
เชียงราย,13 สิงหาคม 2568 – ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงรายคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดประชุมด่วน โดยมี นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน เพื่อติดตามสถานการณ์โรคโปลิโอที่ฝั่งเมียนมาและกำหนดมาตรการเชิงรุกฝั่งไทย สาระสำคัญคือ “ยืนยัน” แผนรณรงค์ ให้ OPV เสริม 2 รอบ ในพื้นที่ชายแดนพื้นที่ครอบคลุมวัคซีนต่ำและจุดที่มีการเคลื่อนย้ายประชากรสูง โดย
กลุ่มเป้าหมายคือ เด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี และ เด็กต่างชาติอายุต่ำกว่า 15 ปี ที่อาศัยในแนวชายแดน ครอบคลุม เชียงราย–เชียงใหม่–แม่ฮ่องสอน เพื่อหยุดยั้งโอกาสแพร่เชื้อ หากมีการนำเข้ามาจริงในช่วงฤดูท่องเที่ยวที่กำลังใกล้เข้ามา
หมายเหตุ: รายละเอียดข้างต้นอ้างอิงจากการแถลงของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงราย (13 ส.ค. 2568) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
cVDPV1 คืออะไร ทำไม “ต้องรีบ” แม้ไทยปลอดโปลิโอมานาน
หลายคนสงสัยถ้าไทยปลอดโปลิโอแล้ว ทำไมยังต้องฉีดซ้ำ? คำตอบอยู่ที่พลวัตของไวรัสและภูมิคุ้มกันชุมชน
ทำไม “ต้องเป็น OPV” และทำไม “ต้อง 2 รอบ”
ไทยกับตารางวัคซีนตามปกติเสริม “ระบบประจำ” ด้วย “ปฏิบัติการเฉพาะกิจ”
ประเทศไทยมีแผนวัคซีนพื้นฐานที่ปรับตามหลักฐานใหม่ต่อเนื่อง โดยเพิ่ม IPV 2 เข็ม เป็นมาตรฐาน เพื่อเสริมความปลอดภัยด้านอาการรุนแรง และยัง คงบทบาท OPV ในปฏิบัติการเฉพาะกิจ เสริม/SIA เมื่อมีความเสี่ยงเฉพาะพื้นที่–ช่วงเวลา แนวทางนี้ตรงกับคำอธิบายเชิงนโยบายของ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ และการสื่อสารจาก กรมควบคุมโรค ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ปลอดโปลิโอถาวรของไทย
ภาพรวมโรคติดต่ออื่นในเชียงรายเสียงเตือนจากข้อมูลจริง
นอกจากโปลิโอ ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดยังสรุปสถานการณ์โรคเด่นในพื้นที่ (อัปเดต 10 ส.ค. 2568) ระบุว่า
*หมายเหตุ: ชื่ออำเภอ “แม่แดด” ไม่มีในเชียงรายในทางปกครอง อาจหมายถึงหน่วยบริการหรือพื้นที่สำรวจเฉพาะกิจตามนิยามทางระบาดวิทยา
ภาพรวมนี้สะท้อนว่าระบบสาธารณสุขเชียงราย ทำงานหลายสมรภูมิพร้อมกัน การรณรงค์ OPV เสริมจึงต้อง “เกาะไปกับระบบเดิม”ตั้งจุดบริการที่ รพ.สต., โรงเรียน, จุดผ่านแดน, คลินิกชุมชน และทำงานกับ อสม.–ผู้นำชุมชน–ด่านควบคุมโรค ให้เข้าถึงครัวเรือนที่เด็กตกหล่นมากที่สุด
บทเรียนจากชายแดนลอจิสติกส์การสื่อสารความไว้วางใจ
จุดเสี่ยงจริง ไม่ได้อยู่แค่ “แนวเส้นเขตแดน” แต่อยู่ใน ชุมชนเคลื่อนย้าย เช่น แคมป์คนงาน การค้า–ท่องเที่ยวชายแดน ตลาดนัด และโรงเรียนที่มีเด็กข้ามแดน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จึงต้องมี “ทะเบียนเด็กเสี่ยง” ที่อัปเดตตลอดเวลา และเชื่อมกับข้อมูลโรงเรียน–ด่านควบคุมโรค–หน่วยงานปกครองท้องถิ่น
ด้านการสื่อสาร สิ่งสำคัญคือ ภาษาที่ชุมชนเข้าใจได้จริง ไทย, ภาษาชนเผ่า, พม่าพร้อมตอบข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนอย่างตรงไปตรงมา โดยใช้ข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ของ WHO/GPEI ซึ่งย้ำชัดว่าความเสี่ยง cVDPV เกิดจาก “เด็กไม่ได้รับวัคซีนจำนวนมาก” ไม่ใช่จาก “วัคซีนที่มีปัญหา” การเพิ่มความครอบคลุมวัคซีนคือคำตอบเดียวที่ปิดความเสี่ยงนี้ได้อย่างยั่งยืน
มองให้ไกลกว่าการฉีด ผลลัพธ์ต่อครัวเรือนชุมชนเศรษฐกิจ
สิ่งที่ประชาชนควรทำตอนนี้
คำถามชวนคิด “สองรอบพอไหมยั่งยืนจริงหรือ”
ในเชิงเทคนิค การทำ SIA 2 รอบ เป็น “ขั้นต่ำจำเป็น” ให้ภูมิชุมชนดีขึ้นอย่างรวดเร็ว หากบริเวณชายแดนยังมีการเคลื่อนย้ายสูงและพบสัญญาณความเสี่ยงเพิ่มเติม หน่วยงานสาธารณสุขสามารถ ขยายรอบขยายพื้นที่ ได้ตามหลักฐานจริง ณ เวลาเกิดเหตุ (evidence-based) ตามคู่มือรับมือการระบาดของ WHO/GPEI ซึ่งเน้น ความเร็วความครอบคลุมการติดตามคุณภาพหลังจบแต่ละรอบ เป็นตัวชี้วัดสำคัญ
นอกเหนือจากนั้น “ความยั่งยืน” ต้องพึ่ง ระบบวัคซีนประจำ ที่ เก็บตกเด็กทุกคน โดยเฉพาะเด็กไร้เอกสาร–ย้ายถิ่น–อยู่ไกลบริการ รวมถึง ระบบสื่อสารความเสี่ยง ที่ลดความลังเลวัคซีน (vaccine hesitancy) ด้วยข้อมูลโปร่งใส เข้าใจง่าย และ การร่วมมือข้ามหน่วยงาน ด่านควบคุมโรค–พื้นที่การศึกษา–ท้องถิ่น–ภาคเอกชน จึงจะป้องกันปัญหา cVDPV ได้อย่างถาวร
ไทม์ไลน์–พื้นที่–กลุ่มเป้าหมาย
ปิดประตูความเสี่ยงด้วย “ความพร้อม–ความครอบคลุม–ความร่วมมือ”
เชียงรายกำลังทำในสิ่งที่ระบบสาธารณสุขสมัยใหม่เรียกว่า “การป้องกันก่อนเกิดเหตุ”ฉีด OPV เสริมแบบเจาะจงพื้นที่–ช่วงเวลา ตามกรอบ WHO/GPEI เพื่อยกระดับภูมิคุ้มกันชุมชนชายแดนให้ “สูงพอและเร็วพอ” ทันก่อนฤดูกาลท่องเที่ยวและการเคลื่อนย้ายใหญ่ปลายปี
ในมุมของประชาชนทั่วไป สิ่งนี้คือ ประกันความเสี่ยงระดับจังหวัด ที่ต้นทุนต่ำกว่าแต่คุ้มค่ากว่าการรับเคราะห์จากเหตุระบาดฉับพลันในภายหลัง และในระยะยาว หากเราร่วมกัน รักษาความครอบคลุมวัคซีนพื้นฐานให้สูงลดเด็กตกหล่น เชียงรายก็จะไม่เพียงรักษาสถานะความปลอดภัยของตนเอง แต่ยังทำหน้าที่เป็น “แนวกันชน” สำคัญของประเทศ ในการป้องกันการนำเชื้อเข้าจากต่างแดนตามเจตนารมณ์ PHEIC ของ WHO ได้อย่างแท้จริง
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.