
เชียงราย, 6 กันยายน 2568 – ด่านพรมแดนเชียงของ รถบรรทุกต่อคิวเรียงยาวริมแม่โขง ภาพที่คุ้นตาในช่วงฤดูส่งออกผลไม้ไปจีน แต่ปีนี้มีสิ่งที่ต่างออกไปอย่างมีนัยสำคัญ ตัวเลขการค้าผ่านแดนของเชียงรายทะยานขึ้น ขณะที่การค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านกลับสะดุดแรง
รายงานการวิเคราะห์ครึ่งแรกของปี 2568 (ม.ค.–มิ.ย.) ระบุชัดว่า มูลค่าการค้ารวมของจังหวัดเชียงรายอยู่ที่ 54,258.61 ล้านบาท ทว่าเมื่อแยกโครงสร้าง จะพบความจริงที่สองด้านในภาพเดียวกัน—การค้าผ่านแดน (Transit Trade) มีมูลค่า 38,438.22 ล้านบาท คิดเป็น 70.84% ของทั้งหมด ขับเคลื่อนโดยด่านศุลกากรเชียงของและเส้นทาง R3A สู่จีน ขณะที่ การค้าชายแดน (Border Trade) ซึ่งเป็นการซื้อขายกับเมียนมาและ สปป.ลาว มีมูลค่า 15,820.39 ล้านบาท หรือเพียง 29.16% และยังมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องในหลายเดือน
ภาพรวมที่ “บวกและลบ” อยู่ในจังหวัดเดียวกัน ทำให้เชียงรายกลายเป็นกรณีศึกษาที่น่าจับตา—โอกาสเศรษฐกิจใหม่กำลังก่อตัวในเวลาเดียวกับที่ความเปราะบางบางด้านกำลังกัดกร่อนความมั่นใจของผู้ประกอบการชายแดน
แรงขับเคลื่อน “ทุเรียนสด” เส้นเลือดใหญ่ของการค้าผ่านแดน
หัวใจของการเติบโตครึ่งปีแรก คือคลื่นส่งออก “ทุเรียนสด” สู่สาธารณรัฐประชาชนจีนผ่านด่านเชียงของ—ประตูการค้าบนระเบียงเศรษฐกิจเหนือ–ใต้ (R3A) ที่เชื่อมไทย–ลาว–จีน ข้อมูลยืนยันว่าเฉพาะผลไม้ชนิดนี้ได้ดันมูลค่าการค้าผ่านแดนให้พุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จนทำให้สัดส่วนของ Transit Trade ต่อการค้ารวมแตะเกิน 70% เป็นครั้งสำคัญ
อย่างไรก็ดี จุดแข็งข้างต้นก็แฝง “ความเสี่ยงตามฤดูกาล” ไว้ในตัวเอง เดือนมิถุนายน 2568 เป็นตัวอย่างชัดเจน—มูลค่าส่งออกหดตัวลงถึง 4,556.17 ล้านบาท โดย กว่า 4,450 ล้านบาท มาจากทุเรียนที่สิ้นสุดฤดูผลิต การเติบโตที่ผูกกับสินค้าไม่กี่ชนิด จึงทำให้กราฟการค้าเหวี่ยงตัวแรงระหว่าง “ฤดูกาล–นอกฤดูกาล” และกลายเป็นโจทย์สำคัญต่อการบริหารกระแสเงินสดของผู้ส่งออก ตลอดจนการวางแผนเสถียรภาพรายได้ของจังหวัด
ด้านมืดของกราฟ การค้าชายแดนสะดุด—เมียนมา–ลาวชะงักจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์
ในอีกฟากหนึ่งของจังหวัด เส้นแดนที่แม่สายและเชียงแสนเผชิญแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง การค้าชายแดนกับเมียนมาและลาวหดตัว ตามข้อมูลที่บันทึกไว้ในหลายเดือน สาเหตุหลักถูกชี้ไปยัง สถานการณ์ความไม่สงบภายในเมียนมา และ การตรวจสอบสินค้าที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งทำให้การขนส่งติดขัด เกิดต้นทุนแฝงจากการรอคิว การเสี่ยงต่อความเสียหายของสินค้า และความไม่แน่นอนในการปิด–เปิดด่านโดยไม่มีกำหนด
เมื่อนำปัจจัยดังกล่าวมารวมกับความผันผวนของค่าเงินเพื่อนบ้านและกำลังซื้อที่อ่อนแรง ภาพรวมฝั่งชายแดนจึงออกมาในเชิงลบ แม้ความต้องการของตลาดปลายทางในเมียนมาจะยังมีอยู่ก็ตาม
ภาพจำแนกตามด่านตัวเลขที่เล่าเรื่อง
เพื่อมองเห็นโครงสร้างการค้าของเชียงรายอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ข้อมูลครึ่งปีแรก 2568 แยกตามด่านมีดังนี้
เมื่อรวมทั้งสามด่าน จะได้ภาพรวม ส่งออก 44,692.48 ล้านบาท / นำเข้า 9,566.12 ล้านบาท / รวม 54,258.61 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนชัดเจนว่าการค้าของเชียงรายเอนตัวไปทาง “ผ่านแดนสู่จีน” มากกว่าค้าชายแดนกับเพื่อนบ้านโดยตรง
สัญญาณเชิงโครงสร้างเมื่อเชียงราย “เปลี่ยนบทบาท”
ข้อมูลอัปเดตเดือนกรกฎาคม 2568 (ที่ผู้ใช้จัดเตรียมไว้) ยิ่งตอกย้ำแนวโน้มการเปลี่ยนผ่าน: การค้าผ่านแดนเติบโต 32.5% ขณะที่ การค้าชายแดนหดตัว -20% นัยสำคัญคือเชียงรายกำลังขยับจาก “ศูนย์กลางการค้าภูมิภาค” ไปเป็น “ประตูการค้าโลก” ที่เชื่อมไทยเข้ากับตลาดจีนโดยตรงผ่านโครงข่ายคมนาคมเหนือ–ใต้
ข้อดีของการเปลี่ยนบทบาทคือการเข้าถึงตลาดขนาดใหญ่และห่วงโซ่โลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ข้อท้าทายคือ ความเข้มข้นของสินค้า (concentration risk) หากสินค้าเอกชน เพียงชนิดเดียว—เช่นทุเรียน—สะดุดจากปัญหาฤดูกาล โรคพืช หรือมาตรการกีดกันทางการค้า ผลกระทบจะสะเทือนทั้งระบบอย่างที่เห็นในเดือนมิถุนายน
นโยบายภาครัฐ อัดฉีดงบ 363.62 ล้านบาท ฟื้นโครงสร้างพื้นฐานชายแดน
เพื่อเสริม “เสถียรภาพกระดูกสันหลัง” ของเศรษฐกิจชายแดน คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติ งบกลาง 363.62 ล้านบาท สำหรับฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหายจากอุทกภัยปลายปี 2567 โดยมุ่งเน้นอำเภอแม่สายและแนวเชื่อมโยงโลจิสติกส์หลักในจังหวัด มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อ:
การลงทุนดังกล่าวถูกคาดหวังให้เป็น “กันชน” หลังวิกฤตน้ำท่วม และเป็นฐานเร่งเครื่องการค้ารอบใหม่ในช่วงไฮซีซันของผลไม้ปลายปี
ความเสี่ยงที่ต้องระวัง ภูมิรัฐศาสตร์ ค่าเงิน และฤดูกาล
โอกาสในความเปราะบาง ทางรอดที่เริ่มต้นได้ทันที
แม้ความท้าทายจะชัด แต่ข้อมูลครึ่งปีแรกก็เปิดหน้าต่างโอกาสหลายบาน
เรื่องเล่าจากสามด่านสามบทบาท–หนึ่งเป้าหมาย
สามด่าน สามจังหวะ แต่มี หนึ่งเป้าหมายร่วม—ทำให้เชียงรายเป็น “โหนด” การค้าที่แข่งขันได้ในลุ่มน้ำโขงและเชื่อมตรงสู่จีนได้อย่างยั่งยืน
จาก “ฤดูกาล” สู่ “ความยั่งยืน”
ข้อมูลครึ่งปีแรก 2568 ของเชียงรายให้บทเรียนสำคัญว่า “การเติบโตอย่างรวดเร็ว” และ “เสถียรภาพระยะยาว” ต้องพัฒนาไปพร้อมกัน การวิ่งแรงด้วยทุเรียนทำให้มูลค่าการค้าพุ่ง แต่การหดตัวทันทีที่หมดฤดูทำให้เห็นหลุมลึกในโครงสร้าง การค้าชายแดนกับเมียนมาที่ซบเซาเพราะปัจจัยนอกอำนาจควบคุม ยิ่งตอกย้ำว่าจังหวัดจำเป็นต้อง กระจายความเสี่ยงทั้งสินค้า เส้นทาง และตลาด
การอัดฉีดงบโครงสร้างพื้นฐาน 363.62 ล้านบาท ของภาครัฐ เป็นก้าวแรกที่ถูกทิศ—ซ่อม “รางวิ่ง” ของเศรษฐกิจชายแดนให้พร้อม—แต่ก้าวต่อไปที่ต้องทำควบคู่คือ แพ็กเกจเสริมสภาพคล่อง ให้ผู้ประกอบการโลจิสติกส์และ SME, ยกระดับมาตรฐาน–กฎระเบียบ ให้สอดรับข้อกำหนดจีน, และ เร่งเครื่องการทูตชายแดน เพื่อลดอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี
หากทำได้ เชียงรายจะไม่ใช่แค่ประตูผ่านฤดูกาลผลไม้ แต่จะกลายเป็น จุดตั้งหลักเศรษฐกิจข้ามแดน ที่ยืดหยุ่น ทนทาน และเติบโตบนฐานอุตสาหกรรม–เกษตรแปรรูปที่หลากหลายกว่าเดิม
สรุปสถิติโดยย่อ (ม.ค.–มิ.ย. 2568)
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.