
เชียงราย, 14 กรกฎาคม 2568 – ภูชี้ฟ้า จังหวัดเชียงราย หนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่โหยหาความงามของทะเลหมอกยามเช้าตรู่ ต้องเผชิญกับสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งสำคัญ เมื่อฝนกระหน่ำหนักส่งผลให้เกิดดินสไลด์ขนาดใหญ่ พัดพาก้อนหินยักษ์และต้นไม้ลงมาขวางถนนหลวงหมายเลข 1093 เส้นทางหลักสู่ยอดภูชี้ฟ้า ทำให้การสัญจรถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิงเป็นเวลาหลายชั่วโมง
นายอนุศิลป์ ตันหล้า หัวหน้าหน่วยบำรุงทางภูชี้ฟ้า แขวงทางหลวงเชียงรายที่ 2 เปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดของการแก้ไขสถานการณ์ที่ท้าทายนี้ ซึ่งไม่เพียงส่งผลกระทบต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยว แต่ยังเผยให้เห็นถึงความเปราะบางทางธรณีวิทยาของพื้นที่ที่มีความสำคัญทางการท่องเที่ยวแห่งนี้
การรับมือกับหินยักษ์ภารกิจข้ามเดือนและความท้าทายทางธรณีวิทยา
ทันทีที่ได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่จากแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 2 ได้ระดมกำลังและเครื่องจักรหนักเข้าพื้นที่ ร่วมกับทหารจากกองกำลังผาเมือง และความร่วมมือจากชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อเร่งดำเนินการตัดต้นไม้และเคลียร์ดินที่สไลด์ลงมา เบื้องต้นสามารถเปิดเส้นทางการสัญจรได้แล้ว 1 ช่องจราจร บรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่ยังคงติดค้างได้ในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญคือก้อนหินขนาดมหึมาที่ตกลงมาขวางถนน ซึ่งมีขนาดประมาณ 3-4 เมตร สูง และ 2-3 เมตร กว้าง ตามรายงานจากพื้นที่ หรือตามการประเมินของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ระบุว่าสูงถึง 10 กว่าเมตร กว้าง 6-8 เมตร ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ไข
สถานการณ์หินยักษ์ที่ขวางเส้นทางเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย นายอนุศิลป์ยืนยันว่า จากการประเมินเบื้องต้น ก้อนหินดังกล่าวมีขนาดใหญ่และน้ำหนักมากเกินกว่าที่จะสามารถใช้รถเครนยกออกไปได้ทั้งหมด ทางแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 2 จึงได้ประสานงานเพื่อนำรถแบคโฮติดหัวเจาะเข้ามาดำเนินการสกัดก้อนหินให้เป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายออกไป
“เรากำลังประสานงานกับรถแบคโฮติดหัวเจาะเพื่อขึ้นมาดำเนินการ ตอนนี้ก็เปิดให้รถผ่านได้ 1 ช่องจราจรไปก่อน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้าน” นายอนุศิลป์ กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในระยะสั้น
คาดการณ์ว่ากระบวนการนี้อาจต้องใช้เวลาดำเนินการอย่างน้อย 1 สัปดาห์หากสามารถใช้เครนยกได้ แต่หากต้องทำลายหินเป็นชิ้นเล็ก อาจใช้เวลานานถึง 1 เดือน เนื่องจากยังพบหินขนาดใหญ่อื่นๆ อีก 2-3 ก้อนในบริเวณใกล้เคียง
ผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานและแผนการซ่อมแซม
นอกจากก้อนหินยักษ์แล้ว ยังพบรอยแยกบนผิวถนนยาวประมาณ 20 เมตร ซึ่งเกิดจากแรงกระแทกของหินที่ตกลงมา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ประเมินแล้วว่ายังไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้งานในระยะสั้น รถยนต์และรถจักรยานยนต์ยังสามารถผ่านไปมาได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตาม การซ่อมแซมในระยะยาวเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับผิวจราจรและโครงสร้างพื้นฐานบริเวณดังกล่าว จำเป็นต้องรอการอนุมัติงบประมาณการก่อสร้างก่อน ซึ่งอาจใช้เวลาในการดำเนินการระบบราชการตามปกติ
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเตือนผู้ขับขี่ให้ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อผ่านบริเวณดังกล่าว และติดตามข่าวสารเกี่ยวกับสภาพเส้นทางอย่างสม่ำเสมอ
ถนนหมายเลข 1093 จากยุทธศาสตร์การรบสู่เส้นทางท่องเที่ยวอันงดงาม
ถนนหมายเลข 1093 ไม่ได้เป็นเพียงเส้นทางสัญจรธรรมดา แต่ยังเป็นเส้นทางประวัติศาสตร์ที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อภูมิภาคนี้ ในอดีตตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 ถึง พ.ศ. 2527 ถนนเส้นนี้เคยเป็น “ถนนสายยุทธศาสตร์ทางการรบ” ที่ใช้ในการปราบปรามการเคลื่อนไหวของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) การเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนประชาชนและเจ้าหน้าที่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระบรมราชินีนาถในปี พ.ศ. 2525 ได้นำมาซึ่งสันติภาพและการพัฒนาชุมชนตามแนวชายแดนในที่สุด
ปัจจุบัน ถนน 1093 ได้เปลี่ยนบทบาทจากถนนแห่งความขัดแย้งมาเป็น “ถนนสายยุทธศาสตร์ทางการท่องเที่ยว” อย่างสมบูรณ์ เส้นทางที่ทอดยาวคดเคี้ยวไปตามแนวเทือกเขาดอยผาหม่นนี้ เป็นแกนหลักที่เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ภูชี้ฟ้า ภูชี้ดาว ภูชี้เดือน ดอยผาหม่น และดอยผาตั้ง ซึ่งแต่ละแห่งล้วนมีทิวทัศน์อันงดงามของทะเลหมอก พระอาทิตย์ขึ้น และแนวเทือกเขาสลับซับซ้อนทั้งฝั่งไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รวมถึงแม่น้ำโขงที่ไหลเป็นแนวกั้นดินแดน
การเดินทางจากตัวเมืองเชียงรายสู่ภูชี้ฟ้า สามารถทำได้หลายเส้นทาง โดยเส้นทางหลักที่แนะนำคือผ่านอำเภอเทิง ใช้ทางหลวงหมายเลข 1020, 1021, 1155 และ 1093 ระยะทางรวมประมาณ 110-112 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.5-3 ชั่วโมง แม้ถนนส่วนใหญ่จะเป็นลาดยางสภาพดี แต่ช่วงท้ายของเส้นทางเมื่อเข้าใกล้ภูชี้ฟ้าจะเริ่มคดเคี้ยวและชันมาก ผู้ขับขี่ควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในหน้าฝนที่ถนนอาจลื่นได้
ธรณีวิทยาภูชี้ฟ้าความงามที่ซ่อนเร้นและความเสี่ยงจากธรรมชาติ
เหตุการณ์ดินสไลด์ครั้งนี้เป็นเครื่องย้ำเตือนถึงความเปราะบางทางธรณีวิทยาของภูชี้ฟ้า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ถูกหล่อหลอมมาจากการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาอันยาวนานและซับซ้อน ภูชี้ฟ้ามีลักษณะเป็นหน้าผาชันที่เกิดบนเขาเควสตา ซึ่งเป็นภูมิประเทศที่ลาดเอียงตามแนวเอียงของชั้นหินที่รองรับอยู่ข้างใต้
หินในบริเวณนี้ประกอบด้วยกลุ่มหินตะกอนและหินตะกอนกึ่งหินแปร ซึ่งมีอายุทางธรณีกาลเก่าแก่มาก ย้อนไปราว 355-250 ล้านปี หรืออยู่ในยุคคาร์บอนิเฟอรัส-เพอร์เมียน ชนิดหินหลักที่พบในภูชี้ฟ้าได้แก่ หินปูน, หินฟิลไลต์, หินชีสต์, หินทรายแป้ง, หินทราย, หินกรวดมน และหินดินดาน
การมีซากดึกดำบรรพ์จำพวกเซฟาโลพอด, ฟอแรม, แบรคีโอพอด และออสทราคอดในหินเหล่านี้ ช่วยยืนยันอายุและสภาพแวดล้อมการกำเนิดของหิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสภาพแวดล้อมทางทะเล ภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์ของภูชี้ฟ้า ทั้งรูปทรงคล้ายนิ้วชี้ฟ้าและหน้าผาที่สูงชัน ล้วนเป็นผลมาจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก โดยเฉพาะการที่แผ่นเปลือกโลกอินเดียชนกับแผ่นเปลือกโลกยูเรเซียเมื่อประมาณ 40 ล้านปีที่แล้ว
การทำความเข้าใจประวัติทางธรณีวิทยาอันเก่าแก่และซับซ้อนนี้ ไม่เพียงเพิ่มมิติทางความรู้ให้กับการท่องเที่ยว แต่ยังช่วยให้เราตระหนักถึงความเสี่ยงที่มาพร้อมกับความงามของธรรมชาติ
ข้อเสนอเชิงนโยบายและการรับมือในระยะยาว
เหตุการณ์ดินสไลด์ครั้งนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการวางแผนและบริหารจัดการพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีความเปราะบางทางธรณีวิทยาอย่างยั่งยืน เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างความปลอดภัยให้กับทั้งนักท่องเที่ยวและชุมชนท้องถิ่น
การสำรวจและประเมินความเสี่ยงเชิงรุกจึงมีความสำคัญ โดยจำเป็นต้องจัดทำแผนที่ธรณีวิทยาและธรณีเทคนิคโดยละเอียด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมทรัพยากรธรณี ควรทำงานร่วมกับแขวงทางหลวงและหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อจัดทำแผนที่แสดงพื้นที่เสี่ยงดินสไลด์ รอยเลื่อน และโครงสร้างทางธรณีวิทยาที่อาจเป็นอันตรายในบริเวณถนน 1093 และพื้นที่ภูชี้ฟ้าทั้งหมด
การติดตั้งระบบเตือนภัยล่วงหน้าก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณา โดยติดตั้งระบบตรวจวัดปริมาณน้ำฝน ความชื้นในดิน และการเคลื่อนตัวของมวลดินในพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้สามารถแจ้งเตือนและอพยพประชาชนได้ทันท่วงทีในกรณีที่คาดว่าจะเกิดดินสไลด์ ควบคู่ไปกับการตรวจสอบสภาพพื้นที่และโครงสร้างพื้นฐานอย่างสม่ำเสมอ
มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่สำคัญ ได้แก่ การเสริมความมั่นคงของไหล่ทางและลาดชัน การปรับปรุงระบบระบายน้ำ และการจัดทำแผนฉุกเฉินและเส้นทางเลี่ยง หน่วยงานท้องถิ่นและแขวงทางหลวงควรร่วมกันจัดทำแผนฉุกเฉินสำหรับการรับมือกับภัยพิบัติ และประชาสัมพันธ์เส้นทางเลี่ยงที่ปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวและชาวบ้านทราบ
การให้ความรู้และสร้างความตระหนักแก่ประชาชน ผ่านการเผยแพร่ข้อมูลความเสี่ยงและข้อควรปฏิบัติ รวมถึงการฝึกอบรมชาวบ้านในการรับมือภัยพิบัติ จะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างชุมชนที่มีความพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติ
สถานการณ์ปัจจุบันและการติดตามข่าวสาร
ขณะนี้ ทหารจากกองกำลังผาเมืองได้เข้าร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นและชาวบ้านเพื่อช่วยเคลียร์ทางหลวง 1093 ที่กิโลเมตรที่ 68 บริเวณบ้านร่มฟ้าทอง และ ด้วยการสนับสนุนจากแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 2 ได้นำเครื่องจักรเข้ามาช่วย และขณะนี้สามารถเปิดเส้นทางให้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ผ่านได้ 1 ช่องจราจรแล้ว
การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าจากการสไลด์ของหินยักษ์เป็นภารกิจเร่งด่วนที่ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก แต่การวางแผนเชิงรุกและนโยบายที่ครอบคลุมในระยะยาวจะเป็นหัวใจสำคัญในการปกป้องทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และความงดงามทางธรรมชาติของภูชี้ฟ้าให้คงอยู่คู่กับประเทศไทยต่อไป
นักท่องเที่ยวที่วางแผนเดินทางไปภูชี้ฟ้าควรติดตามข่าวสารและสภาพเส้นทางอย่างสม่ำเสมอ ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ และพิจารณาเส้นทางเลี่ยงในกรณีที่มีความจำเป็ต
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.