่สะท้อนทั้งความเป็นล้านนา และสภาวะทางสังคมร่วมสมัย

ปิดท้ายวันแรกที่ หอศิลป์อาจารย์นริศ รัตนวิมล ซึ่งนำเสนอผลงานแกะสลักหิน ถ่ายทอดวิถีชีวิตและความเรียบง่ายของผู้คนเชียงรายผ่านเส้นสายที่เฉียบคมแต่ทรงพลัง สร้างความประทับใจและแรงบันดาลใจให้ผู้ร่วมกิจกรรมอย่างมาก

กิจกรรม FamTrip เส้นทาง “บ้านซ่อนศิลป์” ไม่ได้เป็นเพียงการเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศิลปะ แต่เป็นกลไกเชื่อมโยงระหว่างศิลปินท้องถิ่น ชุมชน และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภาพใหญ่ ช่วยกระจายรายได้สู่สตูดิโอขนาดเล็กและครัวเรือนรอบข้าง ขณะเดียวกันก็เสริมภาพลักษณ์เชียงรายในฐานะ “เมืองศิลปะและการออกแบบ” ที่สอดคล้องกับสถานะเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก

เมืองรองได้อานิสงส์ “เที่ยวดีมีคืน 2568” – เชียงรายเก็บเกี่ยวอย่างไร

ในเชิงเศรษฐศาสตร์การท่องเที่ยว ttb analytics ประเมินว่า มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ “เที่ยวดีมีคืน 2568” ซึ่งประกอบด้วยมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา–นิติบุคคล และการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณสัมมนาภาครัฐ น่าจะสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ภาคโรงแรมและท่องเที่ยวไทยเพิ่มเติมราว 5,900 ล้านบาท และมีส่วนช่วยให้รายได้ภาคโรงแรมปี 2568 จากที่เดิมคาดว่าจะหดตัว 0.4% พลิกกลับมาขยายตัวราว 1.6%

จุดที่น่าสนใจคือ มาตรการดังกล่าวออกแบบให้ “เมืองรอง” ได้รับสิทธิประโยชน์สูงกว่าเมืองหลัก เช่น

  • บุคคลธรรมดาที่ท่องเที่ยวในเมืองรองสามารถนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 20,000 บาท และคิดเป็น 1.5 เท่าของฐานภาษี
  • นิติบุคคลที่จัดอบรม–สัมมนาในจังหวัดเมืองรอง สามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักภาษีได้ 2 เท่า

เมื่อเชื่อมโยงกับโครงสร้างภาคโรงแรมของไทยในปัจจุบัน ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากเมืองรองราว 28% และมี SMEs เป็นผู้เล่นหลัก การที่เชียงรายถูกจัดอยู่ในกลุ่มจังหวัดเมืองรองที่มีศักยภาพสูงจึงทำให้จังหวัดอยู่ในตำแหน่ง “ได้เปรียบเชิงนโยบาย” ในปีที่ตลาดรวมชะลอ

ข้อมูลจาก ททท. ระบุว่า ในกลุ่ม “เมืองท่องเที่ยวน่าเที่ยว 55 จังหวัด” เชียงรายถูกจัดอยู่ใน 5 อันดับแรกที่มีแนวโน้มได้รับความนิยมในเดือนธันวาคม โดยคาดว่าจะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยราว 599,500 คน เพิ่มขึ้นประมาณ 2% เมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนว่าภายใต้ภาพรวมประเทศที่ชะลอลง เมืองรองที่มีจุดขายเฉพาะและเข้าถึงได้ง่ายยังสามารถรักษาโมเมนตัมการเติบโตได้

เมื่อประกอบกับยุทธศาสตร์ “Wellness City” และการปั้นเส้นทาง Soft Power อย่าง “บ้านซ่อนศิลป์” เชียงรายจึงมีโอกาสสูงที่จะดึงเม็ดเงินจากกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยที่มีกำลังซื้อและใส่ใจคุณภาพประสบการณ์ แทนที่จะพึ่งพาตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

Wellness, Art และความปลอดภัย สามเสาหลักของเมืองท่องเที่ยวคุณภาพ

จากการรวบรวมข้อมูลเชิงนโยบายและกรณีศึกษากิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงปลายปี 2568 สามารถสังเคราะห์ “สามเสาหลัก” ของยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวเชียงรายในระยะสั้น–กลางได้ดังนี้

  1. สุขภาวะองค์รวม (Holistic Wellness)
    ไม่เพียงเน้นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและอากาศหนาว หากยังให้ความสำคัญกับการจัดการสิ่งแวดล้อม มลพิษ และความเป็นระเบียบของเมือง เพื่อให้ทั้งนักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี แนวคิดนี้สอดคล้องกับเทรนด์การท่องเที่ยวสุขภาพระดับโลกที่มุ่งหา “เมืองน่าอยู่” มากกว่า “เมืองเที่ยวเร็วแล้วไป”
  2. ศิลปะและวัฒนธรรมในฐานะ Soft Power
    เส้นทาง “บ้านซ่อนศิลป์” เป็นตัวอย่างชัดเจนว่าศิลปะสามารถแปลงเป็นรายได้ทางเศรษฐกิจได้จริง ผ่านการเปิดบ้าน–สตูดิโอให้เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว เชื่อมโยงกับคาเฟ่ โลคัลแบรนด์ และผลิตภัณฑ์ชุมชน ขณะเดียวกันก็สร้างพื้นที่ให้ศิลปินรุ่นใหม่ได้เติบโตโดยไม่ต้องย้ายถิ่นฐานไปเมืองใหญ่
  3. ความปลอดภัยและการบริหารจัดการเมือง
    การประชุม กรอ. และการเตรียมแถลงข่าว “Wellness City” สะท้อนว่าจังหวัดให้ความสำคัญกับมิตินี้อย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการจัดระบบจราจร การจัดการจุดเสี่ยงอาชญากรรม การตั้งจุดบริการนักท่องเที่ยว รวมถึงการประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติว่าการเดินทางมาเชียงราย “ปลอดภัยและเป็นมิตร”

เมื่อสามเสาหลักนี้ทำงานสอดประสานกัน เชียงรายย่อมมีศักยภาพที่จะพัฒนาตนเองจาก “เมืองหนาวปลายปี” ไปสู่ “เมืองท่องเที่ยวคุณภาพทั้งปี” ที่รองรับทั้งการท่องเที่ยวระยะสั้น การพักผ่อนเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวเชิงศิลปะ–วัฒนธรรม ตลอดจนการจัดอบรมสัมมนาของภาคเอกชนและหน่วยงานรัฐ

เชียงรายในสมรภูมิท่องเที่ยวใหม่ – ฟันฝ่าสถานการณ์โลกด้วยทุนท้องถิ่น

เมื่อพิจารณาบริบทการท่องเที่ยวไทยปี 2568–2569 ที่เผชิญแรงกดดันรอบด้าน ตั้งแต่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังต่ำกว่าก่อนโควิด ราคาตั๋วเครื่องบินที่สูงขึ้น เศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง ไปจนถึงภาระหนี้ครัวเรือนของคนไทย การคาดหวังว่าภาคการท่องเที่ยวจะกลับไปเติบโตแบบก้าวกระโดดในระยะสั้นย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย

อย่างไรก็ตาม ทิศทางที่เชียงรายเลือกเดินผ่านยุทธศาสตร์ “Chiang Rai Wellness City” และการขับเคลื่อน Soft Power ศิลปะท้องถิ่น แสดงให้เห็นว่าจังหวัดไม่ได้รอให้เม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติไหลกลับมาเอง หากแต่พยายาม “ออกแบบอนาคตของตนเอง” ด้วยทุนที่มีอยู่แล้วในพื้นที่ ทั้งภูมิประเทศอันงดงาม อากาศเย็นสบาย วัฒนธรรมหลากหลาย และชุมชนศิลปินที่แข็งแรง

ในเชิงนโยบาย ระยะถัดไปเชียงรายอาจต้องเร่งต่อยอดในประเด็นสำคัญ เช่น

  • ยกระดับมาตรฐานสถานประกอบการด้านสุขภาพและ Wellness ให้ได้การรับรองในระดับประเทศ–นานาชาติ
  • พัฒนาระบบข้อมูลท่องเที่ยวเชิงลึกของจังหวัด เพื่อใช้วางแผนการตลาดและติดตามผลมาตรการต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ
  • สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างจังหวัดเมืองรองภาคเหนือ เพื่อออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวร่วมกัน ลดการแย่งชิงนักท่องเที่ยว และเพิ่มระยะเวลาพำนักเฉลี่ย

ท้ายที่สุด แม้บทวิเคราะห์ข่าวชิ้นนี้จะสะท้อนภาพรวมจากข้อมูลเผยแพร่สาธารณะและคำชี้แจงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่งานวิชาการหรือรายงานเชิงวิจัย หากแต่มีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงตัวเลขเชิงสถิติกับความเคลื่อนไหวในพื้นที่จริง เพื่อให้ผู้อ่านที่สนใจข่าวสารเชิงลึกสามารถใช้ประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบาย ธุรกิจ หรือการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวของตนเองต่อไป หากมีส่วนใดคลาดเคลื่อนในเชิงวิชาการ ยินดีอย่างยิ่งหากผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์การท่องเที่ยวและการพัฒนาพื้นที่จะเข้ามาเพิ่มเติมข้อเท็จจริงและข้อเสนอแนะ เพื่อให้การขับเคลื่อนเชียงรายสู่เมืองท่องเที่ยวคุณภาพเป็นไปอย่างแม่นยำและยั่งยืนมากที่สุด

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KResearch)
  • ttb analytics
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
  • สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME