เชียงราย “MICE City แห่งกาแฟ” สร้างยอดจับคู่ธุรกิจ 4.4 ล้านบาท จากกิจกรรม Coffee Journey 2025

เชียงราย 31 สิงหาคม 2568 – จังหวัดเชียงรายก้าวสำคัญสู่การเป็น “MICE City แห่งกาแฟ” หลังโครงการ “Chiangrai Specialty Coffee MICE Journey 2025” ประสบความสำเร็จอย่างน่าประทับใจ สร้างยอดจับคู่ธุรกิจกาแฟคุณภาพสูงมูลค่ารวมกว่า 4.4 ล้านบาท ตอกย้ำศักยภาพของเชียงรายในการเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับธุรกิจไมซ์ระดับชาติ

เส้นทางแห่งการเรียนรู้ จากไร่สู่ถ้วยกาแฟ

กิจกรรมที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-28 สิงหาคม 2568 ณ หมู่บ้านปางขอน จังหวัดเชียงราย เป็นผลงานความร่วมมือระหว่าง Chiangrai Coffee Lovers (CCL) กับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) และสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างสะพานเชื่อมต่อผู้ประกอบการกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ

ผู้เข้าร่วมกิจกรรมประกอบด้วยเจ้าของโรงคั่วกาแฟจาก 15 แห่งทั่วประเทศ วิทยากรผู้เชี่ยวชาญจาก The Roastery by Roj, School Coffee และทีมงานดอยตุง รวมถึงเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟจากไร่กาแฟชื่อดังในพื้นที่ อาทิ ไร่กาแฟครอบครัวมะ, ไร่กาแฟ Magpie, ไร่กาแฟ Soyi และไร่กาแฟดอยกอดรัก

สิ่งที่น่าสนใจคือการที่ผู้เข้าร่วมทุกคนยินดีที่จะ “ลุยฝน” เพื่อเดินทางไปเยี่ยมชมไร่กาแฟและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเกษตรกรกว่า 30 ชีวิต ซึ่งสะท้อนถึงความจริงจังในการสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

วิสัยทัศน์ 4 มิติ ขับเคลื่อนกาแฟไทยสู่เวทีโลก

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์หลัก 4 ประการที่สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศ

ประการแรก การส่งเสริมการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการกาแฟและการท่องเที่ยว ตั้งแต่เกษตรกรผู้ปลูกไปจนถึงคนคั่วและคนชง เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานที่เข้มแข็งและโปร่งใส ประการที่สอง การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการและเกษตรกรในด้านการผลิต การแปรรูป และการบริหารจัดการกาแฟโดยใช้ความรู้เชิงวิทยาศาสตร์และแนวทางมาตรฐานสากล ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพกาแฟไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ และประการที่สาม การเปิดพื้นที่ให้เกิดการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) และการนำเสนอกาแฟคุณภาพจากเกษตรกรสู่ตลาดที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ผลิต รวมไปถึง ประการสุดท้าย การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและเชิงวัฒนธรรมบนฐานกาแฟพิเศษ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระดับชุมชนตามแนวทางของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB)

การเกษตรแบบผสมผสาน หัวใจแห่งความยั่งยืน

หนึ่งในจุดเด่นที่โดดเด่นของการเดินทางครั้งนี้คือการได้เห็นแนวทางการเกษตรแบบผสมผสานของเกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งไม่เพียงแต่ปลูกกาแฟเพียงอย่างเดียว แต่ยังปลูกร่วมกับพืชอื่นๆ เพื่อสร้างระบบนิเวศที่สมดุล

วิธีการเกษตรแบบนี้ส่งผลให้ดินและน้ำมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น ลดการใช้สารเคมี และส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพของเมล็ดกาแฟที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กาแฟจากเชียงรายได้รับการยอมรับจากตลาดทั้งในและต่างประเทศ

พงศกร อารีศิริไพศาล ประธานกลุ่มคนรักกาแฟเชียงราย ผู้ผลักดันโครงการ กล่าวว่า “การได้เห็นความตั้งใจของคนปลูก ทำให้เราตระหนักว่าหน้าที่ของคนคั่วและคนชงไม่ใช่แค่ทำให้กาแฟอร่อย แต่คือการเคารพและต่อยอดความตั้งใจของคนต้นน้ำให้ไปถึงมือคนดื่มอย่างสมบูรณ์ที่สุด”

รูปธรรมของยอดซื้อขายทะลุเป้าหมาย

ความสำเร็จของกิจกรรมครั้งนี้ไม่ได้หยุดอยู่ที่ความประทับใจหรือการแลกเปลี่ยนความรู้เพียงอย่างเดียว แต่สามารถวัดผลได้เป็นรูปธรรมจากยอดการจับคู่ทางธุรกิจที่เกิดขึ้นระหว่างงาน

จากการจับคู่ธุรกิจระหว่างเกษตรกรและผู้แปรรูปกาแฟกว่า 30 คน กับผู้เข้าร่วมจาก 15 โรงคั่วกาแฟ มีการจองสั่งซื้อเมล็ดกาแฟดิบ (Green Coffee Bean) เฉลี่ยโรงคั่วละ 1 ตัน ทั้งในระดับกาแฟคุณภาพ (Quality Mass) และระดับกาแฟพิเศษ (Specialty Grade) รวมยอดซื้อขายทั้งหมดมากกว่า 4.4 ล้านบาท

ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงความต้องการที่สูงของตลาดต่อกาแฟคุณภาพจากเชียงราย และเป็นบทพิสูจน์ว่าเมื่อคนต้นน้ำและคนปลายน้ำได้มาพบปะกัน จะเกิดเป็นการเชื่อมโยงทางธุรกิจที่ยั่งยืนและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล

กาแฟไทยดาวรุ่งแห่งอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม

ธุรกิจกาแฟยังคงเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เติบโตต่อเนื่องในประเทศไทย โดยข้อมูลจากบริษัทสำรวจตลาด Euromonitor International ระบุว่า มูลค่าตลาดกาแฟไทยในปี 2566 อยู่ที่ 34,470.3 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้นเป็นกว่า 65,000 ล้านบาทในปี 2568

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เผยให้เห็นภาพการเติบโตที่น่าสนใจ โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม-กรกฎาคม) มีการจดทะเบียนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกาแฟเพิ่มขึ้นกว่า 5.70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

อรรถน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้กล่าวในงานเสวนา ‘Coffee Fest’ ณ ไอคอนสยาม ว่า “กาแฟไม่ใช่แค่เครื่องดื่ม แต่เป็นวัฒนธรรมการบริโภคที่เชื่อมโยงผู้คนทุกเพศทุกวัย และยังเป็นธุรกิจที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่ก้าวเข้าสู่ตลาดได้อย่างต่อเนื่อง”

ทางด้านการส่งออก ข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ระบุว่า ในปี 2566 ไทยมีมูลค่าการส่งออกกาแฟ 125.89 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 15.59 เมื่อเทียบกับปี 2565 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการยอมรับกาแฟไทยในตลาดโลก

แนวคิดใหม่การท่องเที่ยวเชิงเกษตรบนฐานกาแฟ

โครงการ “ChiangRai Coffee Journey 2025” ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ แต่ยังเป็นการนำเสนอรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ใหม่และน่าสนใจ ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสประสบการณ์การเรียนรู้แบบ 360 องศา ตั้งแต่การดูแลต้นกาแฟ การเก็บเกี่ยว การแปรรูป ไปจนถึงการชิมและประเมินคุณภาพ

กิจกรรมลักษณะนี้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวกลุ่มเล็ก (Small Group Tourism) และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์ที่แท้จริงและมีส่วนร่วม

หนึ่งในผู้เข้าร่วม จากร้าน Heartmade Craft Coffee Roaster กล่าวว่า “สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือการได้พูดคุยกับคนต้นน้ำผู้ปลูกกาแฟ ที่เลือกทำเกษตรแบบผสมผสาน ไม่ใช่แค่การปลูกกาแฟเพียงอย่างเดียว แต่ยังปลูกร่วมกับพืชอื่นๆ สร้างระบบนิเวศที่สมดุล”

MICE City เป้าหมายใหม่ของเชียงราย

การจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการขับเคลื่อนเชียงรายสู่การเป็น MICE City ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยใช้กาแฟเป็นจุดขายหลัก ซึ่งแตกต่างจากเมืองไมซ์อื่นๆ ในประเทศที่มักเน้นไปที่โครงสร้างพื้นฐานหรือความทันสมัยของสถานที่

TCEB ในฐานะหน่วยงานหลักในการส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศ ได้ให้การสนับสนุนโครงการนี้เพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนาเมืองไมซ์รูปแบบใหม่ที่มีเอกลักษณ์และความยั่งยืน

การที่เชียงรายมีความโดดเด่นในด้านการผลิตกาแฟคุณภาพสูง ประกอบกับธรรมชาติที่สวยงามและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เข้มแข็ง จึงเป็นจุดแข็งที่สำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวไมซ์ที่ต้องการประสบการณ์ที่แตกต่างจากเมืองใหญ่

ผลกระทบต่อชุมชนและเศรษฐกิจท้องถิ่น

ความสำเร็จของโครงการนี้ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนท้องถิ่นหลายมิติ เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟได้รับผลตอบแทนที่เป็นธรรมมากขึ้นจากการขายตรงให้กับโรงคั่วกาแฟ โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง

นอกจากนี้ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการท้องถิ่น เช่น บริษัททัวร์ รถเช่า และชุมชนได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองสู่การเป็น DMC (Destination Management Company) ที่มีคุณภาพ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมไมซ์ที่กำลังเติบโตในอนาคต

การพัฒนาในลักษณะนี้จะช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน และเป็นการกระจายความเจริญจากเมืองใหญ่สู่พื้นที่ห่างไกล ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาประเทศที่เน้นความเท่าเทียมและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน

เทรนด์การบริโภคกาแฟ โอกาสทองสำหรับผู้ประกอบการ

ตลาดกาแฟไทยในปัจจุบันมีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยข้อมูลจากการวิเคราะห์ของ Euromonitor International แสดงให้เห็นว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2564-2566) ตลาดกาแฟไทยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ร้อยละ 8.55 ต่อปี

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองกาแฟเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ มากกว่าเพียงแค่เครื่องดื่ม เป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของตลาด ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณภาพ เรื่องราวเบื้องหลัง และความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์มากขึ้น

ข้อมูลเพิ่มเติมจากเนสกาเฟ ระบุว่า กาแฟเป็นหนึ่งในเครื่องดื่ม 3 อันดับแรกที่คนไทยนิยมดื่มในปัจจุบัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพในการขยายตัวต่อไป

ความท้าทายและโอกาสในอนาคต

แม้ว่าผลลัพธ์จากโครงการนี้จะน่าประทับใจ แต่การพัฒนาเชียงรายสู่การเป็น MICE City แห่งกาแฟยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ

ความท้าทายหลักคือการรักษามาตรฐานคุณภาพของกาแฟให้สม่ำเสมอตลอดทั้งปี การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับนักท่องเที่ยวไมซ์ และการสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการระดับสากล

อย่างไรก็ตาม โอกาสที่เชียงรายมีอยู่ก็มีมากมาย ตั้งแต่ทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ภูมิประเทศที่เหมาะสมกับการปลูกกาแฟคุณภาพสูง วัฒนธรรมท้องถิ่นที่เข้มแข็ง และที่สำคัญคือจิตวิญญาณของคนในพื้นที่ที่พร้อมจะเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง

จากไร่กาแฟสู่เวทีโลก

โครงการ “ChiangRai Coffee Journey 2025” เป็นมากกว่าการจัดกิจกรรมเพียงครั้งเดียว แต่เป็นการวางรากฐานสำคัญของการพัฒนาเชียงรายสู่การเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับธุรกิจไมซ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ความสำเร็จจากยอดซื้อขายกว่า 4.4 ล้านบาทในเวลาเพียง 3 วัน เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าตลาดพร้อมรับและชื่นชมคุณภาพของกาแฟเชียงราย การที่ผู้ประกอบการจาก 15 โรงคั่วทั่วประเทศยินดีที่จะเดินทางมาสัมผัสและเรียนรู้ด้วยตนเอง แสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือและศักยภาพของพื้นที่

สิ่งที่น่าภาคภูมิใจที่สุดคือการที่โครงการนี้ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่ผลกำไรทางธุรกิจ แต่ยังคำนึงถึงความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาชุมชนอย่างแท้จริง การเกษตรแบบผสมผสานที่เกษตรกรในพื้นที่ใช้ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างคุณภาพกาแฟที่เป็นเลิศ

หากเชียงรายสามารถรักษาโมเมนตัมนี้ไว้ได้ และพัฒนาต่อยอดในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การบริการ และการสื่อสารกับตลาดสากล ไม่นานเชียงรายอาจกลายเป็น “เมืองไมซ์ที่หอมกรุ่นที่สุด” และเป็นต้นแบบให้กับพื้นที่อื่นๆ ในการใช้จุดแข็งทางการเกษตรเป็นฐานในการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์

เสียงจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

ผู้แทนจากสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดเชียงราย แสดงความมั่นใจว่า การจัดกิจกรรมลักษณะนี้จะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของเชียงรายในฐานะจุดหมายปลายทางสำหรับการจัดประชุมและนิทรรศการที่มีคุณภาพ

“การที่เราสามารถสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครให้กับผู้เข้าร่วมประชุม โดยผสมผสานระหว่างการเรียนรู้ทางธุรกิจกับการสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น จะเป็นจุดขายที่สำคัญในการดึงดูดองค์กรและบริษัทต่างๆ ให้เลือกเชียงรายเป็นสถานที่จัดกิจกรรม” ผู้แทนสมาคมฯ กล่าว

กลยุทธ์ต่อยอดสู่อนาคต

จากความสำเร็จของโครงการครั้งนี้ CCL และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้วางแผนกิจกรรมต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเครือข่าย รวมถึงการพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมสำหรับเกษตรกรและผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทานกาแฟ

การจัดกิจกรรม Road Show ไปยังเมืองใหญ่อื่นๆ เพื่อนำเสนอกาแฟคุณภาพจากเชียงราย และการสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับการซื้อขายกาแฟโดยตรงระหว่างเกษตรกรและผู้ประกอบการ ก็เป็นอีกหนึ่งแผนงานที่น่าจับตามอง

ทั้งนี้ การพัฒนาระบบมาตรฐานการรับรองคุณภาพกาแฟ (Coffee Certification) เฉพาะสำหรับเชียงราย ที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อและเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ ก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายระยะยาวที่สำคัญ

แรงบันดาลใจจากความสำเร็จ

เรื่องราวของ “ChiangRai Coffee Journey 2025” เป็นตัวอย่างที่ดีของการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ แต่สร้างผลกระทบในวงกว้าง การที่ผู้เข้าร่วมทุกคนยินดีที่จะ “ลุยฝน” เพื่อเรียนรู้และสร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริง แสดงให้เห็นถึงพลังของความร่วมมือที่เกิดจากใจจริง

กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างธุรกิจ แต่เป็นการสร้าง “ชุมชนแห่งการเรียนรู้” ที่ทุกคนมีส่วนร่วมในการพัฒนาและเติบโตไปด้วยกัน ซึ่งเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาในระยะยาว

ดังที่หนึ่งในผู้เข้าร่วมกล่าวสรุปไว้อย่างสวยงามว่า “Coffee Journey ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ทริปเรียนรู้ แต่เป็นการเดินทางของหัวใจที่เชื่อมโยงคนปลูก คนคั่ว คนชง และคนดื่มเข้าด้วยกันในถ้วยกาแฟเดียว”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB)
  • สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดเชียงราย
  • Chiangrai Coffee Lovers (CCL)
  • กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
  • The Roastery by Roj
  • School Coffee
  • ทีมงานดอยตุง
  • ไร่กาแฟครอบครัวมะ, ไร่กาแฟ Magpie, ไร่กาแฟ Soyi, ไร่กาแฟดอยกอดรัก
  • Heartmade Craft Coffee Roaster
  • ข้อมูลสถิติการตลาดจาก Euromonitor International
  • สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News