
เชียงราย, 5 กันยายน 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) เปิดฉากภารกิจอนุรักษ์อาคารศาลากลางจังหวัดเชียงราย “หลังแรก” บนถนนสิงหไคลอย่างเป็นทางการ ภายใต้วิสัยทัศน์ “เปลี่ยนศูนย์อำนาจรัฐให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของประชาชน” เป้าหมายชัดเจนคือปรับโฉมเป็น “หอพิพิธภัณฑ์ภาพเก่าเมืองเชียงราย” เพื่อรวบรวมภาพถ่ายประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต และความทรงจำร่วมของเมืองเหนือสุดของสยาม โครงการกำหนดกรอบงบประมาณรวมไม่เกิน 40 ล้านบาท โดยสัญญาหลักที่ประกาศในป้ายโครงการระบุวงเงิน 36,572,000 บาท ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ 6 สิงหาคม 2568 – 31 กรกฎาคม 2569 รวมราว 360 วัน ภายใต้การกำกับดูแลร่วมกันของหลายหน่วยงานด้านมรดกวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรม
“จากศูนย์อำนาจ” สู่ “ศูนย์กลางความทรงจำ”
บ่ายวันนี้ บริเวณ ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย อันเป็นที่ตั้งอาคารเก่าแก่ อบจ.เชียงรายจัดพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 เพื่อเริ่มต้นงานอนุรักษ์อย่างเป็นทางการ ภาพในพิธีสะท้อนอารมณ์ย้อนไปสู่วิถีการรวมศูนย์อำนาจของรัฐสยามเมื่อกว่าศตวรรษก่อน อาคารแห่งนี้เคยเป็น “หน้าตา” ของรัฐสมัยใหม่ในหัวเมืองล้านนา ก่อนบทบาทจะเลือนหายหลังการย้ายศูนย์ราชการ เมื่อโครงการอนุรักษ์เดินหน้า อดีต “ศูนย์อำนาจ” กำลังกลับมาในชุดใหม่—ศูนย์กลางความทรงจำของผู้คน ผ่านภัณฑารักษ์ที่ใช้ “ภาพถ่าย” เป็นภาษาเล่าเรื่อง
ทำไมต้องอาคารนี้คุณค่าทางสถาปัตยกรรมและการเมือง
อาคารศาลากลางหลังแรกของเชียงรายเริ่มสร้าง พ.ศ. 2440 และเปิดใช้อย่างเป็นทางการ พ.ศ. 2443 อยู่คู่เมืองมานานกว่าศตวรรษ ลักษณะเด่นคือ สถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล ก่ออิฐถือปูน สามชั้น ระบบโครงสร้าง กำแพงรับน้ำหนัก หนาครึ่งเมตร ฐานรากทำ “แพซุง” รับตัวอาคาร โครงพื้น–ตง–คานไม้สักทอง หลังคาทรงปั้นหยา รายละเอียดเหล่านี้สะท้อนทั้งภูมิปัญญาช่างพื้นถิ่นและอิทธิพลตะวันตกในย่านการค้า–การปกครองชายแดนเหนือยุคเปลี่ยนผ่าน
ทางการเมือง อาคารคือ สัญลักษณ์รัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ที่ขยายการปกครองเข้าสู่ล้านนา การมี “ศาลากลางถาวร” กลางย่านสิงหไคลไม่เพียงตอบโจทย์ราชการ หากยังสื่อสารความ “ศิวิไลซ์” ของรัฐสมัยใหม่ต่อชุมชนและชาวต่างชาติที่หลั่งไหลมาค้าขาย ในเวลาต่อมา เมื่อย้ายศูนย์ราชการออกนอกเมือง พ.ศ. 2512 อาคารถูกทิ้งร้าง ระยะหนึ่งจึงเกิดความพยายามฟื้นฟูให้กลับมาเป็นพื้นที่สาธารณะของเมือง
ไทม์ไลน์ย่อของอาคารสัญลักษณ์
งบประมาณ–สัญญา–ผู้เกี่ยวข้อง กลไกกำกับความโปร่งใส
ข้อมูลบนป้ายโครงการระบุรายละเอียดสำคัญ ได้แก่
มี คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ จากหน่วยงานภาครัฐ–สถาบันการศึกษาร่วมกำกับคุณภาพและมาตรฐานงานอนุรักษ์ เพื่อให้การซ่อม–เสริม–ปรับใช้อยู่ภายใต้หลักวิชาชีพสถาปัตยกรรมอนุรักษ์ โดยยึดแนวทางของกรมศิลปากร ทั้งในส่วนวัสดุ เทคนิค และการคงร่องรอยประวัติศาสตร์เดิม
อนุรักษ์เชิงวิศวกรรมควบคู่ภัณฑารักษ์
แผนงานแบ่งเป็นสองแกนหลัก
1) งานกายภาพอาคาร
2) งานเนื้อหาพิพิธภัณฑ์
แนวทางทั้งหมดสอดรับคอนเซ็ปต์ Adaptive Reuse หรือ “อนุรักษ์ด้วยการใช้ประโยชน์” ที่ทำให้อาคารเก่ามีชีวิตอยู่ได้จริงในเศรษฐกิจปัจจุบัน และเป็นสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมของเมือง
ทำไมภาพเก่าจึงสำคัญ
พิพิธภัณฑ์เลือก “ภาพถ่าย” เป็นภาษาหลัก เพราะภาพคือหลักฐานชั้นต้นที่เชื่อมประวัติศาสตร์มหภาคเข้ากับชีวิตประจำวัน ยิ่งในเชียงรายซึ่งเป็นเมืองพรมแดน ภาพตลาด ย่านการค้า เรือข้ามโขง โรงเรียนเก่า งานเทศกาล หรือภาพชนเผ่าในยุคต้นศตวรรษ ล้วนทำหน้าที่ “ขยายใจความ” เรื่องการอพยพ การค้า และการผสมผสานของผู้คนอย่างทรงพลัง การตีความผ่านภาพยังช่วยให้ผู้ชมรุ่นใหม่เข้าถึงประวัติศาสตร์ได้ง่ายขึ้น ลดระยะห่างระหว่าง “เอกสารราชการ” กับ “ชีวิตคนธรรมดา”
การเรียนรู้–เศรษฐกิจสร้างสรรค์–อัตลักษณ์เมือง
โครงการนี้ไม่ได้ตอบโจทย์เชิงวัฒนธรรมเท่านั้น แต่ยังส่งผลทางเศรษฐกิจและสังคมเชิงรูปธรรม
บทเรียนจากงานอนุรักษ์ทั่วประเทศ
งานอนุรักษ์อาคารประวัติศาสตร์มักเผชิญความท้าทาย 3 ประการ
ด้านเทคนิค – โครงสร้างเดิมแบบกำแพงรับน้ำหนักต้องการวิธีซ่อมเฉพาะทาง หากซ่อมผิดขั้นตอนอาจกระทบเสถียรภาพทั้งหลัง ทางออกคือ สำรวจโครงสร้างอย่างละเอียด และให้วิศวกร–สถาปนิกอนุรักษ์กำกับในทุกจุดเสี่ยง
ด้านงบประมาณ–เวลา – งานซ่อมของเดิมมักพบ “สิ่งไม่คาดคิด” ระหว่างรื้อ ทางออกคือวาง เงินสำรองเผื่อความเสี่ยง และปรับแผนงานแบบเฟส–เปิดพื้นที่ที่เสร็จก่อนให้บริการได้
ด้านการสื่อสารสาธารณะ – ผู้คนคาดหวังสูงต่ออาคารสัญลักษณ์ หากสื่อสารไม่ต่อเนื่องจะเกิดความไม่เข้าใจ ทางออกคือ ป้ายความคืบหน้า–เพจอัพเดต รายเดือน และเปิดให้ชุมชนร่วมกิจกรรมเล็กๆ ระหว่างซ่อม
ป้ายโครงการระบุ คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ และสถาบันการศึกษาร่วมกำกับงาน ถือเป็นกลไกสำคัญลดความเสี่ยงทั้งสามด้าน พร้อมยืนยันมาตรฐาน “ปลอดภัยไว้ก่อน (Safety First)” ติดเคียงป้ายหลักของโครงการ
มองภาพใหญ่เครือข่ายพิพิธภัณฑ์ของ อบจ.เชียงราย
ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา อบจ.เชียงรายไม่ทำงานเชิงวัฒนธรรมแบบจุดเดียว แต่สร้างเครือข่ายแหล่งเรียนรู้หลายแห่งให้ “เสริมกัน” ได้แก่
โครงสร้างนี้ทำให้ “ภาพรวมเชียงราย” ชัดเจนขึ้น: เมืองศิลปะที่ร้อยอดีตเข้ากับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และกระจายการท่องเที่ยวจากตัวเมืองสู่ชายแดนอย่างสมดุล
โรดแมป 12 เดือน จากวันนี้ถึงวันเปิดบ้าน
เสียงจากเอกสารโครงการหลักคิดที่ชัดเจน
แม้ในพิธีเปิดงานจะไม่มีการแถลงคำพูดที่เป็นทางการเผยแพร่ต่อสื่อ แต่ “เนื้อหาในป้ายโครงการ” ให้ภาพชัดถึง หลักคิด 3 ประการ
ทั้งหมดนี้ทำให้โครงการไม่ใช่เพียง “ซ่อมของเก่า” แต่คือการ “จัดการความทรงจำของเมือง” อย่างมีระบบและตรวจสอบได้
เมื่อบ้านเก่าได้บทใหม่
โครงการอนุรักษ์ศาลากลางหลังแรกสะท้อนคำตอบของคำถามใหญ่—มรดกทางสถาปัตยกรรมจะอยู่รอดในเมืองร่วมสมัยได้อย่างไร คำตอบคือทำให้ “มีคนใช้ มีเรื่องเล่า และมีความหมายทางเศรษฐกิจ–สังคม” เมื่อพิพิธภัณฑ์ภาพเก่าเปิดบ้าน ภาพถ่ายในกรอบไม้สักจะไม่ใช่เพียงวัตถุจัดแสดง แต่คือ “บัตรเชิญ” ให้คนเชียงรายและผู้มาเยือนได้ทบทวนอดีต และร่วมกันออกแบบอนาคตของเมือง
แน่นอนว่า 12 เดือนข้างหน้าคือช่วงเวลาทดสอบ ทั้งเชิงเทคนิค งบประมาณ และการมีส่วนร่วมของประชาชน แต่หากทุกชิ้นส่วนทำงานประสานกันดี ศาลากลาง 125 ปี หลังนี้จะกลายเป็น หอความทรงจำของเมือง ที่ยืนยง และเติมเต็มฉาก “เชียงรายเมืองศิลปะ” ให้ชัดกว่าที่เคย
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.