
เชียงราย, 4 พฤศจิกายน 2568 — ยามเย็นริม “บึงทัพฟ้า” ลมหนาวต้นเดือนพฤศจิกายนพัดผ่านเหนือผืนน้ำที่สงบนิ่งก่อนเปลวไฟนับพันดวงจะถูกจุดขึ้นพร้อมกันอย่างเป็นระเบียบ ตะเกียงแต่ละใบค่อย ๆ ส่องสว่างรอบคุ้งน้ำ ดั่งริ้วคลื่นแห่งความกตัญญูที่ทอดยาวไปไกลสุดสายตา ณ ชั่วขณะนั้น เมืองเชียงรายทั้งเมืองเหมือนหยุดหายใจเพื่อร่วม “วาระเดียวกัน”—รำลึกพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงเป็นแรงบันดาลใจและร่มพระบารมีของประชาชนไทยมายาวนาน
บนพื้นที่เดียวกัน เทศบาลนครเชียงราย นำโดย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้ผนึกกำลังกับ กองทัพอากาศ จัดพิธี “พันดวงประทีป ธ ประดับสวรรคาลัย” อย่างสมพระเกียรติ โดยมี พลอากาศเอก ประภาส สอนใจดี ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานพิธี และมีผู้แทนหน่วยราชการ ทหาร ข้าราชการท้องถิ่น ตลอดจนประชาชนจำนวนมากเข้าร่วม ท่ามกลางบรรยากาศเรียบสง่า แต่เข้มขลังด้วย “แสงศรัทธา” ที่ทุกคนร่วมกันจุดถวายเพื่อแสดงความจงรักภักดีและขอบคุณในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น
ขณะเดียวกัน ในเขตตัวเมืองอีกฟากหนึ่ง มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (มรภ.เชียงราย) จัดพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย ณ หอประชุมใหญ่ โดยมี พระราชวชิรคณี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย/เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ รองศาสตราจารย์ ดร.ไพโรจน์ ด้วงนคร อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร นักศึกษา หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง ภาพของพุทธศาสนิกชนที่สงบนิ่งในหอประชุมตัดสลับกับแสงประทีปรอบบึงทัพฟ้าในยามค่ำ กลายเป็น “สองเวที–หนึ่งความหมาย” ที่สะท้อนพลังร่วมของเมืองทั้งเมือง
บึงทัพฟ้า—เมื่อ “หนึ่งเปลวไฟ” สานเป็น “พันดวงประทีป”
พิธีเริ่มขึ้นโดยขั้นตอนระเบียบเรียบร้อยตามแบบแผนราชพิธีร่วมสมัย เสียงเพลงเบา ๆ ผสานกับเสียงลมเหนือผืนน้ำ ผู้คนหลากวัยสวมชุดสุภาพร่วมจุดตะเกียงทีละดวง ลำดับแถวเรียงรายรอบบึงก่อเกิดเป็น “วงแหวนแห่งแสง” ซึ่งบันทึกความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณผ่านภาพที่เรียบง่ายแต่ตราตรึง การจัดวางพื้นที่และการกำกับดูแลความปลอดภัยดำเนินไปอย่างรัดกุม สะท้อนความร่วมมือของเทศบาล หน่วยงานความมั่นคง และจิตอาสาในพื้นที่
สาระของพิธี เน้นย้ำสามมิติสำคัญคือ “กตัญญู–จงรักภักดี–เสียสละ” ประชาชนที่เข้าร่วมต่างตั้งใจให้ “แสงแห่งความดีงาม” นี้เป็นสัญลักษณ์นำทางการดำรงตนในชีวิตประจำวัน ตามรอย พระราชปณิธาน ของพระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยเฉพาะด้านงานหัตถศิลป์และการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งทรงวางรากฐานไว้ให้สังคมไทยยึดถือและสืบสานต่อมาอย่างยาวนาน
หอประชุมใหญ่ มรภ.เชียงราย—ความศรัทธาที่กลั่นเป็น “บุญกุศล”
ขณะบึงทัพฟ้าสุขุมด้วยแสงไฟ หอประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัยเต็มไปด้วยความสงบงามของพิธีสงฆ์ พระราชวชิรคณี นำประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย โดยมี รศ.ดร.ไพโรจน์ ด้วงนคร เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ภายในพิธีประกอบด้วยบทสวดมนต์ อนุโมทนา และการร่วมใจภาวนาของผู้เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ความพร้อมหน้าของ คณาจารย์–บุคลากร–นักศึกษา–หัวหน้าส่วนราชการ–ผู้นำท้องถิ่น–ประชาชน บอกเล่า “พลวัตการมีส่วนร่วม” ที่บ่มเพาะในสถาบันการศึกษา เพื่อส่งต่อ “จิตสำนึกพลเมือง” เข้าสู่สังคมวงกว้าง
สาระสำคัญ ของพิธีที่มหาวิทยาลัย คือการให้พื้นที่กับ “ความทรงจำร่วม” ผ่านรูปแบบที่แสดงออกได้อย่างเหมาะสม—ทั้งด้านพุทธศาสนา (พิธีบำเพ็ญกุศล) และด้านพลเมือง (การรวมพลังทำความดี) นี่ไม่ใช่เพียง “พิธีกรรม” หากเป็น “บทเรียนสาธารณะ” ที่ทำให้นักศึกษาและคนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้คุณค่าของความกตัญญูและการเสียสละ ผ่านการลงมือปฏิบัติและสัมผัสบรรยากาศจริง
ทำไม “พันดวงประทีป” จึงทรงพลัง อ่านสัญลักษณ์ในสามระดับ
เชียงรายในมุมความทรงจำ เมือง–ศรัทธา–งานหัตถศิลป์
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ชื่อ “เชียงราย” เด่นชัดในบทสนทนาเรื่องวัฒนธรรมและหัตถศิลป์ล้านนา ตั้งแต่งานทอผ้า งานจักสาน งานแกะสลัก ไปจนถึงงานศิลป์ร่วมสมัย แก่นค่านิยมหนึ่งที่สะท้อนชัดจากพิธีในวันนี้คือ “การสืบสานอย่างมีชีวิต” ไม่ใช่เพียงการเก็บรักษา แต่คือการทำให้มี “ผู้สืบทอด” อยู่เสมอ ซึ่งสอดคล้องกับพระราชปณิธานของพระบรมราชชนนีพันปีหลวงในการทรงทำนุบำรุงงานหัตถศิลป์และศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่น
เมื่อ เทศบาลนครเชียงราย ผนึกกำลังกับ กองทัพอากาศ และหน่วยงานท้องถิ่น การจัดพิธีที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมความหมายจึงไม่ใช่ “งานครั้งคราว” หากเป็น “กลไก” ในการก่อรูปความทรงจำและบ่มเพาะความเป็นพลเมืองร่วมสมัยให้แข็งแรงขึ้น
มหาวิทยาลัยคือสะพาน เชื่อมความทรงจำสู่อนาคตของคนรุ่นใหม่
บทบาทของ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ในค่ำคืนนี้ ไม่เพียงแสดงความพร้อมทางวิชาการและพิธีการ แต่ยังตอกย้ำบทบาทของ “สถาบันอุดมศึกษา” ในฐานะ “พื้นที่กลางของชุมชน” ที่เปิดรับคนทุกวัย ทุกสาขาอาชีพเข้าสู่พิธีกรรมทางสังคมที่มีความหมาย การได้เห็นนักศึกษา “เรียนบทเรียนพลเมือง” ผ่านการมีส่วนร่วมจริง—ตั้งแต่เตรียมงาน อำนวยความสะดวก ไปจนถึงร่วมภาวนา—คือการส่งต่อทุนสังคมชุดสำคัญ ความรับผิดชอบ–ความอ่อนน้อม–ความเคารพในสถาบันหลักของชาติ
สถิติ–สัญญะ–ส่วนร่วม (Reading the Impact)
แม้พิธีเชิงสัญลักษณ์จะวัดค่าเชิงปริมาณได้ยาก แต่สามองค์ประกอบต่อไปนี้ช่วย “อ่านผลลัพธ์” ได้ชัดเจนขึ้น
เชื่อมโยงพระราชปณิธาน จากงานศิลป์–หัตถกรรม สู่ความดีงามในชีวิตประจำวัน
หนึ่งในรากฐานที่ทำให้พิธีค่ำคืนนี้ทรงความหมายคือการได้ “น้อมระลึก” ถึงพระราชปณิธานด้านการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม งานหัตถกรรม และภูมิปัญญาพื้นถิ่น—สิ่งที่ส่งผลจริงต่อวิถีชีวิตประชาชน ทั้งการสร้างงาน สร้างรายได้ และสร้างความภาคภูมิใจให้ชุมชน เมื่อประชาชนและนิสิตนักศึกษาลุกขึ้นมาร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง สิ่งที่ซึมลึกกว่าความงามของเปลวไฟ คือ “แรงบันดาลใจจะทำความดีต่อเนื่อง” ในหน่วยเล็ก ๆ ของสังคม ครอบครัว โรงเรียน วัด ชุมชน
บทเรียนสำหรับเมือง ทำอย่างไรให้ “ความทรงจำร่วม” ดำรงอยู่ยาวนาน
สองพื้นที่—หนึ่งใจเดียว
ค่ำคืนที่ “บึงทัพฟ้า” เมืองได้เห็นแสงประทีปนับพันดวงโอบกอดผืนน้ำ ขณะที่ “หอประชุมใหญ่ มรภ.เชียงราย” เปล่งเสียงสวดกังวานด้วยความสงบเยือกเย็น—สองภาพนี้คือ บทกวีร่วมสมัยของเชียงราย ที่ร้อยเรียงด้วยเส้นด้ายเดียวกันคือ ความกตัญญูและความจงรักภักดี ต่อ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และเมื่อเปลวไฟสุดท้ายค่อย ๆ มอดดับ ผู้คนแยกย้ายกลับบ้านพร้อม “แสงเล็ก ๆ ในใจ” ที่ยังอุ่นอยู่—แสงที่เตือนว่า ในโลกที่หมุนเร็วขึ้นทุกวัน ยังมีค่าหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยน: การระลึกคุณและการทำความดีร่วมกัน
KEY TAKEAWAYS (สำหรับผู้อ่านเชิงนโยบาย/การจัดการเมือง)
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.