เชียงรายเร่งตั้งศูนย์เฝ้าระวังคุณภาพน้ำ 4 จุด พร้อมเดินหน้าทำแผนแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองต้นน้ำเมียนมา

เชียงราย, 9 มิถุนายน 2568 สถานการณ์ปนเปื้อนสารโลหะหนักในลำน้ำสำคัญของภาคเหนือ โดยเฉพาะแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง กำลังกลายเป็นประเด็นวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมที่ทุกภาคส่วนต้องเร่งรับมืออย่างจริงจัง ล่าสุด นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์เฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อม ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงราย เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมเน้นย้ำการดำเนินงานเชิงรุกตามข้อสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์คุณภาพน้ำในพื้นที่ภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง

จุดตรวจดังกล่าวถือเป็นหนึ่งใน 4 จุดของศูนย์เฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้จัดตั้งขึ้น ครอบคลุมแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลกลางในการวัดคุณภาพน้ำ ตรวจสอบตะกอน และเผยแพร่ข้อมูลต่อประชาชนผ่านระบบป้ายประชาสัมพันธ์แบบเรียลไทม์ พร้อมรับเรื่องร้องเรียนและสร้างการมีส่วนร่วมจากชุมชนในทุกพื้นที่

ศูนย์เฝ้าระวัง 4 จุดในพื้นที่เสี่ยง ครอบคลุม 2 จังหวัด

ศูนย์เฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่จัดตั้งขึ้นครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย และเชียงใหม่ โดยแบ่งเป็น 4 จุดหลัก ได้แก่

  1. สะพานท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ (แม่น้ำกก) – รับผิดชอบโดย กรมทรัพยากรน้ำบาดาล
  2. ศูนย์ราชการเชียงราย อ.เมือง จ.เชียงราย (แม่น้ำกก) – รับผิดชอบโดย กรมควบคุมมลพิษ
  3. ด่านพรมแดนแม่สายแห่งที่ 1 อ.แม่สาย จ.เชียงราย (แม่น้ำสาย) – รับผิดชอบโดย กรมควบคุมมลพิษ
  4. สามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย (แม่น้ำโขง) – รับผิดชอบโดย กรมทรัพยากรน้ำบาดาล

ศูนย์ทั้ง 4 แห่งมีบทบาทสำคัญในการตรวจวัดสารปนเปื้อน โดยเฉพาะสารหนู ปรอท และแคดเมียม ที่ถูกสันนิษฐานว่าไหลลงมาจากเหมืองแร่ในเขตชายแดนเมียนมา และอาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพประชาชน รวมถึงเศรษฐกิจท้องถิ่นที่พึ่งพาแหล่งน้ำธรรมชาติ

กรมควบคุมมลพิษเดินหน้าเจรจาระดับรัฐบาล ร่วมกับเมียนมาและจีน

ในระดับนโยบาย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ ได้สั่งการให้ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เร่งตรวจสอบคุณภาพน้ำในลำน้ำกกและลำน้ำสาย พร้อมประสานกระทรวงการต่างประเทศจัดเจรจาอย่างเป็นทางการกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาและสาธารณรัฐประชาชนจีน กรณีผลกระทบจากการทำเหมืองที่ต้นน้ำ

นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน ยังได้มอบหมายให้คณะทำงานเร่งหาข้อสรุปในการกำหนดกรอบการเจรจาระหว่างประเทศ เพื่อผลักดันให้การทำเหมืองข้ามพรมแดนอยู่ภายใต้ระบบความรับผิดชอบร่วมกัน

ข้อเสนอเสริมระบบดักตะกอนสารพิษ ก่อนปล่อยน้ำสู่แม่น้ำสายหลัก

นอกจากการติดตามตรวจสอบข้อมูล คพ. ยังได้ร่วมวางแผนกับกรมทรัพยากรน้ำ ออกแบบระบบดักตะกอนบริเวณจุดที่ตรวจพบการปนเปื้อน เพื่อนำตะกอนที่มีโลหะหนักออกจากลำน้ำ ลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนออกแบบและจัดทำระบบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

จัดตั้ง “AIM” ศูนย์ข้อมูลกลางแห่งแรกของประเทศ

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารและลดความสับสนจากการเผยแพร่ข้อมูลหลายช่องทาง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ได้มีข้อสั่งการให้จัดตั้ง “ศูนย์ข้อมูลกลางเพื่อการรับรู้และติดตามสถานการณ์” หรือ Awareness Information Monitoring (AIM) โดยมอบหมายให้ คพ. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การประปาส่วนภูมิภาค กรมอนามัย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย ดำเนินการรวบรวม วิเคราะห์ และเผยแพร่ข้อมูลคุณภาพน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ น้ำประปาหมู่บ้าน และผลิตผลทางการเกษตรอย่างเป็นระบบ

แต่งตั้งทีมที่ปรึกษาวิชาการ 9 ราย สนับสนุนศูนย์อำนวยการส่วนหน้า

ในการประชุมล่าสุดมีมติแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาจำนวน 9 ราย ประกอบด้วยนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย และผู้เชี่ยวชาญจากสาขาแวดล้อม ได้แก่ ศ.ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง, นายวิชัย ไชยมงคล, ผศ.ดร.ชิตชล ผลารักษ์, ผศ.ดร.พงศ์พันธุ์ กาญจนการุณ, ดร.ณัฐนนท์ จิรกิจนิมิตร, ดร.สืบสกุล กิจนุกร, อ.ทสิตา สุพัฒนรังสรรค์, อ.ณิชภัทร์ กิจเจริญ และนายอาทิตย์ ภูบุญคง ซึ่งจะทำหน้าที่สนับสนุนการดำเนินงานเชิงวิชาการของศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ลุ่มน้ำกกและลุ่มน้ำสาย

จากการตรวจเยี่ยมสู่การเปลี่ยนผ่านเชิงนโยบาย

การลงพื้นที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายในครั้งนี้ มิได้เป็นเพียงการให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ หากแต่เป็นการส่งสัญญาณถึงความเร่งด่วนในการยกระดับระบบเฝ้าระวังและสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองต้นน้ำเมียนมาไม่อาจแก้ไขได้ด้วยมาตรการภายในประเทศเพียงลำพัง ความร่วมมือระดับภูมิภาคจึงเป็นหัวใจสำคัญ

ในขณะเดียวกัน การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลกลาง AIM และการสนับสนุนโดยทีมที่ปรึกษาวิชาการ ถือเป็นก้าวสำคัญในการวางรากฐานการจัดการข้อมูลที่โปร่งใส และเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนต่อบทบาทของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News