เชียงรายปลุกเมืองด้วย “เชียงรายดอกไม้งาม ปีที่ 22” หนุนเศรษฐกิจฐานราก–ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สู่เป้าหมาย “Wellness City” อย่างเป็นรูปธรรม

เชียงราย, 11 ธันวาคม 2568 – บรรยากาศยามเย็นริมแม่น้ำกก ณ อาคารเทิดพระเกียรติ 90 ปี สมเด็จย่า เชิงสะพานขัวพญามังราย เต็มไปด้วยความคึกคัก เมื่อภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนในจังหวัดเชียงรายมาร่วมกันประกาศความพร้อมจัดงาน “เชียงรายดอกไม้งาม ปีที่ 22” และเทศกาลดนตรีในสวน (Music In The Park) อย่างเป็นทางการ ท่ามกลางสายตาของสื่อมวลชนและเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวจำนวนมาก

งานเทศกาลซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 ธันวาคม 2568 ถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2569 ณ สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย ถูกออกแบบให้เป็นมากกว่างานชมดอกไม้เมืองหนาว หากแต่เป็น “เครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์” ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ยกระดับการท่องเที่ยว และวางรากฐานให้เชียงรายเดินหน้าสู่การเป็น “เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความยั่งยืน” หรือ “Chiang Rai Wellness City” อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง

การแถลงข่าวครั้งนี้มี นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน พร้อมด้วย ดร.วันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย, นางรัตนา จงสุทธานามณี นายกสมาคมกีฬาจังหวัดเชียงรายและที่ปรึกษาเทศบาลนครเชียงราย ตลอดจน นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ ผู้บริหารบริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลัก ร่วมสะท้อนมุมมองและทิศทางการพัฒนาเมืองผ่านงานเทศกาลที่ดำเนินต่อเนื่องยาวนานกว่าสองทศวรรษ

ดอกไม้ถวายแม่” จากความผูกพันเชิงสัญลักษณ์ สู่แนวคิด Wellness City

หัวใจสำคัญของงานในปีที่ 22 อยู่ที่แนวคิด “เรียงร้อยดวงใจ ดอกไม้ถวายแม่” ซึ่งน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยออกแบบให้มีโซนดอกไม้สีฟ้า อาทิ ดอกไฮเดรนเยีย เพื่อเป็นพื้นที่ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้กราบสักการะและแสดงความจงรักภักดี คล้ายกับการจัดงาน “ดอกไม้ถวายพ่อ” เมื่อปี 2559 ที่สร้างความประทับใจอย่างกว้างขวาง

นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เน้นย้ำว่า แนวคิดของงานเทศกาลไม่ได้มองเพียงมิติความสวยงาม แต่เชื่อมโยงเข้ากับยุทธศาสตร์ “เชียงราย Wellness City” ที่มุ่งให้ “ทั้งคนที่มาเยือนและคนที่อยู่มีความสุข สุขทั้งกาย สุขทั้งใจ” พร้อมระบุว่า เมื่อคนมีความสุข สุขภาพที่ดี เศรษฐกิจที่ดี และสังคมที่น่าอยู่จะตามมาเองโดยธรรมชาติ

นโยบายด้าน Wellness ถูกเชื่อมโยงเข้ากับการส่งเสริมอาหารปลอดภัย (Safe Food) การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การออกกำลังกาย และกีฬา โดยงานเชียงรายดอกไม้งามถูกวางให้เป็น “เวทีใหญ่” ที่ดึงศักยภาพด้านธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของคนเชียงรายออกมาให้ได้มากที่สุดในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นไฮซีซันด้านการท่องเที่ยวของจังหวัด

ด้าน ดร.วันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ระบุว่า เทศกาลเชียงรายดอกไม้งามได้กลายเป็นหนึ่งใน “อัตลักษณ์สำคัญของเมือง” ที่ชาวเชียงรายภาคภูมิใจ โดยเทศบาลนครเชียงรายยึดแนวทางการทำงานภายใต้แนวคิด “นครแห่งสีสันและเทศกาลตลอดปี” เพื่อให้เชียงรายเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา มีกิจกรรมด้านวัฒนธรรม ศิลปะ และการท่องเที่ยวหมุนเวียนตลอดทั้งปี ไม่ใช่เพียงช่วงฤดูกาลใดฤดูกาลหนึ่ง

“เราต้องการให้งานทุกปีดีขึ้นกว่าปีก่อน ทั้งในด้านคุณภาพของการจัดงาน ความประทับใจของนักท่องเที่ยว และผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่กลับคืนสู่พี่น้องประชาชน เราอยากให้ทุกคนรู้สึกว่า เมื่อพูดถึงดอกไม้เมืองหนาว ก็ต้องนึกถึงเชียงรายเป็นลำดับแรก” ดร.วันชัย กล่าวในทำนองสะท้อนความมุ่งมั่นของท้องถิ่น

22 ปีของการสร้างรากเศรษฐกิจฐานราก และความร่วมมือภาคเอกชน

หากมองย้อนกลับไปเมื่อปี 2547 การเริ่มต้นของ “เชียงรายดอกไม้งาม” เกิดจากภาพดอกไม้เมืองหนาวที่ชาวสวนในหลายอำเภอของเชียงรายทุ่มเทปลูกกันทั้งปี แต่กลับยังมีช่องทางไม่มากนักในการนำเสนอความงดงามเหล่านั้นสู่สายตานักท่องเที่ยวระดับประเทศ นางรัตนา จงสุทธานามณี ในฐานะผู้ริเริ่มงานได้ผลักดันแนวคิด “นำดอกไม้จากเกษตรกรสู่เมืองและนักท่องเที่ยว” เพื่อยกระดับคุณค่าจากการขายผลผลิตทางการเกษตร ไปสู่การสร้างประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวที่มีมูลค่าสูงกว่า

จากวันนั้นถึงวันนี้ เทศกาลเชียงรายดอกไม้งามเติบโตเคียงคู่กับเกษตรกรผู้ปลูกดอกไม้เมืองหนาว สร้างรายได้หมุนเวียนสู่ชุมชนทุกฤดูกาลจัดงาน ทั้งจากการจำหน่ายดอกไม้ การขายอาหารพื้นเมือง ผลิตภัณฑ์ชุมชน ของฝาก และบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว

ดร.วันชัย ระบุระหว่างการแถลงข่าวว่า การจัดงานไม่ได้มุ่งสร้างชื่อเสียงให้เทศบาลเพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องการให้ “ชุมชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง” ผ่านการนำอาหารพื้นเมืองและสินค้าชุมชนมาจำหน่ายในพื้นที่งาน โดยเชื่อว่ารายได้จากการจัดงานจะเป็น “แรงหนุนสำคัญ” ในการทำให้เศรษฐกิจเชียงรายมีความมั่นคงในระดับฐานราก

อีกหนึ่งเสาหลักที่ทำให้เทศกาลสามารถดำเนินมายาวนานกว่า 20 ปี คือ การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของภาคเอกชน โดยเฉพาะ บริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด ที่ร่วมสนับสนุนเทศบาลนครเชียงรายมาตั้งแต่ยุคจัดงานวัฒนธรรมสรรพลุแม่น้ำโขง จนมาถึงงานดอกไม้ในปัจจุบัน

นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ ผู้บริหารบริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวย้ำในงานแถลงข่าวว่า บริษัทมีความยินดีที่จะสนับสนุนเชียงรายต่อไป และสะท้อนความผูกพันกับพื้นที่ว่า “เชียงรายถือเป็นบ้านหลังที่สอง” การสนับสนุนที่ต่อเนื่องเช่นนี้ ทำให้ผู้จัดงานยอมรับว่า หากไม่มีภาคเอกชนอย่างบุญรอด งานเทศกาลที่มีขนาดใหญ่ ทุนสูง และต้องดำเนินทุกปี อาจเผชิญความยากลำบากอย่างมากในการจัดให้ได้มาตรฐานเช่นปัจจุบัน

 ประติมากรรมดอกไม้–อุโมงค์เต่า สัญลักษณ์ใหม่ของการก้าวข้ามวิกฤตสู่ศักราชใหม่

หนึ่งในจุดขายทางภาพลักษณ์ที่ทำให้งานเชียงรายดอกไม้งามเป็นที่จดจำในระดับประเทศ คือการออกแบบ “ประติมากรรมดอกไม้” ขนาดใหญ่ที่ผสมผสานความสวยงามของดอกไม้เมืองหนาวเข้ากับจินตนาการด้านศิลปะอย่างลงตัว

พื้นที่กว่า 100 ไร่ของสวนสาธารณะหาดนครเชียงรายถูกเนรมิตให้เป็น “แกลเลอรีกลางแจ้ง” เต็มไปด้วยดอกลิลลี่ ดอกทิวลิป กล้วยไม้ และไม้ดอกหลากหลายชนิดนับล้านดอก โดยมีจุดไฮไลต์ในแต่ละปีสลับเปลี่ยนไปตามแนวคิดหลักของการจัดงาน

หลังจากปีที่ผ่านมา “อุโมงค์ตัวหนอนผีเสื้อ” กลายเป็นภาพจำที่ผู้มาเยือนจำนวนมากนำไปถ่ายรูปและเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ ปีนี้ นางรัตนา และทีมงานได้ออกแบบประติมากรรมใหม่ในรูป “เต่ามงคล” สองตัว คือ “คุณตาเต่า” และ “คุณยายเต่า” จัดทำเป็นอุโมงค์ให้ผู้มาร่วมงานได้เดินลอด

“เต่าเป็นสัญลักษณ์ของความอายุยืน ความอดทน และไม่เบียดเบียนใคร เราอยากให้ทุกคนที่มาลอดอุโมงค์เต่าทั้งสองตัว รู้สึกเหมือนได้ก้าวข้ามศักราชเก่า เข้าสู่ศักราชใหม่ด้วยความสดชื่น แจ่มใส และขอให้อายุยืน หมื่นปี” นางรัตนา อธิบายถึงแนวคิดเบื้องหลังประติมากรรมหลักของปีนี้ ซึ่งเชื่อมโยงทั้งศิลปะ สิริมงคล และการฟื้นตัวหลังวิกฤตต่าง ๆ ที่สังคมเผชิญในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

อีกด้านหนึ่ง งานยังเชื่อมโยงกับแนวทาง Wellness City ผ่านการจัดโซนสมุนไพรและพืชผักพื้นถิ่น พร้อมติดตั้ง QR Code ให้ผู้เข้าชมสแกนอ่านข้อมูล เช่น สรรพคุณทางยา การนำไปใช้ในครัวเรือน หรือบทบาทของสมุนไพรในวิถีชีวิตล้านนา เป็นการ “มอบทั้งความสุขและความรู้” ในเวลาเดียวกัน

มิติศรัทธาและศิลปวัฒนธรรม ตักบาตรดอกไม้–ราชรถบุษบก–พิธีปีใหม่

นอกจากความงดงามของดอกไม้และประติมากรรมแล้ว เทศกาลเชียงรายดอกไม้งามยังมี “มิติทางจิตวิญญาณและวัฒนธรรม” ที่ถูกออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงลึก

ในวันที่ 28 ธันวาคม 2568 จะมีพิธี “ตักบาตรดอกไม้” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของงาน โดยจะมีการอัญเชิญพระพุทธรูปเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเชียงรายจาก 9 วัด มาประดิษฐานบนราชรถบุษบก 9 คัน ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้กราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล

ดร.วันชัย เล่าย้อนถึงที่มาของราชรถบุษบกเหล่านี้ว่า เกิดจากการหารือร่วมกับพระธรรมราชานุวัฒน์ รวมทั้งศิลปินแห่งชาติและศิลปินล้านนาชื่อดัง เช่น อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี และอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เพื่อออกแบบให้บุษบกแต่ละหลังสะท้อนศิลปะล้านนาของ 8 จังหวัดภาคเหนือ โดยใช้เวลาสร้างสรรค์รวมหลายปีจนนำมาสู่ราชรถบุษบกที่งดงามดังเช่นปัจจุบัน

บรรยากาศแห่งศรัทธายังต่อเนื่องไปถึงเช้าวันที่ 1 มกราคม 2569 ซึ่งเทศบาลนครเชียงรายจะจัดพิธีอัญเชิญพระพุทธรูปแวดเวียงเจียงฮาย และทำบุญตักบาตรวันขึ้นปีใหม่ ตั้งแต่สี่แยกสุริวงค์ ถนนธนาลัย ถึงสี่แยกศาลแขวงเชียงราย เปิดโอกาสให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมต้อนรับศักราชใหม่ด้วยพิธีกรรมทางศาสนาที่เชื่อมโยงกับอัตลักษณ์ล้านนาอย่างกลมกลืน

พร้อมกันนี้ ตลอดช่วงการจัดงานจะมีเทศกาลดนตรีในสวน Music In The Park จัดแสดงทุกวันเสาร์ ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2568 ถึง 16 กุมภาพันธ์ 2569 โดยมีทั้งศิลปินชื่อดังและการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากเยาวชนในจังหวัดเชียงรายมาร่วมสร้างสีสัน ช่วยเติมเต็มภาพ “เมืองศิลปะริมโขง–ริมกก” ให้มีชีวิตชีวายิ่งขึ้น

วางอนาคต 20 ไร่ ศูนย์เรียนรู้–เมืองอาหารปลอดภัย–นวัตกรรมและ AI

ท่ามกลางความสวยงามของดอกไม้ในฤดูกาลหนึ่ง สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือ “วิสัยทัศน์ระยะยาว” ที่ถูกเล่าควบคู่ในงานแถลงข่าว ดร.วันชัย เปิดเผยว่า เทศบาลนครเชียงรายมีแผนจะพัฒนาพื้นที่บางส่วนของสวนสาธารณะหาดนครเชียงราย ประมาณ 20 ไร่ ให้เป็น “ศูนย์เรียนรู้และพื้นที่เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์” ควบคู่กับการเป็นฐานในการขับเคลื่อนเมืองสู่เป้าหมาย “เมืองอาหารปลอดภัย”

แผนดังกล่าวประกอบด้วย 3 มิติสำคัญ

  1. การสืบสานหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง น้อมนำแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้ในการออกแบบกิจกรรมและรูปแบบการเรียนรู้ ให้ประชาชนเห็นภาพว่าการพัฒนาท้องถิ่นสามารถเดินไปพร้อมกับความพอประมาณและความยั่งยืนได้อย่างไร
  2. การยกระดับสู่เมืองอาหารปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี โดยเตรียมประสานความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในพื้นที่ รวมถึงมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อพัฒนานวัตกรรมด้านเกษตรและระบบตรวจสอบความปลอดภัยของอาหาร พร้อมนำเทคโนโลยีและ AI มาช่วยให้เกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นสามารถผลิต จำหน่าย และสร้างแบรนด์สินค้าอาหารปลอดภัยได้อย่างมีมาตรฐาน
  3. การสร้างแหล่งเรียนรู้ให้เยาวชนและประชาชนทั่วไป ผ่านนิทรรศการถาวร แปลงสาธิต และกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ โดยมุ่งหวังให้คนรุ่นใหม่เข้าใจทั้งมิติของสิ่งแวดล้อม เกษตรกรรมสมัยใหม่ และการใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ ควบคู่กับการสร้างอาชีพและรายได้ในระยะยาว

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า เทศบาลนครเชียงรายไม่ได้มองงานเทศกาลดอกไม้เป็นเพียง “อีเวนต์ประจำปี” แต่ใช้เป็น “เวที” และ “จุดตั้งต้น” ในการสื่อสารวิสัยทัศน์เมืองและดึงทรัพยากรจากทุกภาคส่วนมาร่วมกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนเชียงราย

ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ และการยืนยันบทบาท “นครแห่งสีสันและเทศกาลตลอดปี”

จากการจัดงานอย่างต่อเนื่องตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา เทศกาลเชียงรายดอกไม้งามพิสูจน์แล้วว่าเป็น “แม่เหล็กสำคัญ” ของการท่องเที่ยวฤดูหนาวในเชียงราย ภาครัฐและผู้ประกอบการท้องถิ่นคาดหวังว่า การจัดงานปีที่ 22 จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้หลั่งไหลเข้าสู่จังหวัดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีแนวโน้มว่าการเดินทางทางอากาศและการจองที่พักในช่วงเวลาดังกล่าวจะคึกคักเป็นพิเศษ

แม้ยังไม่มีการระบุตัวเลขคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการในงานแถลงข่าว แต่ท่าทีของผู้บริหารสะท้อนความเชื่อมั่นว่า งานเทศกาลจะช่วย “อัดฉีดเม็ดเงิน” เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น ทั้งในภาคการท่องเที่ยว การบริการ เกษตร และการค้าชุมชน โดยเฉพาะเมื่อเชื่อมโยงกับกิจกรรมอื่น ๆ ของเทศบาล เช่น งานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ณ หอนาฬิกานครเชียงราย และพิธีทำบุญตักบาตรปีใหม่บนถนนธนาลัย

ในมุมเชิงนโยบาย เทศบาลนครเชียงรายใช้โอกาสนี้ย้ำว่า การขับเคลื่อนเชียงรายสู่การเป็น “เมืองน่าอยู่ เมืองท่องเที่ยวคุณภาพ และเมืองที่มีความยั่งยืน” จำเป็นต้องอาศัยทั้งพลังของภาครัฐ เอกชน ชุมชน และเยาวชน โดยงานเชียงรายดอกไม้งามถูกวางบทบาทให้เป็น “เวทีกลาง” ที่ทุกภาคส่วนสามารถเข้ามามีส่วนร่วม แสดงศักยภาพ และได้รับประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นธรรม

ท้ายที่สุด คำเชิญชวนจากผู้จัดงานจึงไม่ได้มุ่งเพียงให้ผู้คนมาชมดอกไม้เมืองหนาวที่บานสะพรั่งริมน้ำกกเท่านั้น หากแต่ชวนให้มาสัมผัส “เมืองที่กำลังใช้ศิลปะ วัฒนธรรม ธรรมชาติ และนวัตกรรม” เป็นเครื่องมือในการสร้างคุณภาพชีวิตและอนาคตที่ยั่งยืนให้กับผู้คนบนผืนแผ่นดินเหนือสุดของสยามแห่งนี้

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • เขียนโดย : กันณพงศ์ ก.บัวเกษร
  • เรียบเรียงโดย : มนรัตน์ ก.บัวเกษร
  • ภาพ : กีรติ ชุติชัย
  • เทศบาลนครเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME