
เชียงราย, 18 พฤศจิกายน 2568 — เวทีแถลงข่าวที่บอกเล่าความพร้อมของทั้งเมือง บนเวทีอาคารคชสาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) บรรยากาศของการแถลงข่าว “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย Chiang Rai Flower and Art Festival 2025” เริ่มต้นด้วยถ้อยคำเชิญชวนที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง เชียงรายพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศอีกครั้ง ภายใต้แนวคิดใหญ่ “สายนทีแห่งศรัทธา ธ สถิตในใจตราบนิจนิรันดร์” ที่ตีความดอกไม้ ศิลปะ วัฒนธรรม และความจงรักภักดีให้กลายเป็นประสบการณ์ร่วมสมัยของทั้งชาวเชียงรายและผู้มาเยือน
นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นำทีมผู้แทนหน่วยงานหลักด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของจังหวัด ได้แก่ นายนิพนธ์ นิยม หัวหน้าสำนักงานจังหวัดเชียงราย, นางสาวยุรีพรรณ แสนใจยา ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานเชียงราย และนายภาคภูมิ ผลพิสิษฐ์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย ขึ้นเวทีสนทนาเพื่ออธิบาย “ภาพใหญ่” ของงานปีนี้และผลเชื่อมโยงต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น กิจกรรมหลักถูกประกาศอย่างชัดเจนว่า จัดระหว่างวันที่ 18 ธันวาคม 2568 – 7 มกราคม 2569 ณ สวนไม้งามริมน้ำกก พร้อม “กระจายความศรัทธา” สู่ โซนอำเภอเวียงชัย (สวนสาธารณะหนองหลวง) และ โซนอำเภอแม่สาย (วัดถ้ำเสาหินพญานาค) เพื่อให้เกิดการกระจายตัวของนักท่องเที่ยว รายได้ และโอกาสทางเศรษฐกิจตลอดทั้งเทศกาลปลายปี
การวางพล็อตงานปีนี้ยังคงความเป็น “เทศกาลชูตัวตนเชียงราย” ที่เน้น ศิลปะ (Art), การออกแบบ (Design), วิถีวัฒนธรรมล้านนาและชาติพันธุ์ (Culture & Ethnic), และ ธรรมชาติ (Nature) ผสาน “นวัตกรรมแสงสีสื่อผสาน” ให้สวนดอกไม้ 4 ฤดูกาล Summer, Rainy, Winter, Spring เป็นทั้งพื้นที่เรียนรู้ พักผ่อน และถ่ายภาพที่มี “ความหมาย” มากกว่าความสวยงาม
สารหลัก ของงานปีนี้ คือ “ความทรงจำร่วม” ที่ให้ผู้เข้าชมเดินทางผ่าน “แสงสะท้อนแห่งฤดูกาล” เห็นความหวัง ความอุดมสมบูรณ์ ความเงียบสงบ และการฟื้นคืนชีพ ก่อนกลับออกมาด้วยความอิ่มเอมใจ คลี่คลายความคิด และอยากย้อนคืนอีกครั้งในปีถัดไป
เหตุผลและบริบท ทำไม “เชียงราย” และทำไม “ตอนนี้” เมืองแห่งศิลปะและการออกแบบ ขยายภาพสู่ระดับโลก
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เชียงรายถูกผลักดันสู่ภาพจำใหม่ของ “เมืองศิลปะและการออกแบบ” อย่างจริงจัง ฐานทุนสำคัญคือชุมชนศิลปินร่วมสมัย แหล่งท่องเที่ยวทางศิลปะระดับชาติ (เช่น วัดร่องขุ่น บ้านดำ วัดร่องเสือเต้น ฯลฯ) และ “ดีเอ็นเอล้านนา” ที่กลั่นออกมาเป็นสถาปัตยกรรม ประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น เสริมให้เชียงรายมีกรอบเรื่องเล่าที่ชัดเจนต่อโลกของการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์
นัยสำคัญอีกประการคือ เชียงรายได้รับการประกาศในเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network) ด้านการออกแบบในปี 2566 ตามรายชื่อเมืองใหม่ที่ประกาศเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2566 ซึ่งได้รับการเผยแพร่โดยยูเนสโกและสื่อไทยหลายสำนักในห้วงเวลาเดียวกัน ความเคลื่อนไหวนี้เป็นเสมือน “ตราประทับ” ยืนยันจุดยืนทางกลยุทธ์ให้เชียงรายเดินหน้าใช้ Design Economy และ Creative Tourism เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนระยะยาว
ความต่อเนื่องของเทศกาลและพัฒนาการแบบ “ยกมาตรฐาน”
งานดอกไม้เชียงรายมิใช่อีเวนต์เกิดใหม่ หากแต่สะสมความนิยมมาหลายปี ปีก่อนหน้า (2567–2568) ก็จัดในช่วงกลางธันวาคมต่อเนื่องถึงต้นมกราคม แนวคิดการจัด 4 โซน/4 ฤดูกาล และการใช้พื้นที่สวนไม้งามริมน้ำกกเป็นแกนกลางได้รับการยืนยันผ่านช่องทางสาธารณะหลายแห่งของจังหวัดและผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่ การสานต่อความสำเร็จเดิมพร้อมยกระดับ การออกแบบแสงสี และ เทคโนโลยี Interactive ให้ “สวนดอกไม้ = นิทรรศการมีชีวิต” คือหัวใจของ 2025
เศรษฐกิจท่องเที่ยวไทยกลับมา และภาคเหนือยังเติบโต
ภาพรวมระดับประเทศ ปี 2567–2568 คือห้วงเวลาที่การท่องเที่ยวไทยทยอยฟื้นตัวอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งจำนวนผู้มาเยือนและรายได้รวมด้านท่องเที่ยวของประเทศ โดยข้อมูลสถิติของ กรมการท่องเที่ยว สะท้อนการขยายตัวต่อเนื่องของตลาดต่างประเทศและแรงหนุนกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์/เทศกาลในภูมิภาค เป็นบริบทมหภาคที่เอื้อให้เทศกาลระดับจังหวัดสามารถขยายฐานผู้เข้าชมและรายได้หมุนเวียนได้จริง
“เชื่อมเครือข่าย” อีเวนต์นานาชาติและ MICE
เชียงรายกำลังสถาปนาบทบาทเจ้าภาพการประชุม/เสวนานานาชาติด้านการตลาดปลายทางการท่องเที่ยว เช่น PATA Destination Marketing Forum 2025 ที่จังหวัดอยู่ระหว่างการประสานความร่วมมือกับภาคีท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (PATA) ซึ่งได้มีการสื่อสารเชิงนโยบายและการเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพผ่านช่องทางราชการของจังหวัดในปี 2568 ที่ผ่านมา เป็นสัญญาณของการ “ยกสเตจ” เชียงรายสู่เรดาร์โลกด้านการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง
เรื่องเล่าหลัก เมื่อ “สายนที” พาเดินผ่าน 4 ฤดูกาล
โครงเรื่องของงานปีนี้เปรียบ “สายน้ำ” เป็นผู้พาเราเดินทางจากฤดูสู่ฤดู จากความเรืองรองของ ฤดูร้อน (Summer) สู่ความอิ่มเอมและการเริ่มต้นใหม่ของ ฤดูฝน (Rainy) ข้ามสู่ความนิ่งสงบและความทรงจำของ ฤดูหนาว (Winter) และปลุกให้โลกรุ่งเรืองอีกครั้งด้วยการฟื้นคืนชีพใน ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) แต่ละฤดูไม่ได้แค่จัดวางพันธุ์ไม้เมืองหนาวให้ผลิบาน หากยังแทรก “งานออกแบบเชิงศิลป์” และ “เทคนิคแสง-เสียง/จอ LED/Interactive” เพื่อให้ผู้เข้าชม “มีปฏิสัมพันธ์” กับเรื่องเล่า
เนื้อหาเชิงสัญลักษณ์แฝงประเด็น “ศรัทธาและความจงรักภักดี” ผ่านนิทรรศการพระราชกรณียกิจ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้ผู้เข้าชม น้อมรำลึก ในพระมหากรุณาธิคุณ พร้อมกิจกรรมวัฒนธรรมชาติพันธุ์กว่า 17 กลุ่ม บน “ข่วงวัฒนธรรม” ซึ่งจะมีทั้งการแสดง การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ถนนคนเดิน อาหารพื้นถิ่น และ โซน Food Truck ริมน้ำกก ทั้งหมดนี้ทำให้ “การชมดอกไม้” กลายเป็น ประสบการณ์ปลายปีแบบเชียงราย ที่ครบทั้ง ดู-ชิม-ฟัง-สัมผัส-เรียนรู้
เศรษฐกิจท้องถิ่น ตัวคูณรายได้ที่จับต้องได้
สิ่งที่น่าสนใจในเวทีแถลงข่าว คือการพูดคุยเชิงตัวเลขของภาคเศรษฐกิจเชียงราย โดยผู้แทนหอการค้าระบุภาพรวมว่า โครงสร้างเศรษฐกิจของจังหวัดในปัจจุบันขับเคลื่อนด้วยภาคบริการและการท่องเที่ยวมากกว่าร้อยละ 60 สะท้อนบทบาท “หัวรถจักร” ของเศรษฐกิจท่องเที่ยวในจังหวัด และชี้ให้เห็นว่าการลงทุนกับ “เทศกาลคุณภาพ” มีความคุ้มค่าในเชิงผลกระทบกว้าง
จากประสบการณ์ปีก่อนหน้า ทีมผู้จัดให้ข้อมูลว่าพื้นที่ ริมกก ต้อนรับผู้เข้าชมรวม กว่า 700,000 คน ในช่วงกว่า 20 วันของการจัดงาน และผู้ค้าจำนวนมากมีรายได้ หลักหมื่นบาทต่อวัน นี่คือ “หลักฐานภาคสนาม” ว่าการจัดเทศกาลที่ออกแบบดี เชื่อมโยง ศิลปะ-วัฒนธรรม-อาหาร-ชุมชน-การค้า สามารถสร้าง วงจรรายได้ท้องถิ่น ที่จับต้องได้ ไม่ใช่เพียงความสวยริมภาพถ่าย
ในปี 2025 นี้ ออกแบบการกระจายพื้นที่จัดงานสู่ อำเภอเวียงชัย (หนองหลวง) และ อำเภอแม่สาย (วัดถ้ำเสาหินพญานาค) เพื่อให้เกิด การกระจายตัวของนักท่องเที่ยว และลดความแออัดในพื้นที่หลัก ขณะเดียวกันก็เพิ่ม จุดผลักดันเศรษฐกิจ ให้ร้านอาหาร ร้านกาแฟ โฮมสเตย์ ที่พัก และผู้ประกอบการท้องถิ่นในวงกว้างมีโอกาสรับรายได้จากเทศกาล
“3 อีเวนต์ใหญ่” ขับเคลื่อนภาพเมืองในสัปดาห์เดียวกัน
เพื่อยกระดับ “แรงดึงดูด” และ ยืดระยะพำนัก (Length of Stay) จังหวัดและ อบจ.เชียงราย เสริม สามอีเวนต์ขนาน ช่วงกลางเดือนธันวาคม 2568 ได้แก่
การ “ผูกชุด” อีเวนต์เช่นนี้ทำให้เกิด จุดพีกของการเดินทาง ในสัปดาห์กลางเดือนธันวาคม นักท่องเที่ยวต่างจังหวัดและผู้เข้าร่วมประชุมจากทั่วประเทศมีเหตุผลในการ “อยู่ต่ออีก 2–3 คืน” เพื่อชมดอกไม้และท่องเที่ยวรอบเมือง ส่งผลเชิงบวกต่อ อัตราการเข้าพัก (Occupancy) และ รายได้เฉลี่ยต่อทริป ของผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร และบริการท่องเที่ยว
เชื่อมทิศทางนโยบาย “เที่ยวได้ทุกสไตล์ เที่ยวเชียงรายได้ทั้งปี มีดีทุกอำเภอ”
ผู้จัดวางกรอบยุทธศาสตร์ “7 เรือธง” ของ อบจ.เชียงราย ไว้ชัดเจน งานดอกไม้ปีนี้จึงไม่ใช่ “กิจกรรมเฉพาะกิจ” หากแต่เป็น เครื่องมือบรรลุเป้าหมาย ต่อไปนี้
เสียงสะท้อนบนเวที ประเด็นเด่น ประเด็นรอง ที่สังคมควรรับรู้
ประเด็นเด่น (Highlights)
ประเด็นรอง (แต่สำคัญ)
วิเคราะห์ผลกระทบที่คาดหวัง จาก “ความสวยงาม” สู่ “ความคุ้มค่าทางสังคม-เศรษฐกิจ”
คำแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับนักท่องเที่ยวและสื่อ
โครงสร้างการบริหารจัดการ สิ่งที่ผู้จัด “ทำถูกทาง”
เสียงบนเวที ถ้อยคำสำคัญที่ขับเคลื่อน
จากเวที “งานดอกไม้ที่ดี ไม่ใช่แค่สวย แต่ต้อง ‘มีความหมาย’ และ ‘มีมูลค่า’ ทั้งต่อผู้ชมและต่อชุมชน”
เช็คพอยต์สำคัญของงาน 2025 (สรุปเชิงปฏิบัติ)
ข้อสังเกตเชิงนโยบาย ทำอย่างไรให้ “ดี” และ “ยั่งยืน”
งานดอกไม้ที่เป็นมากกว่า “ดอกไม้”
“มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025” เป็น “บทพิสูจน์” ว่าเชียงรายกำลังก้าวจาก ความงามเชิงทัศนียภาพ ไปสู่ ความงามเชิงความหมาย เรื่องเล่าที่เชื่อม ศิลปะ-ดีไซน์-วิถีชาติพันธุ์-สถาบัน-ธรรมชาติ-เศรษฐกิจชุมชน เข้าด้วยกันอย่างพอดิบพอดี ปีนี้งานถูก “วางองค์ประกอบ” ให้ เดินเพลิน และ คิดเพลิน ได้ในคราวเดียว ตั้งแต่ก้าวผ่าน “สายรุ้งแห่งฤดูร้อน” จนถึง “บลูมออฟไลท์” ที่บอกเราว่า การฟื้นคืนชีพของเมือง ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงจากดอกไม้บาน แต่เกิดจาก ผู้คนบาน ไปพร้อมๆ กัน
และเมื่อม่านไฟปิดลงในคืนสุดท้ายของเทศกาล สิ่งที่เหลือในใจ ไม่ใช่แค่ภาพถ่าย หากคือความทรงจำร่วมว่า เชียงราย คือเมืองที่จัดการ ความสวย ให้กลายเป็น ความหมาย และจัดการ ความหมาย ให้กลายเป็น ความยั่งยืน ได้อย่างงดงาม
แหล่งข้อมูลประกอบการรายงาน (คัดสรร)
ตัวเลขเชิงประสบการณ์ (เช่น ผู้เข้าชมรวมกว่า 700,000 คนในปีที่ผ่านมา, รายได้ผู้ค้าหลักหมื่นบาท/วัน) เป็น คำให้ข้อมูลบนเวทีแถลงข่าว ของผู้จัดงาน/ผู้บริหารท้องถิ่นในครั้งนี้ ซึ่งผู้สื่อข่าวตรวจสอบแล้วว่ามีความสอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของเทศกาลในปีก่อน ๆ จากแหล่งข่าวภาคพื้นที่
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by Nakorn Chiang Rai News Limited Partnership (L.P.). All Rights Reserved.