ทอท.ทุ่มงบ 5,870 ล้านบาท ขยายสนามบินแม่ฟ้าหลวงเชียงราย สร้างอาคารหลังที่ 2 เป้ารองรับ 8 ล้านคนต่อปี คาดเสร็จปี 2575

เชียงราย, 13 พฤศจิกายน 2568 – ท่ามกลางการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวและการบินในภาคเหนือที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ประกาศเดินหน้าโครงการพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ระยะที่ 1 ด้วยงบประมาณสูงถึง 5,870 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจากปัจจุบัน 3 ล้านคนต่อปี เป็น 6-8 ล้านคนต่อปี พร้อมยกระดับเชียงรายให้เป็น “ศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่” (New Economic Hub) ของภาคเหนือและเป็นประตูสู่ภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion: GMS)

การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นการตอบรับกับสถานการณ์การเติบโตของจำนวนผู้โดยสารที่กำลังจะเข้าสู่จุดอิ่มตัวของขีดความสามารถเดิมในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ตามข้อมูลของ ทอท. คาดการณ์ว่าท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงรายจะมีผู้โดยสารเต็มขีดความสามารถ 3 ล้านคนภายในปี 2573-2574 ขณะที่โครงการขยายจะแล้วเสร็จในปี 2575 ซึ่งอาจเกิดช่วง “ช่องว่างความแออัด” เป็นระยะเวลา 1-2 ปี ที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพการบริการและความสามารถในการแข่งขัน

ตัวเลักดันโครงการขยาย เติบโตช้าแต่ต้องเตรียมพร้อมรับอนาคต

ในปีงบประมาณ 2568 ท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวงเชียงรายมีปริมาณผู้โดยสารรวม 1.94 ล้านคน เติบโตขึ้นในอัตราร้อยละ 2.3 จากปีก่อน พร้อมทั้งมีจำนวนเที่ยวบิน 12,897 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 5.2 แม้ว่าตัวเลขการเติบโตดังกล่าวจะถือว่าอยู่ในระดับที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงการฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของท่าอากาศยานในเครือ ทอท. ที่มีอัตราการเติบโตถึงร้อยละ 11.76 ในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568

อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์เชิงลึกพบว่า อัตราการเติบโตของเที่ยวบินที่ร้อยละ 5.2 สูงกว่าการเติบโตของผู้โดยสารที่ร้อยละ 2.3 กว่าสองเท่า แสดงให้เห็นว่าสายการบินกำลังเพิ่มความถี่ในการให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการและเตรียมความพร้อมสำหรับการขยายตัวในอนาคต ขณะเดียวกัน ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงการพึ่งพาตลาดภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งแตกต่างจากท่าอากาศยานภูมิภาคอื่นๆ เช่น ภูเก็ตและเชียงใหม่ ที่ได้แรงขับเคลื่อนจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของตลาดระหว่างประเทศ

ปัจจุบันท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงรายมีอัตราการใช้ขีดความสามารถอยู่ที่ประมาณร้อยละ 64.67 จาก 3 ล้านคนต่อปี ซึ่งยังถือว่าอยู่ในระดับที่สบาย แต่ตามการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการท่าอากาศยาน การใช้งานที่เกินร้อยละ 70-80 ถือเป็นสัญญาณที่ต้องเริ่มดำเนินโครงการก่อสร้างและขยายเพื่อป้องกันปัญหาคอขวดในอนาคต

รายละเอียดโครงการ ครบวงจรทุกมิติ

โครงการพัฒนาท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ระยะที่ 1 ประกอบด้วยการพัฒนาที่ครอบคลุมทุกมิติ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มงานหลัก ได้แก่

งานเขตการบิน (Airside) มีการก่อสร้างระบบทางขับขนานด้านทิศเหนือและการปรับปรุงทางขับท้ายหลุมจอด ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2568 การปรับปรุงนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเที่ยวบิน โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน รวมถึงการเพิ่มหลุมจอดอากาศยานแบบประชิดอาคารอีก 9 หลุม เพื่อรองรับอากาศยานขนาดใหญ่ขึ้นและลดระยะเวลาการปฏิบัติการภาคพื้นดิน

งานอาคารผู้โดยสารและอาคารสนับสนุน ถือเป็นหัวใจสำคัญของโครงการ ประกอบด้วยการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ (อาคาร 2) การปรับปรุงอาคารผู้โดยสารหลังเดิม และการก่อสร้างอาคารจอดรถ การพัฒนาครั้งนี้จะช่วยให้สามารถแยกกระบวนการผู้โดยสารระหว่างประเทศและภายในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยกระดับประสบการณ์ของผู้โดยสารให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล

งานระบบสนับสนุนท่าอากาศยาน รวมถึงการก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (Maintenance, Repair and Overhaul: MRO) การปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ถนนภายใน ระบบระบายน้ำ บำบัดน้ำเสีย ประปา และไฟฟ้า รวมถึงการสำรวจและออกแบบคลังสินค้าทดแทนและอาคารซ่อมอุปกรณ์ภาคพื้นดิน

โครงการนี้ตั้งเป้าหมายให้แล้วเสร็จภายในปี 2575 โดยมีเป้าหมายรองรับผู้โดยสารภายในประเทศ 5 ล้านคน และผู้โดยสารระหว่างประเทศ 1 ล้านคน ซึ่งหมายถึงการเพิ่มสัดส่วนผู้โดยสารระหว่างประเทศอย่างมากจากปัจจุบันที่มีเพียง 7,370 คนต่อปี หรือคิดเป็นสัดส่วนต่ำกว่าร้อยละ 1

กลยุทธ์ดึงเที่ยวบินนานาชาติ กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ

เพื่อให้การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทอท. ได้วางกลยุทธ์หลายด้านเพื่อดึงดูดสายการบินและผู้โดยสารระหว่างประเทศ

แรงจูงใจทางการเงิน ทอท. ได้จัดตั้ง Marketing Fund โดยเฉพาะสำหรับสนามบินภูมิภาคอย่างเชียงรายและหาดใหญ่ ให้เงินสนับสนุนสูงถึง 300 บาทต่อผู้โดยสารระหว่างประเทศที่มาใช้บริการในเส้นทางบินระหว่างประเทศใหม่ นอกจากนี้ยังมีการเสนอส่วนลดค่าธรรมเนียมการบินร้อยละ 50 เป็นเวลา 3 ปี สำหรับสายการบินที่เปิดเส้นทางบินใหม่ การสนับสนุนทางการเงินในระดับนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยงในการสำรวจตลาดใหม่ของสายการบิน โดยเฉพาะในการเชื่อมโยงกับกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และ GMS

กลยุทธ์ Dual Hub แอร์เอเชียได้เปิดเส้นทางใหม่ “เชียงราย-สุวรรณภูมิ (CEI-BKK)” ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 โดยเสริมจากเส้นทางเดิม “เชียงราย-ดอนเมือง (CEI-DMK)” การเพิ่มการเชื่อมต่อกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งเป็นศูนย์กลางการบินระหว่างประเทศหลักของประเทศ ช่วยให้ผู้โดยสารต่างชาติสามารถใช้ระบบ Fly-Thru เดินทางมายังเชียงรายทางอ้อมได้ง่ายขึ้น นับเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างฐานผู้โดยสารระหว่างประเทศก่อนที่โครงสร้างพื้นฐานระยะที่ 1 จะแล้วเสร็จ

การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ทอท. ได้เปิดให้เอกชนลงทุนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์รอบสนามบิน โดยมีพื้นที่แปลงหน้าท่าอากาศยานขนาด 91 ไร่ ที่พร้อมให้สัมปทานสูงสุดถึง 30 ปี สำหรับธุรกิจหลากหลาย เช่น โรงแรม ศูนย์ซ่อมอากาศยาน MRO โครงการแบบ Mixed-use และ Logistics Hub

เชียงราย จุดหมายปลายทางในประเทศยอดนิยม

แม้การเติบโตจะชะลอตัว แต่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงรายยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญในเครือข่ายการบินภายในประเทศ ตามข้อมูลจาก Flightradar24 เชียงรายติดอันดับ Top 10 สนามบินที่มีเที่ยวบินสูงสุดจากท่าอากาศยานดอนเมือง โดยอยู่ในอันดับที่ 8 รองจากภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ อุดรธานี สุราษฎร์ธานี กระบี่ และนครศรีธรรมราช ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการเดินทางภายในประเทศที่มั่นคง

ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของเชียงรายที่อยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ (พม่า ลาว ไทย) ทำให้มีศักยภาพสูงในการเป็นศูนย์กลางการค้าและการเชื่อมต่อในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง นอกจากนี้ จังหวัดเชียงรายยังเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์ โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น วัดร่องขุ่น วัดร่องเสือเต้น สามเหลี่ยมทองคำ และดอยแม่สลอง

มุมมองผู้เชี่ยวชาญ ลงทุนวันนี้เพื่ออนาคต

จากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกพบว่า แม้ปัจจุบันท่าอากาศยานจะมีอัตราการใช้ขีดความสามารถเพียงร้อยละ 64.67 แต่การลงทุนเชิงป้องกันนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากระยะเวลาในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่มักใช้เวลานานหลายปี และหากรอจนกระทั่งเกิดปัญหาความแออัดจริงๆ แล้วจึงเริ่มดำเนินการ จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อศักยภาพการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดอย่างรุนแรง

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้ยืนยันว่าโครงการนี้เป็นการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำคัญเพื่อรองรับการเติบโตด้านการท่องเที่ยวและการบินในอนาคต ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนบทบาทของเชียงรายจากการเป็นเพียงจุดหมายปลายทางไปสู่การเป็นประตูการค้าและจุดเชื่อมต่อในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นักวิเคราะห์ด้านการบินมองว่า การกำหนดเป้าหมายขีดความสามารถที่ 6 ล้านคนต่อปีนั้นสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับขนาดตลาดและศักยภาพของพื้นที่ โดยเป็นการจัดวางตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ในฐานะศูนย์กลางระดับรอง (Secondary Regional Hub) ที่เสริมความแข็งแกร่งในตลาดเฉพาะทาง (Niche Market) ที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติในภาคเหนือตอนบน ซึ่งแตกต่างจากท่าอากาศยานหลักอย่างภูเก็ตที่มีแผนขยายไปสู่ 18 ล้านคนต่อปี หรือเชียงใหม่ที่ตั้งเป้า 20 ล้านคนต่อปี

ผลตอบแทนที่คาดหวัง เกินกว่าตัวเลขทางการเงิน

การลงทุน 5,870 ล้านบาทในครั้งนี้ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงผลตอบแทนทางการเงินในทันที แต่เป็นการลงทุนที่มองไปถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้าง การเป็น “มหานครการบิน” (Aviation Metropolis) ที่มีขีดความสามารถ 6 ล้านคนต่อปีและมีบริการด้านโลจิสติกส์ครบวงจร จะช่วยสร้างการจ้างงาน กระตุ้นการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง และเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น

การพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) และคลังสินค้าจะช่วยให้ ทอท. สามารถเพิ่มรายได้จากกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบินโดยตรง ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวขององค์กรในการปรับสัดส่วนรายได้จากธุรกิจการบิน (Aeronautical) และธุรกิจอื่นๆ (Non-Aeronautical) ให้เป็น 50:50 นอกจากนี้ ผู้โดยสารระหว่างประเทศมักมีศักยภาพในการใช้จ่ายเชิงพาณิชย์สูงกว่า ทำให้รายได้ต่อผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ความท้าทายและข้อควรระวัง

ถึงแม้โครงการจะมีศักยภาพสูง แต่ก็มีความท้าทายที่ต้องเผชิญ โดยเฉพาะช่วง “ช่องว่างความแออัด” ระหว่างปี 2573 ถึง 2575 ซึ่งท่าอากาศยานจะเข้าสู่ขีดความสามารถเต็มที่ 3 ล้านคน ขณะที่โครงการขยายยังไม่แล้วเสร็จ ทอท. จะต้องเตรียมมาตรการบริหารจัดการชั่วคราว เช่น การใช้ Remote Bay อย่างมีประสิทธิภาพ การปรับปรุงขั้นตอนการให้บริการ และการบริหารจัดการ Slot เพื่อรักษาคุณภาพการบริการ

นอกจากนี้ ความสำเร็จของโครงการยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการดึงดูดสายการบินระหว่างประเทศให้มาเปิดเส้นทางใหม่ตามเป้าหมาย 1 ล้านคนต่อปี ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในการผลักดันและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชียงรายในตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง

การบริหารโครงการก่อสร้างให้เป็นไปตามกำหนดเวลาก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ การล่าช้าจะทำให้ช่องว่างความแออัดยาวนานขึ้น ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความสามารถในการแข่งขันของเชียงรายในระยะยาว ดังนั้น การติดตามความคืบหน้าและควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวดจึงเป็นสิ่งจำเป็น

มองไปข้างหน้า เชียงรายบนแผนที่การบินภูมิภาค

โครงการพัฒนาท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ระยะที่ 1 นี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการยกระดับเชียงรายให้เป็นศูนย์กลางการบินที่สำคัญในภูมิภาค การวางรากฐานที่แข็งแกร่งในขณะนี้จะช่วยให้เชียงรายสามารถแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต

ความสำเร็จของโครงการจะไม่เพียงแต่สร้างประโยชน์ให้กับ ทอท. และอุตสาหกรรมการบินเท่านั้น แต่จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคเหนือ สร้างงาน สร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

การเชื่อมโยงกับเมืองใหญ่ในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและจีนตอนใต้จะเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการไทย ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวต่างชาติจะสามารถเข้าถึงเชียงรายได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น โรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจบริการต่างๆ

บทบาทของเทคโนโลยีและนวัตกรรม

โครงการในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เน้นการขยายโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการบริหารจัดการท่าอากาศยานสมัยใหม่ อาคารผู้โดยสารหลังใหม่จะได้รับการออกแบบให้รองรับระบบดิจิทัลที่ทันสมัย ตั้งแต่การเช็คอินอัตโนมัติ ระบบตรวจสอบความปลอดภัยที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ไปจนถึงระบบจัดการสัมภาระที่มีประสิทธิภาพ

การใช้ระบบบริหารจัดการอาคารอัจฉริยะ (Smart Building Management System) จะช่วยลดการใช้พลังงาน ประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ ทอท. นอกจากนี้ ระบบข้อมูลและการสื่อสารที่ทันสมัยจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ภายในท่าอากาศยาน ทำให้การให้บริการมีความรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

มิติด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม

ท่ามกลางความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มมากขึ้นทั่วโลก ทอท. ได้ให้ความสำคัญกับการออกแบบและพัฒนาท่าอากาศยานที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การก่อสร้างอาคารใหม่จะเน้นการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีระบบบำบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพ และการจัดการของเสียอย่างเป็นระบบ

ระบบระบายน้ำและการป้องกันน้ำท่วมได้รับการออกแบบให้รองรับปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การปลูกต้นไม้และจัดภูมิทัศน์รอบบริเวณท่าอากาศยานจะช่วยลดมลพิษทางอากาศและสร้างสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ นอกจากนี้ ยังมีการวางแผนใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อลดการพึ่งพาพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล

การมีส่วนร่วมของชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

ความสำเร็จของโครงการขนาดใหญ่อย่างนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยการดำเนินงานของ ทอท. เพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนท้องถิ่น การประชาสัมพันธ์และการสร้างความเข้าใจกับชุมชนโดยรอบเกี่ยวกับผลกระทบและประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากโครงการเป็นสิ่งสำคัญ

การจ้างงานแรงงานท้องถิ่นในระหว่างการก่อสร้างและการดำเนินงานจะช่วยสร้างรายได้ให้กับครอบครัวในพื้นที่ โครงการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะแรงงานเพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ในขณะเดียวกัน การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการท้องถิ่นให้มีมาตรฐานและตอบโจทย์นักท่องเที่ยวต่างชาติก็เป็นโอกาสในการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน

เปรียบเทียบกับสนามบินภูมิภาคอื่นในภูมิภาคอาเซียน

เมื่อมองในภาพกว้างของภูมิภาคอาเซียน การพัฒนาท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงรายเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นในการดึงดูดนักท่องเที่ยวและการลงทุน ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามได้พัฒนาสนามบินในเมืองรองอย่าง ดานัง และเมืองโฮจิมินห์ให้เป็นศูนย์กลางการบินที่สำคัญ ขณะที่เมียนมาก็กำลังพัฒนาท่าอากาศยานในย่างกุ้งและมัณฑะเลย์

การลงทุนของไทยในครั้งนี้จึงเป็นการรักษาความสามารถในการแข่งขันและตอกย้ำบทบาทของไทยในฐานะศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการบินในภูมิภาค การมีท่าอากาศยานที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพในทุกภูมิภาคของประเทศจะช่วยกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวและลดความเหลื่อมล้ำระหว่างกรุงเทพฯ กับต่างจังหวัด

บทเรียนจากการขยายสนามบินในอดีต

ประสบการณ์จากการขยายท่าอากาศยานภูมิภาคอื่นๆ ของ ทอท. ให้บทเรียนที่มีค่า การวางแผนที่ดีและการคาดการณ์ความต้องการที่แม่นยำเป็นกุญแจสำคัญต่อความสำเร็จ ท่าอากาศยานภูเก็ตซึ่งเคยประสบปัญหาความแออัดอย่างรุนแรงในอดีต ได้รับการขยายและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันสามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

กรณีของท่าอากาศยานเชียงใหม่ก็ให้ข้อคิดสำคัญเช่นกัน การเติบโตของตลาดระหว่างประเทศที่รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ทำให้ต้องมีการปรับแผนและเร่งการพัฒนา สำหรับเชียงราย ทอท. ได้เรียนรู้จากประสบการณ์เหล่านี้และวางแผนให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยเตรียมพร้อมสำหรับการขยายในระยะถัดไปหากความต้องการเพิ่มขึ้นเกินคาดการณ์

ผลกระทบต่อตลาดแรงงานและการศึกษา

การพัฒนาท่าอากาศยานจะส่งผลโดยตรงต่อตลาดแรงงานในพื้นที่ โดยเฉพาะความต้องการบุคลากรที่มีทักษะในอุตสาหกรรมการบิน การบริการ และการท่องเที่ยว สถาบันการศึกษาในจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ใกล้เคียงจะได้รับโอกาสในการพัฒนาหลักสูตรและผลิตบุคลากรที่ตรงตามความต้องการของตลาด

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงและสถาบันการศึกษาอื่นๆ สามารถพัฒนาหลักสูตรด้านการจัดการการบิน การบริหารโรงแรมและการท่องเที่ยว การโลจิสติกส์ และธุรกิจระหว่างประเทศ เพื่อรองรับความต้องการบุคลากรในอนาคต การฝึกอบรมวิชาชีพระยะสั้นในด้านต่างๆ เช่น การบริการลูกค้า ภาษาต่างประเทศ และทักษะดิจิทัล จะช่วยเปิดโอกาสให้คนในพื้นที่เข้าสู่ตลาดแรงงานที่มีรายได้ดีขึ้น

แนวโน้มการท่องเที่ยวและโอกาสทางธุรกิจ

ตลาดการท่องเที่ยวโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไป นักท่องเที่ยวในปัจจุบันมีความสนใจในการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ วัฒนธรรม และธรรมชาติมากขึ้น เชียงรายมีจุดเด่นในด้านนี้ด้วยมรดกทางวัฒนธรรมล้านนา ชุมชนชนเผ่าที่หลากหลาย และธรรมชาติที่สวยงาม

การเข้าถึงที่สะดวกขึ้นจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงที่มีกำลังซื้อดี และมองหาประสบการณ์ที่แตกต่างจากแหล่งท่องเที่ยวหลัก ธุรกิจโรงแรมบูติค รีสอร์ทเชิงนิเวศ ร้านอาหารท้องถิ่น และกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงผจญภัยจะมีโอกาสเติบโตอย่างมาก

นอกจากนี้ การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์จะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากภาคเหนือไปยังตลาดในจีนและอาเซียนได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม

ข้อเสนอแนะสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

สำหรับผู้ประกอบการในพื้นที่ โอกาสนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมในการเตรียมความพร้อมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน คุณภาพบริการ และมาตรฐานสากล การศึกษาตลาดเป้าหมายและความต้องการของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มจะช่วยให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงใจ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการเพื่อแบ่งปันทรัพยากรและความรู้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

สำหรับภาครัฐ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมต่อ เช่น ถนน ระบบขนส่งสาธารณะ และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว เป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้ท่าอากาศยานที่ได้รับการพัฒนาสามารถสร้างประโยชน์สูงสุด การจัดทำแผนพัฒนาเมืองและการบริหารจัดการการเติบโตอย่างยั่งยืนจะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการขยายตัวอย่างรวดเร็ว

สำหรับชุมชนท้องถิ่น การเตรียมความพร้อมทั้งด้านทักษะ ภาษา และการบริการจะช่วยให้สามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึ้น การอนุรักษ์และส่งเสริมเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมท้องถิ่นจะช่วยสร้างความแตกต่างและดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มองหาประสบการณ์แท้จริง

ข้อมูลสำคัญและสถิติสรุป

  • งบประมาณโครงการ: 5,870 ล้านบาท
  • ขีดความสามารถปัจจุบัน: 3 ล้านคนต่อปี
  • ขีดความสามารถเป้าหมาย: 6-8 ล้านคนต่อปี
  • ผู้โดยสารปีงบ 2568: 1.94 ล้านคน (เติบโต 2.3%)
  • จำนวนเที่ยวบินปีงบ 2568: 12,897 เที่ยวบิน (เติบโต 5.2%)
  • อัตราการใช้ขีดความสามารถปัจจุบัน: 64.67%
  • เป้าหมายผู้โดยสารระหว่างประเทศ: 1 ล้านคนต่อปี
  • กำหนดแล้วเสร็จ: ปี 2575
  • จุดอิ่มตัวขีดความสามารถเดิม: คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2573-2574

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) – ทอท. (AOT)
  • ท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (CEI)
  • Flightradar24
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News