
เชียงราย, 27 สิงหาคม 2568 —ช่องว่างการกำกับดูแล “พืชกระท่อม–กัญชา” หลังปลดล็อกในระดับประเทศ กลายเป็นโจทย์ยากของจังหวัดท่องเที่ยว–การค้าชายแดนอย่างเชียงราย เมื่อธุรกิจบางส่วนฉวยโอกาสตั้งร้านในทำเลอ่อนไหวและขายให้กลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะเยาวชน ประเด็นนี้ไม่ใช่แค่กฎหมายลายลักษณ์อักษร แต่คือ “สมดุลใหม่” ระหว่างสุขภาพสาธารณะ เศรษฐกิจท้องถิ่น และความปลอดภัยชุมชน ข่าวชิ้นนี้พาไล่เรียงจากเสียงร้องเรียนของพ่อแม่–ครู สู่การบูรณาการ “ฝ่ายปกครอง–สาธารณสุข–ตำรวจ” ลงพื้นที่จริง พร้อมคลี่ให้เห็นปมกฎหมาย–ทางปฏิบัติที่ต้องเร่งปิด และข้อเสนอเพื่อให้ธุรกิจอยู่ได้–เด็กปลอดภัย–เมืองไม่เสื่อมโทรม
เสียงจากผู้ปกครอง–ครู จุดชนวน “เช็คตรง–จับจริง” ใจกลางเมือง
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 27 ส.ค. 2568 ภายใต้คำสั่งการของ นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ชุดปฏิบัติการผสมจาก ที่ทำการปกครองจังหวัดเชียงราย (กลุ่มงานความมั่นคง), สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย, ที่ทำการปกครองอำเภอเมืองเชียงราย และ สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย ได้เข้าตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายกับสถานประกอบการร้านจำหน่ายกัญชา “#ใจแลกใจ” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณสี่แยกหลัง โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ — ทำเลที่มีทั้งโรงพยาบาลและสถานศึกษากระจุกหนาแน่น
เบื้องหลังการลงพื้นที่ครั้งนี้ เริ่มจาก ข้อร้องเรียนต่อเนื่อง ของผู้ปกครองและสถานศึกษาในย่านดังกล่าว ระบุพฤติการณ์จำหน่าย ช่อดอกกัญชา และ น้ำต้มใบกระท่อมปรุงรส ให้แก่นักเรียน–เยาวชน อย่างเปิดเผย ตลอดทั้งกลางวันและยามวิกาล จนเกิดปัญหามั่วสุมใกล้ชุมชน ซึ่งสร้างแรงกดดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้อง “ตรวจ–ตัด–เตือน” แบบเร่งด่วน
ทำเลอ่อนไหว–พฤติการณ์ชัด–ดื่มผสมปรุงรส ขายง่าย ราคางาม
จากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบว่าร้านดังกล่าวตั้งอยู่ ไม่ถึง 200 เมตร จากโรงพยาบาลและสถานศึกษา ถือเป็น ทำเลเสี่ยงต่อการเข้าถึงของเยาวชนและผู้ป่วย แม้ทางร้าน อ้างมีใบอนุญาตจำหน่ายกัญชา แต่พบ การจำหน่าย “น้ำกระท่อมปรุง” เป็นกิจวัตร ทั้งในรูปแบบเครื่องดื่มปรุงแต่งรสชาติ ซึ่งเป็น ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายใต้ข้อห้ามของกฎหมายอาหาร และหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข
ที่น่าห่วงยิ่งกว่า คือ การไม่ตรวจสอบอายุผู้ซื้อ และ ไม่เรียกดูใบสั่งแพทย์/ใบรับรองแพทย์ ตามแนวทางที่หน่วยงานสาธารณสุขกำหนดสำหรับการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ส่งผลให้ นักเรียน–เยาวชนเข้าถึงได้ง่าย และมีรายงานจากชุมชนว่า มีการรวมกลุ่มมั่วสุม หลังซื้อออกจากร้าน ทั้งในช่วงหลังเลิกเรียนและยามค่ำคืน
คำให้การและของกลาง: ผู้จัดการยอมรับ “ขายจริง–ไม่คัดกรอง” รายได้วันละหลักหมื่น
ภายในร้าน เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว นายวิจิตรศักดิ์ (นามสมมติ) อายุ 27 ปี แสดงตนเป็นผู้จัดการและผู้จำหน่าย นายวิจิตรศักดิ์ รับสารภาพในที่เกิดเหตุ ว่ามีการจำหน่ายทั้งช่อดอกกัญชาและน้ำต้มใบกระท่อมปรุง โดยไม่สอบถามอายุ–ไม่เรียกใบสั่งแพทย์ พร้อมให้ข้อมูลเชิงธุรกิจว่า มีรายได้เฉลี่ยวันละ 10,000–15,000 บาท สะท้อน เม็ดเงินหมุนเวียน ของธุรกิจที่อาศัยช่องว่างกำกับดูแลได้อย่างชัดเจน
เจ้าหน้าที่จึงรวบรวม ของกลาง และแจ้งข้อกล่าวหา 2 กระทงหลัก ได้แก่
ภายหลังการแจ้งข้อหา เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาและของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงราย เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอน
คลายปมกฎหมาย “ปลดล็อกไม่ใช่เสรี” และทำไม “น้ำกระท่อมปรุง” ยังผิด
การปลดล็อกพืชกระท่อมและกัญชาในช่วงที่ผ่านมา มิได้หมายถึงเสรีภาพเต็มรูปแบบ การจำหน่าย–โฆษณา–รูปแบบผลิตภัณฑ์ และ “กลุ่มเปราะบาง” (เช่น ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี, หญิงตั้งครรภ์/ให้นมบุตร) ยังถูก จำกัดและห้าม หลายประการ โดยเฉพาะฝั่งอาหาร–เครื่องดื่ม ซึ่งอยู่ภายใต้ พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 และ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ที่ระบุ รายการอาหารต้องห้ามผลิต–นำเข้า–จำหน่าย อย่างชัดเจน
ความจริงสำคัญคือ การใช้ประโยชน์เชิงการแพทย์ กับ การค้าเชิงเสพ มี “เส้นบาง ๆ” คั่นอยู่ที่ เครื่องมือกำกับ–ความรับผิดชอบผู้ประกอบการ–การบังคับใช้กฎหมายเชิงพื้นที่ กรณีร้านดังกล่าวจึงถูกดำเนินคดีในส่วนที่ กฎหมายกำหนดชัด คือผลิตภัณฑ์อาหารต้องห้าม และการตั้งสถานจำหน่ายโดยไม่มีหนังสือรับรอง
มุมสังคม ทำไม “ร้านใกล้โรงพยาบาล–สถานศึกษา” เสี่ยงเป็นพิเศษ
เชียงรายเป็นเมืองที่มีทั้ง โรงเรียน–มหาวิทยาลัย–โรงพยาบาล กระจุกในรัศมีไม่กี่กิโลเมตรจากศูนย์กลางเมือง การมีร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่อาจก่อ ผลกระทบต่อพฤติกรรม/สุขภาพ อยู่ ในรัศมีเดินถึง ย่อมเพิ่มโอกาสเข้าถึงของเยาวชน อย่างก้าวกระโดด ยิ่งเมื่อ ไม่มีการคัดกรองอายุ ตามที่พบในคดีนี้
ประเด็นนี้สัมพันธ์กับ ทฤษฎี “ความพร้อมใช้งาน–ราคาย่อมเยา–การยอมรับทางสังคม” (Availability–Affordability–Acceptability) ซึ่งระบุว่า หาก มีของ–ราคาไม่แพง–สังคมไม่ห้าม อัตราการทดลองใช้ในเยาวชนจะ พุ่งขึ้น แนวทางสาธารณสุขจึงมักใช้ การจำกัดทำเล และ การบังคับใช้เข้มกับผู้ขาย เป็น “ด่านหน้า” ป้องกัน ก่อนจะค่อย ๆ เสริมด้วย การให้ความรู้ ครู–ผู้ปกครอง–นักเรียน เพื่อสร้าง “ภูมิคุ้มกันทางข้อมูล”
ภาพรวมการปฏิบัติการบูรณาการ–ปิดช่องโหว่–ปักหมุดมาตรฐานใหม่
การลงพื้นที่ครั้งนี้สะท้อน สามยุทธศาสตร์หลัก ของจังหวัดเชียงราย
เจ้าหน้าที่ชี้ว่า สัญญาณจากคดีนี้ ไม่ใช่เพียง “ปิดร้านหนึ่ง” แต่คือ “เปิดมาตรฐานใหม่ทั้งเมือง” — ร้านใดตั้งอยู่ใน ทำเลอ่อนไหว หรือ ละเลยการคัดกรองอายุ จะถูก เพ่งเล็ง–สุ่มตรวจ–ปรับปรุงหรือปิด ตามกฎหมายและดุลพินิจเชิงพื้นที่
เสริมเกราะป้องกัน 5 แนวทางลดเสี่ยงเชิงพื้นที่–ชุมชน
เพื่อให้ “ธุรกิจเดิน–เด็กปลอดภัย–เมืองไม่เสื่อมโทรม” ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายสาธารณสุขในพื้นที่เสนอแนวทางที่ ทำได้ทันที ดังนี้
มองไกลกว่าคดี เมื่อ “ความรับผิดชอบของผู้ประกอบการ” คือเส้นแบ่ง
บทเรียนจากกรณีนี้ตอกย้ำว่า ผู้ประกอบการที่ปรับตัวรับกติกา ยังเดินธุรกิจได้ โดยเฉพาะร้านที่เน้น สินค้าเชิงสุขภาพ–กึ่งการแพทย์ และมี มาตรการคัดกรอง–ป้องกันเยาวชน ที่เข้มงวด ในทางกลับกัน ผู้ที่อาศัยช่องว่าง ขายให้กลุ่มเปราะบาง–ตั้งร้านใกล้แหล่งเสี่ยง–ปรุงแต่งผลิตภัณฑ์ต้องห้าม ย่อมเผชิญ ต้นทุนทางกฎหมาย–ชื่อเสียง–ความเชื่อมั่น ที่สูงกว่าผลตอบแทนในระยะยาว
หรือกล่าวให้ชัด “ปลดล็อกไม่ใช่ปล่อยเสรี” เมืองจะเดินหน้าได้ เมื่อ ทุกฝ่ายแสดงความรับผิดชอบ ตามบทบาท — รัฐออกกติกาชัด–บังคับใช้จริง, ธุรกิจค้าขายอย่างใจเข็มทิศสาธารณสุข, ครู–พ่อแม่สื่อสารกับเด็กเรื่องความเสี่ยง และชุมชนช่วยกัน เฝ้าระวังเชิงสร้างสรรค์
เชียงรายปักหมุด “ฟ้าใส” ด้วยกฎหมายที่ทำงาน–ชุมชนที่ไม่นิ่งเฉย
คดี “#ใจแลกใจ” ไม่ใช่เพียงภาพจับกุมรายวัน แต่คือ จุดเปลี่ยนเชิงสัญลักษณ์ ว่าเชียงรายกำลังก้าวสู่ มาตรฐานเมืองปลอดภัยสำหรับเยาวชน ด้วย 3 กลไกขับเคลื่อนพร้อมกัน—ชุมชนร้องเรียนอย่างมีหลักฐาน, รัฐบังคับใช้กฎหมายชัด–รวดเร็ว, และ สาธารณสุขวางเงื่อนไข–สั่งพักใบอนุญาตเมื่อจำเป็น สิ่งสำคัญคือ ความต่อเนื่อง: สุ่มตรวจ–สื่อสาร–ทำให้เห็นผลของการทำผิด (โทษ–ค่าปรับ–ปิด) และผลของการทำถูก (อยู่ได้–เชื่อถือได้)
หากรักษา “วินัยใหม่” นี้ไว้ได้ยาว ๆ เชียงรายจะไม่เพียง “ฟ้าใส” ต่อหน้ากล้องในวันจับกุม แต่จะ ใสจริง ในชีวิตประจำวันของเด็ก ๆ ครู พ่อแม่ และผู้ป่วยรอบโรงพยาบาล–สถานศึกษา ซึ่งคือ หัวใจแท้ของเมืองน่าอยู่
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.