
เชียงราย, 19 สิงหาคม 2568 — ยามสายของวันประชุมที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย แผนที่ลุ่มน้ำโขงเหนือขนาดใหญ่ถูกคลี่บนโต๊ะ กราฟคาดการณ์ฝน–ความชื้นในดิน–ระดับน้ำท่า เชื่อมโยงเข้ากับไทม์ไลน์ “งานซ่อมพนัง” ที่กำลังเดินหน้าในอำเภอแม่สาย ภาพทั้งหมดสะท้อนโจทย์เดียวกัน—รับมือฝนระลอกพีกปลายสิงหาคม–กันยายน ให้ทันก่อน “น้ำมา” และจำกัดความเสี่ยงซ้ำรอยน้ำหลากปีที่ผ่านมา
การลงพื้นที่ครั้งนี้นำโดย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะประธานการประชุม คณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำโขงเหนือ ครั้งที่ 10/2568 โดยมีผู้แทนจังหวัด ผู้บริหารท้องถิ่น หน่วยงานด้านพยากรณ์อากาศและภูมิสารสนเทศ รวมถึงภาคส่วนปฏิบัติการในพื้นที่เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง สาระสำคัญคือ คำสั่งเร่งด่วนซ่อมเสริมพนังกั้นน้ำแม่น้ำสายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ เพื่อ “ล็อกความเสี่ยง” ก่อนความชื้นสะสมในดินและฝนใหม่จะผนวกกันเป็นน้ำหลากรอบใหม่
ดร.สุรสีห์ ระบุว่า สถานการณ์เฝ้าระวังได้รับการติดตาม รายวัน โดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะผู้กำกับติดตามจุดเสี่ยงสำคัญของลุ่มน้ำโขงเหนือ เพื่อให้การสั่งการ–การสนับสนุน–และการแจ้งเตือนประชาชน ทันเวลา–ตรงจุด–ใช้การได้จริง ไม่ใช่เพียงเอกสารเตือนภัย
พายุปลายสิงหาเหตุผลของ “เส้นตาย 24 ส.ค.”
กรมอุตุนิยมวิทยา ชี้ว่า ตั้งแต่ 24 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป ปริมาณฝนในลุ่มน้ำโขงเหนือมีแนวโน้ม เพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกันภาพวิเคราะห์บรรยากาศแสดง หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ที่อาจพัฒนาเป็นพายุโซนร้อนปลายเดือน—สถานการณ์ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะ ค่าความชื้นในดินสูง อยู่แล้วจากฝนหลายระลอกก่อนหน้า เมื่อฝนก้อนใหม่ตกซ้ำลงมา น้ำฝนจะ ซึมดินได้ต่ำ–กลายเป็นน้ำท่าเร็ว–ไหลลงลำน้ำ สร้างยอดคลื่นระดับน้ำ (peak) ที่ สูงและมาไว กว่าปกติ
ถ้าพนัง–ฝาย–คอสะพาน ยังซ่อมไม่เสร็จ หรืออ่อนแรง จุดเปราะบางจะกลายเป็น ช่องทางน้ำพุ่ง เพิ่มความเสียหายแบบลูกโซ่ การกำหนดเส้นตาย 24 ส.ค. จึงไม่ใช่ตัวเลขลอย ๆ แต่ยึดโยงกับ หน้าต่างเวลา (window) ระหว่าง “ฝนเดิมยังไม่ระบายหมด” กับ “ฝนใหม่กำลังเข้า” ให้มี กันชน (buffer) เพียงพอ
คำถามชวนคิด ใน 72 ชั่วโมงหลังฝนหนัก จังหวะ “พร่องน้ำ–ปิดช่องโหว่–เสริมจุดอ่อน” จะทำได้เร็วพอหรือไม่? และการซ้อมแผนอพยพในชุมชนริมน้ำที่เคยถูกน้ำท่วมซ้ำมีความพร้อมแค่ไหน?
แม่สายคือจุดยุทธศาสตร์ พนังที่ต้องแข็งแรงก่อนฝนใหญ่
อำเภอแม่สาย คือแนวหน้ารับน้ำฝั่งเหนือ ก่อนที่น้ำจะไหลสู่ แม่น้ำสาย–แม่น้ำรวก–และแม่น้ำกก ต่อไป การลงพื้นที่ร่วมกับ นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย และหน่วยงานท้องถิ่น จึงเจาะจงประเด็น พนังกั้นน้ำที่ชำรุด จากรอบน้ำหลากที่ผ่านมา สาระหลักของคำสั่งคือ
ทั้งหมดนี้ต้องอยู่ภายใต้กรอบ 24 ส.ค. เพื่อให้ แม่สาย—เมืองหน้าด่าน—ยืนให้มั่นก่อนสายฝนจะเข้าทั้งละลอก
“น้ำใช้ต่างกัน มาตรฐานต่างกัน” แยกเกณฑ์คุณภาพน้ำให้ชัด–สื่อสารให้ถึง
อีกแกนหลักของการประชุม คือการสื่อสารเรื่อง คุณภาพน้ำ ให้ประชาชนเข้าใจ “เกณฑ์มาตรฐานตามการใช้งาน” ไม่ใช้ตัวเลขชุดเดียวครอบทุกประเภทการใช้ เพราะบริบท “น้ำดิบเพื่อการประปา” กับ “น้ำเพื่อเกษตร” ไม่เท่ากัน
บริบทพื้นที่ปัจจุบัน แม่น้ำกก–แม่น้ำสาย–แม่น้ำรวก ยังตรวจพบ ค่าสารหนูเกินเกณฑ์ 0.01 มก./ลิตร ตามมาตรฐานน้ำดื่ม จึงต้องย้ำว่า “น้ำธรรมชาติเหล่านี้ไม่ใช่น้ำดื่มโดยตรง” ต้องผ่าน กระบวนการบำบัด ให้ได้ตามเกณฑ์ก่อน ส่วนภาคเกษตร หากพื้นที่ใดมีค่าตรวจเกิน 0.05 มก./ลิตร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้อง แจ้งเตือน–ให้คำแนะนำ วิธีลดความเสี่ยง (เช่น ปรับชนิดพืช ลดการใช้น้ำแหล่งดังกล่าวชั่วคราว สำรองน้ำสะอาด หรือผสมน้ำจากแหล่งอื่น)
ที่ประชุมจึงมอบหมายให้จังหวัด เร่งประชาสัมพันธ์แบบตรงประเด็น:
ชุดมาตรการเชิงระบบ พร่องน้ำอ่าง–ข้อมูลแม่น–เตือนเร็ว–เครื่องมือพร้อม
เพื่อให้ “แผนบนกระดาษ” กลายเป็น “การลดความเสี่ยงจริง” ที่ประชุมกำหนดมาตรการทำงาน สอดประสานหลายมิติ ดังนี้
1) พร่องน้ำอ่างเก็บน้ำ:
2) ข้อมูลและพยากรณ์เฉพาะพื้นที่:
3) ระบบเตือนภัยและสื่อสารสาธารณะ:
4) ความพร้อมเครื่องมือ–กำลังพล:
ดร.สุรสีห์ สรุปหลังลงพื้นที่ว่า จังหวัดเชียงรายและหน่วยงานเกี่ยวข้อง ขยับโจทย์หลักครบด้าน แล้วทั้งโครงสร้าง–ข้อมูล–สื่อสาร–อุปกรณ์ แต่เน้นย้ำ “อย่าประมาท” และต้องรักษาวินัยการแจ้งเตือนล่วงหน้า เพื่อปกป้อง ชีวิต–ทรัพย์สิน ตามนโยบายรัฐบาล
เสียงจากพื้นที่ “ทำงานเชิงรุกตั้งแต่ยังไม่ตก”
ด้านพื้นที่ แม่สาย หน่วยงานฝ่ายปกครองและท้องถิ่นรายงานความพร้อม แผนเฝ้าระวังระดับน้ำ–ซ่อมโครงสร้าง–และจุดอพยพ โดยเฉพาะ ชุมชนริมน้ำ–ตลาด–โรงเรียน ซึ่งเคยได้รับผลกระทบจากน้ำหลากที่ผ่านมา พร้อมระบุว่า “ยุทธวิธีปีนี้” คือการ ลงมือก่อน ไม่รอฝนตกหนักแล้วค่อยยกระสอบทราย
ในตัวเมืองเชียงราย หน่วยงานสาธารณูปโภคเตรียม เคลียร์ท่อระบายน้ำ–ทางน้ำลัด–แก้มลิง ให้เปิดทางรับน้ำฝน โครงการ ซักซ้อมอพยพย่อม (micro drill) ในชุมชนเสี่ยงเริ่มทยอยทำ เพื่อให้ประชาชน จำทางหนีไฟของน้ำ ได้โดยอัตโนมัติ
บริบท “คุณภาพน้ำ” กลางฝนหลวง สารหนูคืออะไร–เสี่ยงอย่างไร–ประชาชนควรทำอะไร
สารหนู (Arsenic) เป็นโลหะกึ่งโลหะที่พบได้ตามธรรมชาติในดิน–หิน และอาจปนเปื้อนสู่แหล่งน้ำได้จาก กระบวนการทางธรณี หรือกิจกรรมของมนุษย์ในบางบริบท ความเสี่ยงต่อสุขภาพขึ้นกับ ระดับความเข้มข้น–ระยะเวลาการสัมผัส–และวิธีการรับสัมผัส หลักการกว้าง ๆ คือ น้ำสำหรับดื่มกิน ต้องผ่านกระบวนการบำบัดให้ได้มาตรฐาน ≤ 0.01 มก./ลิตร ส่วนการใช้เพื่อเกษตรมี เกณฑ์สูงกว่า และต้องติดตาม ความเสี่ยงการสะสม ในพืช–สัตว์น้ำเป็นกรณีไป
ผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำตามมาตรฐานคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน จากการเก็บตัวอย่างคุณภาพน้ำ ครั้งที่ 8 เมื่อวันที่ 21 – 25 กรกฎาคม 2568
“แม่น้ำกก” พบว่าสารหนูมีค่าสูงเกินค่ามาตรฐานฯ ทุกจุดตรวจวัด ตั้งแต่บริเวณชายแดนไทย – พม่า อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ จนถึงบริเวณ ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย (KK01 -KK015) โดยมีค่าอยู่ในช่วง น้อยกว่า 0.010 – 0.016 มิลลิกรัมต่อลิตร (มก./ล.) (มาตรฐานไม่เกิน 0.010 มก./ล.) ดังนี้
แม่น้ำสาขาที่ไหลลงแม่น้ำกก (แม่น้ำฝาง FA01 แม่น้ำกรณ์ KO01 แม่น้ำสรวย SU01 และแม่น้ำลาว LA01) คุณภาพน้ำมีค่าเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด คุณภาพน้ำของแม่น้ำที่เป็นจุดอ้างอิง และลำน้ำสาขาของแม่น้ำกกยังมีค่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัย
“แม่น้ำสาย” สารหนู (As) เกินมาตรฐาน ทั้ง 3 จุด ดังนี้
“แม่น้ำรวก” สารหนู (As) เกินมาตรฐาน ทั้ง 2 จุด ดังนี้
“แม่น้ำโขง” สารหนู (As) สูงเกินค่ามาตรฐาน ทั้ง 3 จุด ดังนี้
ประชาชนควรปฏิบัติอย่างไรในช่วงเฝ้าระวังน้ำหลาก?
สถิติชวนคิด ในรอบหลายปีที่ผ่านมา ช่วง ส.ค.–ก.ย. มักเป็นเดือนที่ ฝนสูงสุดของภาคเหนือ และเป็นหน้าต่างที่เกิด น้ำหลาก–ดินถล่ม สูงสุดตามสภาพภูมิอากาศเขตร้อนชื้น การมี “แผนส่วนบุคคล” ควบคู่ “แผนจังหวัด” จึงสำคัญพอกัน
ภาพใหญ่ของความพร้อม เมื่อวิทยาศาสตร์–วิศวกรรม–การสื่อสาร ต้องเดินพร้อมกัน
การจัดการน้ำยุคใหม่ไม่ได้จบที่ “เขื่อน–พนัง–ท่อ” เพียงอย่างเดียว แต่ต้องเชื่อม วิทยาศาสตร์ข้อมูล (พยากรณ์ฝน–น้ำท่า–ความชื้นดิน) กับ การตัดสินใจหน้างาน และ การสื่อสารที่ประชาชนเข้าใจทันที การประชุมของ สทนช. ครั้งนี้จึงวาง สามขาค้ำยัน ไว้ครบถ้วน
เมื่อสามขานี้ขยับพร้อมกัน โอกาส ลดความเสียหาย–เพิ่มเวลาตัดสินใจ จะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
“ทันก่อน—ทันระหว่าง—ทันหลัง” วงจรรับมือน้ำหลากเชียงราย
เชียงรายกำลังเผชิญช่วงเวลาสำคัญของปี—ปลายสิงหาคมถึงกันยายน การที่ สทนช. ลงพื้นที่ ตรวจงานซ่อมพนัง กำหนดเส้นตายก่อนพายุ วางแผนพร่องน้ำอ่าง และขอความร่วมมือทุกหน่วยเตือนประชาชนเชิงรุก เป็นสัญญาณว่า เครื่องมือกำลังเดิน อยู่ที่ “วินัยการปฏิบัติ” ของทุกภาคส่วนจะรักษา สามทัน ต่อไปได้หรือไม่
หากทำได้ครบวงจร ความเสียหายจากน้ำหลากก็จะ ลดระดับ จาก “วิกฤต” เหลือ “เหตุการณ์ที่จัดการได้” และเปลี่ยนพายุปลายสิงหาที่น่าวิตก ให้เป็น บทพิสูจน์ความพร้อมของทั้งระบบ ที่ประชาชนสัมผัสได้จริง
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.