
เชียงราย, 17 ตุลาคม 2568 — กลางฝนปลายฤดูที่พัดพาไอเย็นมาสู่ลุ่มน้ำกก เมืองชายแดนที่ขึ้นชื่อเรื่องชา กาแฟ และเส้นทางโลจิสติกส์สู่ลาว–เมียนมายังคงคึกคักด้วยนักท่องเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์ แต่ใต้ภาพ “เมืองท่องเที่ยวสีเขียว” นั้น ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนสิงหาคมส่งสัญญาณเตือนเข้ม เครื่องชี้ด้านอุปสงค์ (การใช้จ่าย) หดตัวพร้อมกันหลายมิติ โดยเฉพาะ การค้าชายแดนดิ่ง -66.9% พลิกจากเดือนกรกฎาคมที่ยังบวก 2.5%
รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังจังหวัดเชียงรายล่าสุดสรุปสั้น ๆ แต่ชัดเจนว่า “เศรษฐกิจจังหวัดโดยรวมหดตัว เมื่อเทียบทั้งปีต่อปีและเดือนต่อเดือน” แม้ ด้านอุปทาน (การผลิต) จะยังพอประคองด้วยการขยายตัวของภาคบริการและเกษตร แต่ความอ่อนแรงของการใช้จ่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และการลงทุนกำลังกดทับบรรยากาศธุรกิจและครัวเรือนอย่างเห็นได้ชัด
เมืองพรมแดน “เครื่องยนต์สะดุด”
ปกติ “ชายแดน” คือเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเชียงราย ทั้งขนส่งสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมเบา ไปจนถึงพลังงาน แต่เดือนสิงหาคม 2568 ตัวเลข มูลค่าการส่งออก ผ่านด่านศุลกากรเหลือเพียง 4,748.5 ล้านบาท (-71.5%) ขณะที่ มูลค่านำเข้า อยู่ที่ 2,019.4 ล้านบาท (-46.7%) ส่งผลให้แม้จะมี ดุลการค้าเกินดุล 2,729.1 ล้านบาท ก็ไม่ใช่ “เกินดุลจากความแข็งแรง” หากเกิดจาก กิจกรรมการค้าหดตัวทั้งขาเข้า–ขาออก โดยฝั่งส่งออกทรุดแรงกว่าอย่างมาก (ฐานเล็กลงอย่างรวดเร็ว)
สินค้าเปราะบาง ที่ฉุดส่งออก ได้แก่ ผลไม้สด น้ำมันเชื้อเพลิง รถยนต์ และน้ำมันปาล์มโอลีน ขณะที่ นำเข้า ลดตามในกลุ่ม ผลไม้–ผัก–ดอกไม้สด ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และแร่พลวง ภาพรวมนี้สะท้อนปัจจัยภายนอกที่ตึงตัว—ตั้งแต่ความเปลี่ยนแปลงด้านมาตรการด่านแดน ไปจนถึงภาวะชะลอตัวของอุปสงค์ในภูมิภาค—และกระแทกโซ่อุปทานท้องถิ่นที่พึ่งการค้าข้ามแดนเป็นหลัก
ภาครัฐชะลอ–เอกชนระวังตัว “การลงทุนเหยียบเบรก”
เครื่องยนต์ที่ควรช่วยพยุงอุปสงค์กลับ สะดุดพร้อมกัน
แต่กลางพายุยังมีแสงไฟ การบริโภคภาคเอกชนยังโต +2.9% แม้ชะลอจากเดือนก่อน สัญญาณบวกมาจาก รถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ +5.2% ปริมาณจำหน่ายสุรา +16.4% และ การใช้ไฟฟ้าครัวเรือน +6.3% แปลภาษาง่าย ๆ คือ ครัวเรือนยัง “ใช้จ่าย” ในบางหมวด โดยเฉพาะสินค้าคงทนและอุปโภคบริโภคพื้นฐาน
เครื่องยนต์ฝั่งอุปทาน “บริการ–เกษตร” ช่วยประคองฐานผลิต
แม้อุปสงค์ฝั่งใช้จ่ายจะอ่อนแรง แต่ ด้านอุปทาน (การผลิต) ยัง ขยายตัว YoY ได้เพราะโครงสร้าง เชียงรายพึ่งพาภาคบริการกว่า 64.8% ของ GPP
บทสรุปชั่วคราว เครื่องยนต์ “บริการ–เกษตร” ยังพอช่วยให้ฝั่งผลิตไม่ทรุดตาม แต่แรงฉุดจาก “อุปสงค์นอกบ้าน” โดยเฉพาะค้าชายแดนและการลงทุน กำลังบดบังภาพฟื้นตัว
ทำไม “เกษตรผลิตมากแต่จนลง”?
ตัวเลขที่ชวนตั้งคำถามคือ ดัชนีรายได้เกษตรกรเดือนสิงหาคม -13.7% ทั้งที่ปริมาณผลผลิตหลายชนิดเพิ่มขึ้น สาเหตุหลักคือ ราคาสินค้าเกษตรร่วงแรง -15.9%
เมื่อ “ผลผลิตเพิ่ม–ราคาลด” รายได้สุทธิครัวเรือนเกษตรย่อมหดลง ภาพนี้ชี้ปัญหา อุปทานล้น–ขาดกลไกรองรับราคา และความท้าทายด้านโลจิสติกส์–ตลาดส่งออกที่สะดุดจากการค้าชายแดน ซึ่งต้องการมาตรการเชิงระบบมากกว่าการเยียวยาระยะสั้น
เสถียรภาพเศรษฐกิจ สัญญาณ “เงินฝืด”–จ้างงานหด
ภาวะเงินฝืดช่วยลดค่าครองชีพบางรายการ แต่ในทางเศรษฐศาสตร์ถือเป็น “สัญญาณไม่ดี” หากยืดเยื้อ เพราะสะท้อนดีมานด์ที่อ่อนแรงและอาจทำให้ภาคธุรกิจชะลอการจ้างงาน–ลงทุนต่อเนื่อง
การคลังท้องถิ่น รายได้รัฐยังบวก แต่ “เบิกจ่ายลงทุน” ต้องเร่ง
เดือนสิงหาคม จังหวัดจัดเก็บรายได้ 315.9 ล้านบาท (+6.8%) หนุนโดย สรรพากรพื้นที่ +7.1% (VAT/ภาษีเงินได้) และ สรรพสามิต +10.8% (ภาษีเครื่องดื่ม–สุรา) ขณะที่ ด่านศุลกากร -9.7% ตามการค้าชายแดนชะลอ
ด้านรายจ่าย เบิกจ่ายรวม 1,100.8 ล้านบาท (-3.9%) เพราะ รายจ่ายลงทุนหด โดยหน่วยงานที่เกี่ยวกับทางหลวง–ชลประทาน–สาธารณสุข–การศึกษา “เบิกช้า” หลายแห่ง ตัวเลขสะสมปีงบฯ ถึงสิงหาคม รายจ่ายลงทุนเบิกได้ 57.4% ต่ำกว่าเป้าหมายปลายปีที่ 80% ชี้โจทย์ต้องเร่ง ก่อหนี้ผูกพัน–เคลียร์งานจัดซื้อจัดจ้าง ให้ทันไตรมาสสุดท้าย
มาตรการกระตุ้นที่ “ลงเงินถึงมือคนเชียงราย” เม็ดเงินสุทธิ 3.49 พันล้าน สะเทือน GPP 0.67%
แม้แรงฉุดหลายด้าน แต่เชียงรายได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ 2 ชุดใหญ่ตลอดปีงบประมาณ ซึ่ง สำนักงานคลังจังหวัดเชียงราย ประเมิน “ผลคูณทางเศรษฐกิจ” ไว้อย่างเป็นระบบ ได้แก่
สรุปทั้งสองมาตรการ เม็ดเงินสุทธิ 3,495.96 ล้านบาท สร้าง “ผลคูณ” ทางเศรษฐกิจ 3,620.71 ล้านบาท คิดเป็น 0.67% ของ GPP เชียงราย และ 0.29% ของ GDP ประเทศ — แปลว่า “นโยบายคนละครึ่ง–สวัสดิการรัฐ” กำลังทำหน้าที่กันชนดีมานด์ในยามที่เอกชนระวังตัวและพรมแดนสะดุด
(ข้อมูลอินโฟกราฟิก สำนักงานคลังจังหวัดเชียงราย)
ความหมายเชิงนโยบาย ในขณะที่ฝั่ง “อุปสงค์ภายนอก” (ค้าชายแดน) หดตัว การคงระดับการใช้จ่ายของครัวเรือนผ่านมาตรการตรงจุด ช่วย “ซื้อเวลา” ให้เครื่องยนต์บริการ–ท่องเที่ยวและค้าปลีกเดินต่อไปได้ และให้ภาครัฐมีจังหวะเร่งปลดล็อกคอขวดการลงทุน
5 สัญญาณที่ผู้ประกอบการควรจับตา
3 “คานค้ำ” ที่ต้องรีบวางก่อนเข้าสู่ไฮซีซัน
1) ฟื้น “ท่อการค้า” ชายแดนให้ไหลลื่นอีกครั้ง
ตัวเลขสองในสามที่หายไปจากการค้าชายแดน ไม่อาจถูกชดเชยด้วยกิจกรรมภายในได้ทั้งหมด ระดับนโยบายควรเร่ง อำนวยความสะดวกด่าน–เชื่อมมาตรฐานตรวจสินค้า–เวิร์กช็อปเชิงเทคนิคกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึง เปิดช่องทางเฉพาะกิจ สำหรับสินค้าเน่าเสียง่าย และจับคู่ธุรกิจให้ผู้ส่งออกท้องถิ่นเข้าถึงดีลใหม่ ๆ ในลาว–เมียนมา–จีนยูนนาน
2) เร่งเครื่องลงทุนรัฐ ขจัดคอขวดจัดซื้อจัดจ้าง
เมื่อ รายจ่ายลงทุนสะดุด ต้องใช้ “บัญชีติดตามรายวัน” กับ หน่วยงานหัวรถจักร เช่น แขวงทางหลวง–ชลประทาน–ทางหลวงชนบท–โรงพยาบาล–มหาวิทยาลัย พร้อม Roadmap เบิกจ่ายรายสัปดาห์ จนถึงไตรมาสสุดท้าย เพื่อให้ ตัวชี้วัดเบิกจ่ายลงทุนแตะ 80% ตามเป้า และส่งต่อแรงคูณให้เอกชน
3) ประกันรายได้–ระบายผลผลิต–ต่อยอดแปรรูป
ในเมื่อ “ปริมาณมาก–ราคาตก” ทางออกคือชั้นเชิงตลาด
เสียงจากตัวเลขการเงินการคลัง “รายได้รัฐยังทน แต่ต้องไม่หลงสัญญาณหลอก”
แม้เดือนสิงหาคม รายได้จัดเก็บ +6.8% แต่ตัวขับเคลื่อนหลักคือ VAT/ภาษีรายได้ (จากกิจกรรมบริโภค) และ สรรพสามิตเครื่องดื่ม–สุรา ขณะที่ ศุลกากร -9.7% สะท้อนว่าการฟื้นตัว “เอียง” ไปฝั่งภายในประเทศ มากกว่าพรมแดน จึงไม่ควรใช้ตัวเลขรายได้รัฐเป็นเหตุผล “ชะลอ” มาตรการอัดฉีดฝั่งชายแดน—กลับกัน ควรใช้ความแข็งแรงฝั่งภาษีในประเทศเป็นฐาน “Front-load” งบลงทุน เพื่อ จุดประกายอุปสงค์ที่ขาดหาย
มองไปข้างหน้า “หน้าหนาว–เทศกาล–มาตรการ” จะพอพยุงไหม?
ไฮซีซันท่องเที่ยวกำลังเริ่ม สอดรับกับชุดมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อที่ลงลึกถึงครัวเรือนในจังหวัด (สวัสดิการรัฐ–คนละครึ่ง พลัส) ซึ่งประเมินว่าสร้าง เม็ดเงินหมุน 3.49 พันล้านบาท และ ผลคูณ 3.62 พันล้านบาท หรือ 0.67% ของ GPP เชียงราย หาก ฝั่งชายแดน ยังไม่เปิดกว้าง–ฝืดเคืองต่อเนื่อง แรงยกเหล่านี้จะ “พยุง” ได้ แต่ ยังไม่พอ “ดัน” ให้เครื่องยนต์เดินราบรื่น จำเป็นต้องมี มาตรการเฉพาะด่าน–เฉพาะสินค้า ควบคู่กันไป (ข้อมูล สำนักงานคลังจังหวัดเชียงราย – อินโฟกราฟิกผลกระทบมาตรการ)
Check-list สำหรับผู้กำหนดนโยบาย–เอกชน–ชุมชน
“อุปสงค์ภายนอก” คือกุญแจ—แต่ต้องกดคันเร่ง “อุปสงค์ในบ้าน” ต่อเนื่อง
ภาพใหญ่ของเชียงรายเดือนสิงหาคม 2568 ชัดเจนขึ้น
ดังนั้น “จุดคลี่คลาย” ของเรื่องนี้ ไม่ใช่การรอคอยโชคช่วย หากคือการ เร่งฟื้นท่อค้าชายแดน ไปพร้อมกับ เร่งเบิกจ่ายลงทุนรัฐ–ค้ำประกันรายได้เกษตร–พยุงดีมานด์ครัวเรือน จนกว่าเครื่องยนต์เอกชนจะมั่นใจพอจะ “อัปเกรดเกียร์” ตามมา
เมืองปลายทางท่องเที่ยวอย่างเชียงรายมีความสามารถพิเศษ เปลี่ยนเทศกาลเป็นรายได้ เปลี่ยนแลนด์สเคปเป็นเศรษฐกิจ ถ้าด่านกลับมาไหลลื่น งบลงทุนเดินตามแผน และราคาพืชผลไม่ดิ่ง—ตัวเลขในรายงานรอบถัดไป อาจบอกเล่าเรื่องสมดุลที่มั่นคงกว่าวันนี้
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.