
เชียงราย, 1 พฤษภาคม 2568 – จากกรณีที่ อาจารย์ ดร.สุรพล วรภัทราทร จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้เผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำในพื้นที่อำเภอแม่สายและอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย พบว่ามีการปนเปื้อนของ “สารหนู” (Arsenic) ในระดับที่สูงเกินมาตรฐานอย่างมีนัยสำคัญในหลายจุด โดยบางพื้นที่พบค่าที่สูงถึง 0.19 มิลลิกรัมต่อลิตร หรือเกินกว่าค่ามาตรฐานสูงสุดถึง 19 เท่า สร้างความวิตกกังวลต่อทั้งหน่วยงานรัฐ นักวิชาการ และประชาชนในพื้นที่อย่างมาก
ผลการตรวจเบื้องต้น ภาพรวมการปนเปื้อนในแม่น้ำสายและแม่น้ำรวก
จากการเปิดเผยของโครงการจัดตั้งสถาบันวิจัยและพยากรณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติในเขตภาคเหนือตอนบน ซึ่งดำเนินงานโดย ผศ.ดร.สุรพล วรภัทราทร ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาฯ ดังกล่าว ได้ทำการเก็บตัวอย่างน้ำจากพื้นที่เสี่ยงจำนวน 9 จุดใน อ.แม่สาย และ อ.เชียงแสน ได้แก่
ทั้งนี้ ค่ามาตรฐานของสารหนูในน้ำตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ต้องไม่เกิน 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร หรือ 10 ไมโครกรัมต่อลิตร การตรวจพบที่ 0.19 mg/L ถือว่าเกินกว่ามาตรฐานถึง 19 เท่า
เวทีวิชาการ “รู้ทัน ร่วมมือ รับมือ” กับภัยสุขภาพจากน้ำปนเปื้อน
เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มีการจัดเวทีเสวนาวิชาการหัวข้อ “รู้ทัน ร่วมมือ รับมือ: ภัยสุขภาพจากแม่น้ำปนเปื้อน” เพื่อตอบสนองต่อผลกระทบของแม่น้ำกกที่พบการปนเปื้อนสารหนูใน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ (0.026 mg/L) และ อ.เมืองเชียงราย (0.012–0.013 mg/L) ซึ่งล้วนเกินมาตรฐานเช่นกัน
ศาสตราจารย์ ดร.สุจิตรา วงศ์เกษมจิตต์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า “แม่น้ำกกคือเส้นเลือดหลักของเชียงราย ปัญหานี้กระทบทั้งสุขภาพและระบบนิเวศ การวิจัยและความร่วมมือทุกภาคส่วนจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการป้องกันและฟื้นฟู”
ความกังวลจากนักวิทยาศาสตร์และหน่วยงานสุขภาพ
ผศ.ดร.ไกรลักษณ์ ฟักแก้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม ระบุว่า สารหนูเมื่อเข้าสู่ร่างกาย แม้ในปริมาณน้อย แต่หากสะสมในระยะยาวอาจก่อให้เกิดมะเร็งตับ มะเร็งผิวหนัง และส่งผลต่อระบบประสาท เด็กเล็กและหญิงตั้งครรภ์ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง หากได้รับสารหนูอย่างต่อเนื่องจะกระทบพัฒนาการของสมอง
ขณะเดียวกัน รศ.ดร.ระวิวรรณ์ เจริญทรัพย์ รักษาการผู้อำนวยการ MFU Wellness Center ชี้ว่า “ไม่ควรตื่นตระหนก แต่ต้องเฝ้าระวัง หากมีอาการผิดปกติควรพบแพทย์ทันที การหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำโดยตรงเป็นแนวทางเบื้องต้นที่ดีที่สุดในสถานการณ์ขณะนี้”
ปัญหาจากประเทศเพื่อนบ้าน การทำเหมืองและต้นตอการปนเปื้อน
รายงานจาก อ.แม่สาย เปิดเผยว่า แม่น้ำสายมีต้นน้ำมาจากเมืองสาด ประเทศเมียนมา ห่างจากพรมแดนประมาณ 90 กิโลเมตร มีการดำเนินเหมืองแร่ 4 แห่ง โดยทุนจีน ครอบคลุมทั้งการทำเหมืองทองคำ แมงกานีส และสังกะสี ซึ่งบางแห่งสูบน้ำจากลำน้ำสายโดยตรงเพื่อฉีดพ่นดินหิน ทำให้เกิดการปนเปื้อนโลหะหนักอย่างชัดเจน
ข้อมูลเพิ่มเติมระบุว่า แม่น้ำกกก็มีต้นทางจากเขตว้าแดง (พิเศษที่ 2) ซึ่งมีบริษัทเหมืองแร่ของจีนมากกว่า 23 แห่ง ทำกิจกรรมการทำเหมืองโดยไร้มาตรฐานสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ส่งผลให้ปริมาณสารหนู สารตะกั่ว และโลหะหนักอื่นๆ ไหลลงแม่น้ำกกอย่างต่อเนื่อง
มาตรการรัฐ ยังอยู่ในขั้นประสานงาน-เฝ้าระวัง
นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย ได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนให้ “งดใช้และงดสัมผัสน้ำจากแม่น้ำสาย” พร้อมส่งตัวอย่างน้ำให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 ตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง โดยเน้นว่าการผลิตน้ำประปายังมีมาตรฐานและปลอดภัยเนื่องจากผ่านกระบวนการกรองโลหะหนัก
ในขณะเดียวกัน อำเภอเชียงแสนและท้องถิ่นในเขตริมฝั่งแม่น้ำโขงได้จัดเวรตรวจน้ำและส่งข้อมูลรายงานรายสัปดาห์เพื่อเฝ้าระวังต่อเนื่อง
วิเคราะห์และข้อเสนอแนะ ปัญหาซับซ้อนที่ต้องการการจัดการข้ามพรมแดน
จากข้อมูลทั้งหมดพบว่า “ต้นตอ” ของการปนเปื้อนอาจไม่ได้อยู่ในฝั่งไทยโดยตรง หากแต่เป็นผลจากการดำเนินการของเหมืองในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ผลกระทบตกอยู่กับประชาชนไทยทั้งในด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มที่พึ่งพาแม่น้ำในชีวิตประจำวัน
ข้อเสนอเชิงนโยบายเบื้องต้น ได้แก่
สถิติเกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง
แม้สถานการณ์ขณะนี้จะยังไม่ถึงขั้นวิกฤตระดับต้องอพยพ แต่หากไม่มีการแก้ไขเชิงระบบและความร่วมมือระหว่างประเทศ เชียงรายอาจต้องเผชิญกับภัยสิ่งแวดล้อมระดับวิกฤตในเวลาไม่นานจากนี้
เครดิตภาพและข้อมูลจาก : โครงการจัดตั้งสถาบันวิจัยและพยากรณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติในเขตภาคเหนือตอนบน
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.