
เกมรุกใหม่ของเมืองรอง ใช้พลังไมซ์–วัฒนธรรม–สุขภาวะ ปักธงเศรษฐกิจยั่งยืน
เชียงราย, 14 กันยายน 2568 — การประกาศให้จังหวัดเชียงรายเป็นเจ้าภาพ PATA Destination Marketing Forum 2025 (PDMF 2025) ระหว่างวันที่ 1–3 ธันวาคม 2568 ที่ Heritage Chiang Rai Hotel & Convention ไม่ใช่เพียงข่าวดีด้านอีเวนต์ หากคือ “ยุทธศาสตร์ใหม่” ที่ดึง “คุณภาพ” มากกว่า “ปริมาณ” มาเป็นคันเร่งเศรษฐกิจ หลังอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยต้องรับแรงสั่นสะเทือนจากเศรษฐกิจโลกและการแข่งขันในภูมิภาคที่ร้อนแรงขึ้น โดยเฉพาะจากญี่ปุ่นที่ครึ่งปีแรก 2568 ทำสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติ 21.51 ล้านคน สร้างแรงกดดันต่อภูมิภาคทั้งอาเซียนและไทยให้เร่งยกระดับข้อเสนอจุดหมายปลายทางอย่างชัดเจน
ในฝั่งไทย รัฐบาลได้ปรับลดคาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2568 ลงมาแถว 33 ล้านคน สะท้อนโจทย์ “คุณภาพรายจ่าย/หัว” และ “การกระจายรายได้สู่เมืองรอง” สำคัญกว่าการเร่งจำนวนผู้มาเยือนเพียงอย่างเดียวนั่นทำให้ “ไมซ์” กลายเป็นอาวุธเชิงยุทธศาสตร์ที่ตรงจุดที่สุดในเวลานี้
ทำไม “ไมซ์” ถึงเปลี่ยนเกมเศรษฐกิจได้จริง
ข้อมูลวิเคราะห์ของ Thailand Convention & Exhibition Bureau (TCEB) แสดงภาพชัดว่า “นักท่องเที่ยวไมซ์” สร้างมูลค่าเข้มข้นกว่า “นักท่องเที่ยวเพื่อสันทนาการ” อย่างมีนัยสำคัญ โดยมี ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวันราว 16,095.19 บาท เทียบกับ 4,616.49 บาท/วัน หรือราว 3.5 เท่า แม้ค้างคืนน้อยกว่าแต่ค่าใช้จ่ายรวมต่อทริปสูงกว่า ส่งผลให้เงินหมุนเวียนสู่ธุรกิจท้องถิ่นรวดเร็วและเป็นกอบเป็นกำ ทั้งที่พัก อาหาร โลจิสติกส์ และบริการสนับสนุน
PDMF 2025 จึงเป็นมากกว่าการประชุมฝ่ายการตลาด แต่คือ “เครื่องฟอกกำลังซื้อ” ที่ตั้งใจพาผู้ตัดสินใจ–ผู้กำหนดนโยบาย–นักการตลาดจุดหมายปลายทางจากเอเชียแปซิฟิก มาสัมผัสเชียงรายจริงก่อนกลับไปออกแบบแคมเปญการขายจุดหมายปลายทางยุคใหม่จึงเริ่มจาก “ประสบการณ์ตรง” ไม่ใช่แค่สไลด์พรีเซนต์.
โครงสร้างงานจากห้องประชุมสู่พื้นที่จริง
PATA ยืนยันรูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์ 1 วันประชุม ว่าด้วยเทรนด์–กรณีศึกษาเชิงกลยุทธ์ และ 1 วัน Destination Experience ที่คัดสรรเส้นทางเฉพาะกิจ 3 รูท เพื่อ “ให้สิ่งที่เล่าในห้องประชุมมีชีวิต” เมื่อออกไปอยู่ในพื้นที่จริง ได้แก่
เส้นทางเหล่านี้คือ “สคริปต์การเล่าเรื่อง” ที่ทำให้ผู้ร่วมงานได้เห็น “เศรษฐกิจความหมาย” (meaningful economy) ของเชียงรายแบบจับต้องได้
คาร์บอนนิวทรัล มาตรฐานใหม่ของงานไมซ์
ปีนี้ PATA ขยับจากแนวคิดสู่การปฏิบัติด้วยการประกาศให้งานเป็น Carbon Neutral Event เก็บ ค่าชดเชยคาร์บอน 10 ดอลลาร์สหรัฐ/คน แม้เปิดลงทะเบียนฟรี ทั้งเพื่อชดเชยการปล่อยที่เลี่ยงไม่ได้ (เช่น การบิน) และเพื่อส่งเงินสู่โครงการสิ่งแวดล้อมในไทยนี่ไม่ใช่เพียง “ภาษีความเขียว” แต่คือสัญญาณว่ามาตรฐานความรับผิดชอบสิ่งแวดล้อมกำลังกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ของอุตสาหกรรม
“เชียงรายในฐานะเมืองดีไซน์” และทุนวัฒนธรรมที่พร้อมต่อยอด
ยูเนสโก ขึ้นทะเบียน “เชียงราย Creative City of Design” เมื่อปี 2023 โครงสร้างนิเวศสร้างสรรค์ของเมืองจากงานสถาปัตยกรรมและภูมิทัศน์ ไปจนถึงหัตถกรรมและผลิตภัณฑ์ชุมชนจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นระบบที่มี “ดีไซน์” กำกับการพัฒนา เมื่องาน PDMF 2025 หยิบ “ดีไซน์–สุขภาวะ–ท้องถิ่น” มาทำเป็นแกน ถ้อยคำบนเวทีจะยิ่ง “ลงล็อก” กับสิ่งที่ผู้ร่วมงานกำลังยืนอยู่ตรงหน้า
ในฝั่งชุมชน “บ้านสันทางหลวง” ได้รับ PATA Gold Awards 2025 – Women Empowerment ยืนยันพลังการจัดการตนเองของผู้นำสตรีและกลุ่มหลากหลายทางเพศที่พลิกความท้าทายภาคเกษตร สู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ฐานชุมชนอย่างมีศักดิ์ศรีและปีนี้ชุมชนถูกบรรจุในเส้นทางเรียนรู้ของผู้ร่วมงานด้วยโดยตรง “รางวัล” จึงไม่ใช่เพียงถ้วย หากเป็น “ช่องทางขาย” ที่จะถูกพาผ่านสายตาผู้ตัดสินใจจากทั่วเอเชียแปซิฟิก
พันธมิตรเดินทางและโครงสร้างรองรับ
เว็บไซต์งานระบุ การบินไทย (THAI) เป็น Official Airline Partner พร้อมสิทธิพิเศษค่าโดยสารสำหรับผู้ร่วมงานการมีสายการบินแห่งชาติเข้ามาช่วย “เชื่อมต่อ–ลดอุปสรรค” จะเอื้อต่อการวางแผนเดินทางและขยายผลเครือข่ายธุรกิจรายทาง ทั้งในเชียงรายและเมืองรองใกล้เคียง
ผลกระทบทางเศรษฐกิจ เงินที่หมุนเร็ว สู่วงจรชุมชน
เมื่อพิจารณาโครงสร้างค่าใช้จ่ายของผู้ร่วมงานไมซ์ (ค่าโรงแรมระดับกลาง–บน, อาหารคุณภาพ, รถรับ-ส่ง, ทีมโลจิสติกส์, เวิร์กชอปชุมชน, ซื้อของทำมือ) จะเห็นวงจรเงินที่ “ไหลเข้ม” และ “ไหลลึก” สู่เศรษฐกิจท้องถิ่นมากกว่าตลาดมวลชน โดยเฉพาะเมื่อเส้นทาง Destination Experience เน้น ไฮเปอร์โลคอล (hyper-local) เช่น ชุมชนผาหมี–บ้านสันทางหลวง–เชียงแสน ซึ่งผู้ร่วมงาน “ต้องจับจ่ายตรง” กับผู้ประกอบการ ตัวคูณทางเศรษฐกิจจึงปะทุในพื้นที่ทันที (จากช่างทอ–คนขับรถ–ไกด์–ร้านอาหาร–โฮมคาเฟ่–เวิร์กชอป) และต่อเนื่องยาวผ่านเครือข่ายที่ผู้เชี่ยวชาญต่างชาตินำกลับไปต่อยอด
บทเรียนสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ จาก “จำนวน” สู่ “คุณค่า”
เมื่อรัฐบาลลดเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้ลงมาแถว 33 ล้านคน ภาพใหญ่จึงมิใช่การไล่ตัวเลข “หัวคน” แต่เป็นการทำให้ “รายจ่ายเฉลี่ย/หัว” และ “การกระจายรายได้” สูงขึ้นงานไมซ์นำหน้าด้วยข้อได้เปรียบนี้อยู่แล้ว และ PDMF 2025 คือเวทีสาธิตคู่มือที่ทุกจังหวัดสามารถเรียนและทำตามได้ ยึดอัตลักษณ์–ยกบทบาทชุมชน–คุมความยั่งยืน–ใช้เทคโนโลยีเล่าเรื่องทั้งหมดนี้คือ “ภาษากลาง” ของการตลาดจุดหมายปลายทางยุคใหม่
ชาวเชียงรายได้ประโยชน์อะไร และ “เจ้าบ้าน” ควรเตรียมตัวอย่างไร
ประโยชน์โดยตรง
ข้อเสนอเชิงปฏิบัติสำหรับเจ้าบ้าน
เสียงจากเครือข่ายผู้จัดสารเดียวกันต่างภาษาคุณค่าท้องถิ่น + ความยั่งยืน
แถลงการณ์ของ PATA ชี้ชัดว่าเชียงรายเหมาะสมในฐานะ “เมืองศิลปะ–วัฒนธรรม–สุขภาวะ” และโครงสร้างงานที่ผสาน “เรียนในห้อง–เห็นของจริง” จะทำให้ผู้ร่วมงานกลับไปพร้อมเครื่องมือใช้งานได้จริง ขณะที่ TCEB–TAT–DASTA ต่างระบุร่วมกันว่าการยกระดับ “เมืองรองที่มีศักยภาพ” ให้เป็น MICE City คือหนทางสร้างความยั่งยืนและความต่างให้ไทยในตลาดเอเชียแปซิฟิกทั้งหมดนี้คือเมสเสจเดียวกันต่างภาษา: “พลังของชุมชน + ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม” คือหัวใจของการตลาดจุดหมายปลายทางยุคใหม่
จาก “การมาเยือน” สู่ “การเชื่อมโยง”
PDMF 2025 ทำให้เชียงรายก้าวพ้นคำว่าจุดหมายปลายทางสวยงาม สู่การเป็น “วงสนทนา” ระดับภูมิภาคว่าด้วยการตลาดการท่องเที่ยวที่ มีความหมาย และ มีความรับผิดชอบ ในจังหวะที่ไทยต้องเน้น “คุณภาพมากกว่าปริมาณ” งานนี้คือตัวอย่างชัดเจนว่าความร่วมมือข้ามหน่วยงาน + พลังชุมชน + มาตรฐานสิ่งแวดล้อม สร้างผลคูณเศรษฐกิจได้จริง และที่สำคัญทำให้ “เรื่องเล่าของเชียงราย” ถูกเล่าด้วยปากของผู้ร่วมงานมืออาชีพจากทั่วเอเชียแปซิฟิกต่อไปอย่างเป็นธรรมชาติ
สำหรับ “เจ้าบ้าน” เวลานี้คือโอกาส: ยิ้ม–เปิดบ้าน–เล่าเรื่อง—และทำให้ทุกการใช้จ่ายของผู้มาเยือน มีความหมาย ต่อคนเชียงรายมากที่สุด
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.