
เชียงราย, 1 กันยายน 2568 — เมืองเชียงรายตื่นอีกครั้งกับคำถามซ้ำเดิมของคนเมือง: เมื่อไรเสาไฟฟ้าและพะเนินพะย่อของสายสื่อสารจะหายไปจากท้องฟ้าเมืองเก่าแก่แห่งนี้เสียที คำตอบเริ่มมีรูปธรรม เมื่อจังหวัดเดินหน้าติดตามความคืบหน้า “โครงการนำสายไฟฟ้า–สายสื่อสารลงใต้ดิน” และวางหมุดเวลาแล้วเสร็จไว้ที่ กลางเดือนเมษายน 2569 เพื่อให้ทันรับฤดูกาลท่องเที่ยวและยกระดับภาพลักษณ์เมืองให้ “สะอาด สวยงาม และอัจฉริยะ” อย่างที่วางวิสัยทัศน์ร่วมกันไว้
การประชุมความคืบหน้าเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568 มี นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน ร่วมด้วย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย และผู้แทนหน่วยงานหลักทั้ง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ./PEA) และ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) โดยย้ำเป้าหมายผูกกับวาระใหญ่ระดับชาติ ทั้งการพลิกโฉมเชียงรายสู่ Smart City และการหนุนบทบาท “เชียงราย–แม่สาย” ใน ระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ (Northern Economic Corridor: NEC) ที่รัฐบาลมุ่งผลักดันให้เป็นฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของประเทศ
ฉากปฏิบัติการเร่งเก็บเสา–ย้ายสาย รับไฮซีซันท่องเที่ยว
ความคืบหน้าที่จับต้องได้เริ่มเห็นเป็นชิ้นเป็นอัน—บริเวณ ห้าแยกพ่อขุนเม็งรายมหาราช และพื้นที่โดยรอบดำเนินการลงสายใต้ดินแล้ว ขณะที่แนวถนนยุทธศาสตร์ในเขตเมือง เช่น ถนนธนาลัย–กำแพงเมือง และช่วง จากแยก สภ.เมืองเชียงราย ถึงสถานีขนส่งแห่งที่ 1 กำลังทยอยนำสายลงท่อและรื้อถอนเสาไฟฟ้า เพื่อคลี่คลายภาพจำ “เมืองสายระโยงระยาง” ให้หมดไปตามกรอบเวลาที่วางไว้
“เมื่อโครงการแล้วเสร็จ เมืองจะโล่งตา สะอาด และเป็นระเบียบมากขึ้น” คือสารที่ทีมบริหารท้องถิ่นส่งถึงประชาชนควบคู่กับแผนย่อย ปรับไฟส่องสว่าง–ทำถนน–ทำฟุตปาธใหม่ และตั้ง ศูนย์จัดการอัจฉริยะ เพื่อดูแลระบบเมืองหลังงานโยธาจบครบวงจร เป้าหมายไม่ใช่เพียง “ความสวยงาม” แต่คือการยกระดับ ความปลอดภัย–คุณภาพชีวิต–ศักยภาพเศรษฐกิจเมือง ในแพ็กเกจเดียว
โครงสร้างโครงการ 2 เส้นเรื่อง 2 พื้นที่ งบรวมแตะเกือบ 800 ล้านบาท
ภาพใหญ่ของเชียงรายไม่ได้มีเพียงงานในเขตเทศบาลนคร หากยังมีโครงการคู่ขนานที่ อำเภอแม่สาย ซึ่งเป็นด่านการค้า–ท่องเที่ยวสำคัญติดชายแดนเมียนมา ทั้งสองโครงการมีรูปแบบลงทุนและไทม์ไลน์ต่างกัน แต่ประสงค์ปลายทางเดียวกันคือ “ท้องฟ้าสะอาด เมืองทันสมัย ระบบสื่อสารเสถียร”
ตัวเลขงบประมาณสะท้อน “ขนาดงาน” และความคาดหวัง: โครงสร้างพื้นฐานใต้ดินราคาแพงกว่าระบบอากาศหลายเท่า แต่สิ่งที่ได้ตอบแทนคือ ความปลอดภัย–ความทนทานต่อพายุ–และความพร้อมด้านสื่อสาร สำหรับเศรษฐกิจยุคดิจิทัลและการท่องเที่ยวคุณภาพ
ความล่าช้าเชิงโครงสร้าง และ “มรดกสายเก่า” บนเสาเดียว
แม้เป้าหมายชัด แต่เส้นทางสู่เส้นชัยไม่ได้ราบรื่น โครงการในพื้นที่เมืองเคยสะดุดจนต้อง “คืนงบ” ย้อนไปเมื่อ 2–3 ปีก่อน จากนั้นจึงเริ่มตั้งหลักใหม่ ลงนาม MOU และสัญญาจ้างจริงในช่วงกลางปี 2565 ทำให้ดีเลย์จากแผนเดิมไปกว่า 2 ปี ส่วนแม่สาย แม้เริ่มขุดเจาะตั้งแต่ปลายปี 2563 แต่สถานะล่าสุดคาดหมายแล้วเสร็จยืดไปถึง เมษายน 2569 หรือช้ากว่าแผนเดิม 4–5 ปี ปัจจัยหลักไม่ใช่ความตั้งใจ หากเป็น “ปมโครงสร้าง” ที่ซ้อนกันหลายชั้น ทั้งการประสานหลายหน่วยงาน งบประมาณ และข้อจำกัดเชิงเทคนิค—โดยเฉพาะ ปัญหาสายสื่อสารค้างเก่า จากผู้ประกอบการหลายค่ายที่ไม่ได้ใช้งาน แต่ยังพาดคาราวะบนเสาร่วมกับสายใช้งานจริงจนจัดระเบียบลำบาก หน่วยงานกำกับและท้องถิ่นต่างยอมรับว่า “สายที่รกรุงรังจำนวนมาก” เป็นอุปสรรคสำคัญในการย้ายลงดินและรื้อเสาในเฟสสุดท้ายของงาน
ภาพ “สายจำนวนมากบนเสาต้นเดียว” ไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะเชียงราย กรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ก็เผชิญสถานการณ์คล้ายกัน จนเกิดการทบทวน มาตรการจัดระเบียบสายสื่อสาร และแบบแผนการรื้อสายที่เลิกใช้อย่างจริงจังในช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา—ทั้งผ่านบทบาทของ กสทช., รัฐบาลท้องถิ่น และความร่วมมือกับผู้ประกอบการเอกชน
นโยบาย–แรงหนุนระดับชาติ “ลงดิน” ไม่ใช่แค่สวย แต่คือยุทธศาสตร์
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ส่งสัญญาณเชิงนโยบายชัด หลายครั้งรัฐมนตรีดีอีเอสลงพื้นที่เชียงรายและแม่สายด้วยตนเอง เพื่อเร่งรัด “จัดระเบียบสาย–นำลงท่อร่วม” ในจุดยุทธศาสตร์ของ NEC–Creative Lanna ผลลัพธ์ที่รัฐมองหาไม่ใช่เพียงวิวเมืองสะอาด หากรวมไปถึง ระบบสื่อสารที่เสถียร รองรับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การค้า–การลงทุนชายแดน และท่องเที่ยวระดับสากล โดยโมเดลรายได้ในอนาคตยังสามารถเปิดให้เช่า “ท่อร้อยสาย” ใต้ดินแก่ผู้ให้บริการรายอื่นเพื่อกระจายต้นทุนและสร้างความคุ้มในการลงทุนระยะยาวด้วย
บนเส้นนโยบายเดียวกัน ระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ (NEC) ถูกออกแบบให้บูรณาการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลกับวัฒนธรรม–การท่องเที่ยว–โลจิสติกส์ เพื่อยกระดับศักยภาพจังหวัดหัวเมืองเหนืออย่างเชียงรายให้เป็น “แพลตฟอร์ม” เชื่อมเศรษฐกิจสร้างสรรค์และชายแดน สัญญาณเหล่านี้ทำให้ “ลงสายลงดิน” ไม่ใช่งานโยธาโดด ๆ แต่คือ ฐานราก Smart City ที่ต้องรีบปักหมุดให้ทันเวลา
ผลกระทบวันนี้–ประโยชน์วันหน้า ตัวเลข–ความรู้สึก–และความคุ้มค่า
วันนี้ งานลงดินหลีกเลี่ยงผลกระทบด้วยการทำงานกลางคืน ปิด–เปิดการจราจรเป็นช่วง ๆ และติดตั้งป้ายเตือนเพื่อความปลอดภัย แต่ไม่ว่าจัดการดีเพียงใด ผลกระทบชั่วคราวต่อผู้ค้าริมทางและการสัญจรย่อมเกิดขึ้น พรุ่งนี้ เมื่อรื้อเสาออกหมด เมืองจะได้ 3 ผลลัพธ์หลัก:
กรอบคิด “คุ้ม–ไม่คุ้ม” จึงต้องมองฐานะ “สินทรัพย์สาธารณะระยะยาว” ไม่ใช่เพียงค่าใช้จ่าย ณ ปีงบประมาณเดียว—โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจหลัก ด่านพรมแดน และย่านท่องเที่ยวที่ค่าประโยชน์แฝง (externalities) สูงกว่าค่าใช้จ่ายงานโยธา
ทำอย่างไรให้ “เม.ย. 69” ไม่ใช่แค่นัดหมายบนกระดาษ
ปลดล็อก “สายเก่า” ให้จริง—ต้องมี มาตรการบังคับใช้ ชัดเจนให้ผู้ประกอบการร่วมรื้อถอนสายเลิกใช้งานในจุดที่จะลงดิน มิฉะนั้นงานจะค้างอยู่ที่เสาและหน้าตู้สื่อสารปลายทางไม่จบสิ้น กรอบร่วมมือรูปแบบ “ท่อร้อยสายร่วม” และอัตราค่าใช้ท่อที่เป็นธรรม จะช่วยให้เอกชนเต็มใจย้ายเร็วขึ้น การสื่อสารสาธารณะให้โปร่งใส—เผย แผนที่เส้นทาง–สถานะก่อสร้าง–กำหนดรื้อเสา แบบรายถนน และแจ้งผลกระทบล่วงหน้า ช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างก่อสร้างและเพิ่มความร่วมมือจากภาคธุรกิจท้องถิ่น ซึ่งมีการวาง มาตรการคุมงานขุดในอนาคต—เมื่อมีท่อใต้ดินมากขึ้น เมืองต้องมีกติกา “ขุดอย่างไรไม่ทำเคเบิลเสียหาย” และศูนย์ข้อมูลสาธารณูปโภคร่วม (one map) สำหรับผู้รับเหมาภาครัฐ–เอกชน เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุเสียหายและงานซ้ำซ้อน และให้ความสำคัญกับ “ย่านเศรษฐกิจ–ท่องเที่ยว” ก่อน—จัดลำดับความสำคัญ (phasing)ถนนที่ให้ผลกระทบเชิงบวกระดับเมืองสูงสุด แล้วค่อยไล่ขยายไปสายรอง เพื่อสร้าง “ชัยชนะระยะสั้น” (quick wins) และความเชื่อมั่นของสาธารณะ
เสียงสะท้อนจาก “สนามจริง” บทเรียนที่ต้องจำ
บทเรียนจากหลายเมืองชี้ชัดว่าปัญหาสายสื่อสารที่รกรุงรังเกิดจาก การติดตั้งใหม่โดยไม่รื้อของเก่า และ ความเป็นเจ้าของสายกระจัดกระจาย กสทช. และหน่วยงานท้องถิ่นจึงร่วมกันจัดทำแนวทางและปฏิบัติการ “จัดระเบียบสาย” ในหลายจังหวัด พร้อมผลักดันการย้ายลงท่อร่วมตามความพร้อมของถนนและงบประมาณ ยิ่งในเชียงรายที่มีความหมายเชิง เศรษฐกิจชายแดน + ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การแก้ปมนี้ให้เด็ดขาดคือ เงื่อนไขความสำเร็จ ที่ต้องทำคู่ขนานกับงานโยธาใต้ดิน
จาก “ฟ้าโล่ง” สู่ “เมืองอัจฉริยะ” ถาวร
เชียงรายกำลังเดินจาก “ภาพจำเสา–สาย” ไปสู่ “ภาพจริงเมืองสะอาด–ปลอดภัย–เชื่อมต่อฉลาด” หากทำได้ตามเป้าหมาย เมษายน 2569 เมืองจะได้ทั้ง ภูมิทัศน์ใหม่, โครงสร้างสื่อสารพร้อมใช้, และ ความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว–นักลงทุน ในฐานะจุดหมายระดับภูมิภาคที่พึ่งพาได้ แต่ความสำเร็จนั้นไม่ได้วัดด้วยความเร็วในการขุดเพียงอย่างเดียว—มันวัดด้วย คุณภาพการประสานงาน ความเข้มแข็งของ กติกาเชิงกำกับ ต่อ “สายเก่า” และ ความโปร่งใสในการสื่อสารกับประชาชน ตลอดทาง
เมื่อ “สายบนฟ้า” ลงดิน—สิ่งที่ลอยขึ้นแทนคือ ความหวังของเมือง ที่จะก้าวสู่ Smart City บนฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของ NEC อย่างเต็มภาคภูมิ
แผนที่ข้อมูล (สำหรับผู้นำไปใช้ตัดสินใจ–ปฏิบัติการ)
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.