สายนทีแห่งศรัทธา” ทูลกระหม่อมหญิงฯ เสด็จเปิดมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025
พลิกโฉมเมืองดอกไม้สู่เมืองท่องเที่ยวสุขภาวะ หนุนเศรษฐกิจฐานรากในยุคท่องเที่ยวโลกชะลอตัว

เชียงราย, 25 ธันวาคม 2568 – ในห้วงเวลาที่ภาคการท่องเที่ยวไทยกำลังเผชิญแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกและการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังไม่กลับสู่ระดับก่อนโควิด จังหวัดเชียงรายเลือกตอบโจทย์ด้วย “ดอกไม้ ศิลปะ และสุขภาวะ” ผ่านการจัดงาน มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 (Chiang Rai Flower and Art Festival 2025)” ที่ไม่เพียงเป็นเทศกาลชมดอกไม้ฤดูหนาว หากยังถูกออกแบบให้เป็นกลไกฟื้นเศรษฐกิจฐานราก เชื่อมโยงอัตลักษณ์ 19 กลุ่มชาติพันธุ์กับมาตรการพื้นที่ปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า 100% เพื่อยกระดับภาพลักษณ์เชียงรายสู่ “เมืองท่องเที่ยวคุณภาพที่เป็นมิตรต่อสุขภาพ” อย่างเป็นรูปธรรม

ภาพใหญ่ท่องเที่ยวไทยปลายปี ตัวเลขชะลอ แต่เชียงรายเดินเกมสวนกระแส

รายงานวิเคราะห์ของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KResearch) ประเมินว่า ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2568 – 4 มกราคม 2569 การท่องเที่ยวไทยยังมีปัจจัยลบหลายด้าน ทั้งจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ราคาตั๋วเครื่องบินที่สูงขึ้น และจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ยังไม่ฟื้น ส่งผลให้รายได้ท่องเที่ยวรวมคาดอยู่ที่ราว 38,500 ล้านบาท ลดลงประมาณ 3.3% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยแบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 23,500 ล้านบาท (ลดลง 6%) และรายได้จากนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวในประเทศราว 15,000 ล้านบาท (เติบโตเพียง 1.2%)

ในขณะที่ภาพรวมประเทศเผชิญแรงกดดัน ตัวเลขจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชี้ว่าเดือนธันวาคม 2568 คาดว่าจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยจะอยู่ที่ราว 19.04 ล้านคน-ครั้ง ลดลงประมาณ 1% และรายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศราว 108,766 ล้านบาท ลดลง 2% เมื่อเทียบกับปีก่อน แม้ยอดสะสมทั้งปีจะยังขยายตัวอยู่บ้าง แต่ทิศทางเดือนส่งท้ายปีสะท้อนสัญญาณชัดเจนว่า นักท่องเที่ยวมีพฤติกรรมใช้จ่ายรัดกุมมากขึ้น

ในบริบทเช่นนี้ งานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 จึงไม่ได้เป็นเพียง “เทศกาลฤดูหนาวยอดนิยม” แต่คือยุทธศาสตร์สำคัญที่จังหวัดนำมารองรับเม็ดเงินท่องเที่ยวช่วงโค้งสุดท้ายของปี โดยอาศัยจุดแข็งด้านภูมิอากาศเย็นสบาย ทิวทัศน์ริมแม่น้ำกก และทุนวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์จำนวนมาก ผสานกับนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ “เที่ยวดีมีคืน 2568” ที่ให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีกับการเดินทางสู่จังหวัดเมืองรอง ซึ่ง ttb analytics ประเมินว่าจะช่วยดันรายได้ภาคโรงแรม จากเดิมที่คาดหดตัว 0.4% ให้กลับมาขยายตัวได้ราว 1.6% โดยเฉพาะในจังหวัดเมืองรองที่มีสัดส่วนรายได้ราว 28% ของทั้งประเทศ

เชียงรายจึงเลือกใช้ “เทศกาลดอกไม้” เป็นเวทีหลักในการแปลงเม็ดเงินนโยบายสู่เศรษฐกิจจริงของชุมชน

พิธีเปิด “สายนทีแห่งศรัทธา” ศิลปะดอกไม้ที่เชื่อมสถาบันพระมหากษัตริย์กับหัวใจคนเมืองเหนือ

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2568 บรรยากาศริมแม่น้ำกกที่สวนไม้งาม อำเภอเมืองเชียงราย ถูกแต่งแต้มด้วยดอกไม้หลากสีสันต้อนรับพระราชอาคันตุกะสำคัญ เมื่อ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จทรงเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025” ท่ามกลางการเฝ้ารับเสด็จของข้าราชการ ทหาร ตำรวจ แม่บ้านมหาดไทย ผู้นำชุมชน ประชาชน และสื่อมวลชนจำนวนมาก

งานปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก สายนทีแห่งศรัทธา ธ สถิตในใจตราบนิจนิรันดร์” เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและงานหัตถศิลป์ไทยอย่างกว้างขวาง

ในพิธีเปิด นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และประธานสมาพันธ์องค์การบริหารส่วนจังหวัดภาคเหนือคนล่าสุด ได้กราบทูลรายงานว่า จังหวัดเชียงรายมุ่งพัฒนาเมืองท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ควบคู่กับการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ โดยใช้เทศกาลดอกไม้ครั้งนี้เป็นเครื่องมือเชื่อมโยงเศรษฐกิจฐานรากกับการอนุรักษ์วัฒนธรรมของกว่า 19 กลุ่มชาติพันธุ์ ที่อาศัยอยู่ในจังหวัด

นอกจากข้าราชการระดับสูงแล้ว ยังมีตัวแทนจากภาคประชาสังคมและสื่อท้องถิ่นเข้าร่วมในพิธี อาทิ มนรัตน์ ก.บัวเกษร ประธานกรรมการบริหารสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ ซึ่งได้รับเข็มที่ระลึกภายในงาน สะท้อนความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐกับสื่อท้องถิ่นในการประชาสัมพันธ์เชียงรายสู่สายตานักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ

งานมหกรรมถูกกำหนดจัดระหว่างวันที่ 18 ธันวาคม 2568 – 7 มกราคม 2569 ครอบคลุมช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยของจังหวัดอยู่ในระดับเย็นสบาย เหมาะกับการท่องเที่ยวพักผ่อนรับลมหนาว

“Reflect of Seasons” 4 ฤดูกาล 1 พื้นที่ริมกก ดึงศิลปะ–ชาติพันธุ์–เศรษฐกิจฐานรากมาบรรจบกัน

หัวใจของงานปีนี้คือการออกแบบพื้นที่จัดแสดงในธีม “Reflect of Seasons” แบ่งสวนดอกไม้ออกเป็น 4 โซนตามฤดูกาล ได้แก่ Summer, Rainy, Winter และ Spring ถ่ายทอดความงดงามของไม้ดอกไม้ประดับนานาพันธุ์ ผ่านการจัดภูมิทัศน์ แสง สี เสียง และงานศิลปะร่วมสมัยที่สะท้อนอัตลักษณ์ล้านนา

ผู้มาเยือนสามารถเดินชมดอกไม้ท่ามกลางลวดลายลายไทยประยุกต์ ศิลปะจัดวาง และมุมถ่ายภาพที่ออกแบบให้รองรับทั้งนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว กลุ่มคู่รัก นักท่องเที่ยวเชิงศิลปะ ไปจนถึงกลุ่ม Content Creator ที่ต้องการภาพถ่ายคุณภาพสูงสำหรับเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์

ภายในงานยังมี

  • นิทรรศการพระราชกรณียกิจ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
  • เวทีการแสดงจากเยาวชนและกิจกรรม “Chiang Rai Talent” เปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่แสดงความสามารถ
  • ตลาดสินค้าชุมชนและผลิตภัณฑ์ OTOP จากทุกอำเภอ
  • โซน Food Truck และร้านอาหารพื้นถิ่นที่เปิดให้บริการทั้งกลางวันและกลางคืน

ความโดดเด่นอีกประการหนึ่งคือ การขยายพื้นที่กิจกรรมไปยัง อำเภอเวียงชัย และ อำเภอแม่สาย ผ่านสวนไม้ดอกและกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมที่ถ่ายทอด “เรื่องเล่าท้องถิ่น” ของแต่ละพื้นที่อย่างเฉพาะเจาะจง เช่น การแสดงชาติพันธุ์ลีซูในข่วงวัฒนธรรม และการจำหน่ายสินค้าชุมชนที่ผูกโยงกับเอกลักษณ์ชนเผ่า

การออกแบบงานในลักษณะนี้ ทำให้เทศกาลไม้ดอกไม่จำกัดตัวเองอยู่เฉพาะ “สวนดอกไม้ริมกก” แต่กลายเป็น “เครือข่ายเทศกาล” ที่กระจายรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวออกไปสู่ชุมชนโดยรอบ เพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อย เกษตรกร และกลุ่มชาติพันธุ์สามารถเข้าถึงรายได้จากการท่องเที่ยวได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น

ปฏิบัติการ “งานใหญ่ปลอดบุหรี่” เชียงรายยกระดับมาตรฐานสุขภาพนักท่องเที่ยว

อีกหนึ่งมิติที่สะท้อนการมุ่งสู่เมืองท่องเที่ยวสุขภาวะคือ การยกระดับมาตรการ งานใหญ่ปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า 100%” ภายในพื้นที่จัดงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2568 นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย มอบหมายให้ นายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข และ นายวิมล รู้ทำนอง รองปลัด อบจ. พร้อมบุคลากรกองสาธารณสุข ให้การต้อนรับคณะเจ้าหน้าที่จาก กรมควบคุมโรค, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย, สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่, สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย และ กรมการปกครองจังหวัดเชียงราย ในการลงพื้นที่ตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายตาม พระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560

การดำเนินงานเชิงรุกดังกล่าวครอบคลุมทั้ง

  • การตรวจเตือนร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม และจุดให้บริการต่าง ๆ
  • การประชาสัมพันธ์ข้อกฎหมายเกี่ยวกับการจำหน่ายและการสูบผลิตภัณฑ์ยาสูบ รวมถึงบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่สาธารณะ
  • การจัดระเบียบพื้นที่สูบบุหรี่และป้ายเตือนให้ชัดเจน

เป้าหมายไม่ใช่เพียงการป้องกันการกระทำผิดตามกฎหมาย แต่เพื่อสร้างบรรยากาศของงานให้เป็น “เขตปลอดควัน” ที่เอื้อต่อสุขภาพของเด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ และนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม สอดคล้องกับแนวทาง “Chiang Rai Wellness City” ที่จังหวัดประกาศชูเป็นยุทธศาสตร์หลักในช่วงปลายปี 2568

มาตรการดังกล่าวยังช่วยเสริมภาพลักษณ์เชียงรายในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานสุขภาพและความปลอดภัยของพื้นที่จัดงานขนาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นเกณฑ์สำคัญในการเลือกจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวในยุคหลังโควิด

อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้รับเลือกเป็น ประธานสมาพันธ์องค์การบริหารส่วนจังหวัดภาคเหนือ

เศรษฐกิจฐานราก–ศิลปะ–ท่องเที่ยว ฟันเฟืองเล็กจำนวนมากที่ขับเคลื่อนเครื่องยนต์ใหญ่ของจังหวัด

เบื้องหลังทุ่งดอกไม้และแสงสีที่สวยงาม คือโครงสร้างเศรษฐกิจฐานรากที่ถูกออกแบบให้ได้ประโยชน์จากเทศกาลนี้มากที่สุด

  1. การกระจายรายได้สู่ชุมชน
    การจัดพื้นที่ตลาด OTOP และโซน Food Truck ภายในงาน เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อย เกษตรกร และกลุ่มชาติพันธุ์นำผลิตภัณฑ์เข้ามาจำหน่าย ตั้งแต่อาหารพื้นถิ่น งานหัตถกรรม ไปจนถึงผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป การขยายกิจกรรมไปยังอำเภอเวียงชัยและแม่สายยิ่งช่วยให้รายได้จากนักท่องเที่ยวถูกแบ่งปันไปยังชุมชนรอบนอก ไม่กระจุกตัวอยู่เฉพาะในตัวเมือง
  2. การใช้ทุนวัฒนธรรม (Cultural Capital) เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ
    การแสดงลีซูที่ข่วงวัฒนธรรม การสาธิตงานหัตถกรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ และการเล่าเรื่องผ่านนิทรรศการ ทำให้ “วัฒนธรรม” ไม่ได้ถูกวางแสดงในฐานะสิ่งของโบราณ หากแต่กลายเป็นประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยวพร้อมจ่ายเงินเพื่อสัมผัส เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการต่อยอด เช่น โฮมสเตย์ การนำเที่ยวชุมชน หรือเวิร์กช็อปศิลปะ
  3. พลังบูรณาการของภาครัฐ–เอกชน–สถาบันศึกษา
    การจัดงานครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานหลากหลาย ตั้งแต่ อบจ.เชียงราย ททท. สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด หน่วยงานสาธารณสุข สถาบันการศึกษา ไปจนถึงภาคธุรกิจและสื่อท้องถิ่น ความร่วมมือในลักษณะเครือข่ายเช่นนี้ช่วยลดต้นทุนในการจัดงาน กระจายความเสี่ยง และสร้างฐานข้อมูลร่วมที่สามารถนำไปใช้วางแผนเทศกาลในปีต่อ ๆ ไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านนโยบายมหภาค ttb analytics ประเมินว่า มาตรการ “เที่ยวดีมีคืน 2568” สามารถสร้างเม็ดเงินเพิ่มเติมเข้าสู่ภาคโรงแรมและท่องเที่ยวไทยราว 5,900 ล้านบาท โดยคาดว่า SMEs โรงแรมและที่พักในเมืองรอง ซึ่งกระจายอยู่ในจังหวัดต่าง ๆ รวมถึงเชียงราย จะเป็นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์สำคัญ รายได้อาจขยับเพิ่มขึ้นถึง 3.5% เมื่อเทียบปีก่อน หากสามารถดึงดูดทั้งตลาดประชุม–สัมมนา และนักท่องเที่ยวทั่วไปได้อย่างต่อเนื่อง

เทศกาลไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 จึงทำหน้าที่เป็น “ท่อส่ง” เม็ดเงินส่วนหนึ่งจากมาตรการของภาครัฐลงสู่ชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวในพื้นที่จริง

บทบาท อบจ.เชียงราย จากผู้จัดงานดอกไม้สู่ผู้นำเมืองท่องเที่ยวสุขภาวะ

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา “มหกรรมไม้ดอกเชียงราย” เคยถูกมองในฐานะงานเทศกาลชมดอกไม้ฤดูหนาวที่มีชื่อเสียง แต่การปรับโฉมเป็น มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025” ภายใต้การนำของ นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ทำให้งานนี้ก้าวไปไกลกว่านั้น

การเป็นนายก อบจ.ที่ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่ง ประธานสมาพันธ์องค์การบริหารส่วนจังหวัดภาคเหนือ สะท้อนบทบาทของ “นายก นก” ในการเชื่อมโยงเชียงรายกับเครือข่ายจังหวัดอื่น ๆ ในภูมิภาค ซึ่งเปิดโอกาสให้เชียงรายนำเสนอศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมในเวทีระดับภูมิภาคมากยิ่งขึ้น

คำกล่าวเชิญชวน “มาเชียงรายรอบนี้ ได้ครบทั้งดอกไม้ ของกิน ของฝาก และวัฒนธรรม” ไม่ได้เป็นเพียงสโลแกนเชิงการตลาด หากแต่สะท้อนวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเมืองให้เป็น แพ็กเกจประสบการณ์” ที่รวบทุกมิติของการท่องเที่ยวไว้ในจังหวัดเดียว ตั้งแต่ธรรมชาติ ศิลปะ อาหาร ไปจนถึงสุขภาวะและความปลอดภัย

ในระยะยาว หากเชียงรายสามารถรักษามาตรฐานเทศกาลดอกไม้ให้มีคุณภาพสูง ควบคู่กับการยกระดับมาตรการด้านสุขภาพและการบริหารจัดการนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง เมืองแห่งนี้ย่อมมีศักยภาพก้าวสู่การเป็นหนึ่งใน “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและสุขภาวะ” ของภูมิภาคลุ่มน้ำโขงได้ไม่ยาก

ดอกไม้ ศรัทธา และความยั่งยืนของเมืองท่องเที่ยว

“มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025” จึงมิใช่แค่ภาพจำของทะเลดอกไม้ริมกก หากแต่เป็นภาพแทนของ “สายนทีแห่งศรัทธา” ที่เชื่อมสถาบันพระมหากษัตริย์ ชุมชนท้องถิ่น ศิลปะชาติพันธุ์ และนโยบายสาธารณะเข้าด้วยกัน ท่ามกลางกระแสการท่องเที่ยวโลกที่ผันผวน

บทความข่าวชิ้นนี้จัดทำขึ้นจากการรวบรวมข้อมูลที่เผยแพร่สาธารณะ รายงานวิจัยเชิงเศรษฐกิจ และคำชี้แจงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้มีสถานะเป็นงานวิชาการหรือบทความเชิงวิจัย หากมีข้อคลาดเคลื่อนในเชิงวิชาการหรือข้อมูลใดไม่ครบถ้วน ผู้เขียนยินดีอย่างยิ่งหากนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวจะเข้ามาเพิ่มเติมและเสนอแนะ เพื่อให้การใช้ “ดอกไม้และศิลปะ” เป็นเครื่องมือฟื้นเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนเชียงราย เดินไปบนเส้นทางที่มั่นคงและยั่งยืนยิ่งขึ้นในอนาคต

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KResearch)
  • ttb analytics
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME