วันที่ 8 ตุลาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) แถลงข่าวหลังประชุมคณะกรรมการประเมินสถานการณ์น้ำท่วมและดินโคลนถล่มว่า ในที่ประชุมได้มีการวิเคราะห์สถานการณ์และวางแผนการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยการประชุมร่วมกันทั้งจากส่วนกลางและศูนย์บัญชาการส่วนหน้าในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ผ่านระบบออนไลน์ โดยมีการแจ้งประเด็นสำคัญ 5 ข้อเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำในอนาคต

สาเหตุน้ำท่วมหนักเชียงใหม่และแม่สาย

นายภูมิธรรม เปิดเผยว่าสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้เกิดจากฝนตกหนักในพื้นที่อำเภอเชียงดาวและอำเภอแม่ริมในวันที่ 3 และ 4 ตุลาคม โดยปริมาณน้ำฝนที่ตกครั้งนี้สูงเป็นประวัติการณ์ และมีความรุนแรงมากกว่าหลายร้อยปีที่ผ่านมา ทั้งยังเกิดเหตุการณ์ดินโคลนถล่มในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ทำให้สถานการณ์อุทกภัยในครั้งนี้รุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และส่งผลกระทบในวงกว้าง นอกจากนี้น้ำจากอำเภอเชียงดาวที่ไหลมาถึงตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เวลานานถึง 30 ชั่วโมง อำเภอแม่แตง 16 ชั่วโมง และอำเภอแม่ริม 6 ชั่วโมง ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงสะสมและเกิดน้ำล้นตลิ่ง

จำเป็นต้องสร้างเขื่อนป้องกันเมืองและแก้ปัญหาลำน้ำปิง

การประชุมครั้งนี้ได้ข้อสรุปว่าจำเป็นต้องสร้าง เขื่อนขนาดเล็ก เพื่อป้องกันพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ พร้อมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยและจังหวัดเชียงใหม่ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ นอกจากนี้ยังพบว่าแม่น้ำปิงมีความตื้นเขินและคดเคี้ยว ส่งผลต่อการระบายน้ำ ทำให้กรมโยธาธิการและผังเมือง รวมถึงกรมเจ้าท่าและกรมปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องร่วมมือกันในการศึกษาเส้นทางน้ำและปรับปรุงพื้นที่ลุ่มน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมในอนาคต

ฟื้นฟูป่าต้นน้ำและจัดการพื้นที่ลุ่มน้ำปิง

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่นายภูมิธรรมกล่าวถึงคือ ปริมาณฝนที่ตกติดต่อกันถึง 5 วันในพื้นที่ลุ่มน้ำปิง ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1A และ 1B ส่งผลให้ป่าต้นน้ำไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ดีเหมือนในอดีต เนื่องจากมีการบุกรุกและใช้ประโยชน์ในพื้นที่ผิดกฎหมายมากถึง 5% ทำให้การกักเก็บน้ำลดลง จึงมีคำสั่งให้กรมอุทยานแห่งชาติและกระทรวงมหาดไทยดำเนินการฟื้นฟูป่าต้นน้ำในพื้นที่อย่างจริงจัง

สร้างแผนแก้ไขปัญหาระยะยาวและระยะสั้น

จากสถานการณ์ดังกล่าว นายภูมิธรรมได้มอบหมายให้ที่ประชุมพิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาแผนการแก้ไขปัญหาในระยะยาวและเฉพาะหน้า โดยมีนายปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นที่ปรึกษา เพื่อจัดทำแผนและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ภายใน 3 เดือน เพื่อให้สามารถรับมือกับภัยพิบัติในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายได้อย่างรวดเร็ว โดยตั้งเป้าฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยในอำเภอแม่สายที่ได้รับความเสียหายจำนวน 753 หลังคาเรือน ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ซึ่งขณะนี้สามารถฟื้นฟูได้แล้ว 418 หลัง หรือคิดเป็น 56%

ยืนยัน “น้ำไม่ท่วมกรุงเทพฯ” เหตุการณ์แบบปี 54 จะไม่เกิดขึ้น

นายภูมิธรรมยืนยันว่า สถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้จะไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนปี 2554 โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนเจ้าพระยาและเขื่อนภูมิพลยังคงสามารถรองรับได้ และมีการบริหารจัดการระบายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากประชาชนให้ติดตามข่าวสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และไม่แชร์ข้อมูลที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดหรือสร้างความตื่นตระหนกในสังคม

เร่งฟื้นฟูอาชีพและเกษตรกรรมในพื้นที่ประสบภัย

นอกจากนี้ในที่ประชุมยังมีการเสนอแผนการฟื้นฟูอาชีพและเกษตรกรรมในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยประสานงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อพิจารณางบประมาณในการซ่อมแซมฟื้นฟูพื้นที่การเกษตร รวมถึงการจัดการผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ได้รับความเสียหาย โดยมีการแบ่งแผนเป็นระยะยาวและเฉพาะหน้าเพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม

บทสรุป: วางแผนระยะยาว รับมือภัยพิบัติอย่างยั่งยืน

จากการประชุมในครั้งนี้ นายภูมิธรรมได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการวางแผนการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติอย่างมีระบบและยั่งยืน โดยต้องประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการจัดการลำน้ำปิง การสร้างเขื่อนป้องกันเมือง และการฟื้นฟูป่าต้นน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่ภาคเหนือ และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่าภัยพิบัติครั้งนี้จะถูกแก้ไขและฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME