
เชียงราย, 13 พฤษภาคม 2568 – จังหวัดเชียงรายประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในการจัดการปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในปี 2568 โดยสามารถลดจุดความร้อนได้ถึง 84.3% พื้นที่เผาไหม้ลดลงกว่า 10,000 ไร่ และคุณภาพอากาศดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงาน ณ ห้องธรรมลังกา ศาลากลางจังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 นำโดยนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย สะท้อนถึงประสิทธิภาพของยุทธศาสตร์ “เชียงรายฟ้าใส” และความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่ทำให้จังหวัดก้าวสู่เป้าหมายการเป็นเมืองสะอาดและยั่งยืน
ความท้าทายจากไฟป่าและหมอกควันในภาคเหนือ
จังหวัดเชียงราย ซึ่งตั้งอยู่ในภาคเหนือของประเทศไทย เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่เผชิญกับปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM2.5 อย่างรุนแรงในช่วงฤดูแล้งของทุกปี โดยเฉพาะในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน สาเหตุหลักมาจากการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม การจัดการเชื้อเพลิงในป่า และหมอกควันข้ามพรมแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน ปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน แต่ยังกระทบต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจท้องถิ่น ซึ่งเชียงรายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ
ในปี 2567 จังหวัดเชียงรายเผชิญกับวิกฤตหมอกควันที่มีจุดความร้อนสูงถึง 3,885 จุด และค่า PM2.5 เฉลี่ยเกินมาตรฐานถึง 64 วัน สร้างความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างมาก เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ จังหวัดเชียงรายได้กำหนดยุทธศาสตร์ “เชียงรายฟ้าใส” ซึ่งมุ่งเน้นการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างเป็นระบบ โดยผสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน ชุมชน และนานาชาติ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชน
ผลสำเร็จของการดำเนินงาน “เชียงรายฟ้าใส” ปี 2568
การแถลงข่าวเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องธรรมลังกา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นำโดยนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ร่วมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาคี และสื่อมวลชน ได้นำเสนอผลการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และ PM2.5 ในช่วงฤดูไฟป่า (1 กุมภาพันธ์ – 10 พฤษภาคม 2568) ซึ่งแสดงถึงความก้าวหน้าที่สำคัญในหลายมิติ
การลดจุดความร้อนและพื้นที่เผาไหม้
จากรายงานของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย (ทสจ.ชร.) และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ร่วมกับข้อมูลจากระบบดาวเทียม Suomi NPP และ VIIRS พบว่า จุดความร้อน (Hotspot) ในปี 2568 ลดลงจาก 3,885 จุดในปี 2567 เหลือเพียง 611 จุด คิดเป็นการลดลง 84.3% อำเภอที่มีจุดความร้อนสูงสุด ได้แก่ เวียงแก่น (114 จุด) เวียงป่าเป้า (95 จุด) และพาน (77 จุด) โดยตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น มีจุดความร้อนสูงสุดที่ 72 จุด
ด้านพื้นที่เผาไหม้ พบว่าพื้นที่เผาไหม้สะสมในปี 2568 อยู่ที่ 52,312 ไร่ ลดลงจาก 62,520 ไร่ในปี 2567 หรือลดลง 10,208 ไร่ (16.3%) ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 139,290 ไร่ ถึง 62% โดยพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์เป็นพื้นที่หลักที่เกิดการเผาไหม้ คิดเป็น 93.8% ของพื้นที่ทั้งหมด
การควบคุมคุณภาพอากาศ
คุณภาพอากาศในจังหวัดเชียงรายดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยค่าเฉลี่ย PM2.5 รายวันในปี 2568 อยู่ที่ 39.18 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ลดลงจาก 52.63 มคก./ลบ.ม. ในปี 2567 หรือลดลง 25.5% และจำนวนวันที่ PM2.5 เกินมาตรฐานลดลงจาก 64 วันในปี 2567 เหลือ 42 วันในปี 2568 หรือลดลง 34.4% สถานีตรวจวัดหลักในอำเภอเมืองเชียงราย แม่สาย และเชียงของ ต่างยืนยันถึงแนวโน้มการลดลงของฝุ่นละออง
มาตรการเชิงรุกและนวัตกรรม
จังหวัดเชียงรายได้ดำเนินมาตรการที่ครอบคลุม 3 ระดับ ดังนี้:
การส่งเสริมเกษตรแบบไม่เผา
สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงรายได้ผลักดันโครงการ “เกษตรไม่เผา” โดยลดจุดความร้อนในพื้นที่เกษตรจาก 225 จุดในปี 2567 เหลือ 68 จุดในปี 2568 หรือลดลง 69.77% โดยเฉพาะการเผานาข้าว (61.8%) และข้าวโพด (17.6%) ผ่านการส่งเสริมการแปรรูปวัสดุเหลือใช้ เช่น ไถกลบ ทำปุ๋ยหมัก และผลิตชีวมวล รวมถึงการอบรมเกษตรกร 78,399 ราย และโครงการนำร่อง “PM2.5 Free Plus” ในอำเภอดอยหลวง ครอบคลุม 1,338 ไร่ เพื่อส่งเสริมการผลิตข้าวโพดแบบไม่เผา
ความยั่งยืนและการขยายผล
ผลสำเร็จของจังหวัดเชียงรายในปี 2568 เป็นผลจากการบูรณาการความร่วมมือในหลายระดับ รวมถึง:
การดำเนินงานเหล่านี้ช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับชุมชน เช่น การแปรรูปวัสดุเหลือใช้เป็นปุ๋ยและชีวมวล ซึ่งสามารถสร้างรายได้เสริมให้เกษตรกร โครงการ “เชียงรายฟ้าใส” ยังเป็นต้นแบบที่สามารถขยายผลไปยังจังหวัดอื่นในภาคเหนือ และเป็นแนวทางสำหรับการจัดการปัญหาหมอกควันในระดับภูมิภาค
ปัจจัยความสำเร็จและความท้าทายในอนาคต
ความสำเร็จของจังหวัดเชียงรายในปี 2568 เกิดจากปัจจัยหลัก 3 ประการ:
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายในระยะยาวยังคงมีอยู่ ได้แก่:
เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ จังหวัดเชียงรายควรวางแผนระยะยาวที่เน้นการส่งเสริมเกษตรยั่งยืน การพัฒนาตลาดคาร์บอนเครดิต และการลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียว เช่น การใช้โดรนและระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดฝุ่นละอองในระดับตำบล
สถิติและแหล่งอ้างอิง
เพื่อให้เห็นภาพความสำเร็จและบริบทของการจัดการไฟป่าและหมอกควันในจังหวัดเชียงราย ข้อมูลต่อไปนี้รวบรวมจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ:
สรุปและคำแนะนำ
จังหวัดเชียงรายประสบความสำเร็จในการจัดการไฟป่าและหมอกควันในปี 2568 ผ่านยุทธศาสตร์ “เชียงรายฟ ฟ้าใส” ซึ่งแสดงถึงพลังของความร่วมมือและนวัตกรรม การลดจุดความร้อน พื้นที่เผาไหม้ และฝุ่น PM2.5 เป็นผลจากนโยบายที่ชัดเจน เทคโนโลยีทันสมัย และการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อรักษาความยั่งยืน ควรส่งเสริมเกษตรยั่งยืน พัฒนาคาร์บอนเครดิต และเสริมความร่วมมือข้ามพรมแดน
สำหรับชุมชนและ อปท. แนะนำให้เข้าร่วมโครงการหมู่บ้านปลอดการเผาและอบรม “อส.สู้ไฟ” ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรลงทุนในเทคโนโลยีตรวจวัดและขยายผลโครงการ “เกษตรไม่เผา” เพื่อลดผลกระทบจากหมอกควันในระยะยาว
เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.