เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจาก 2.50% มาอยู่ที่ 2.25% ทำให้ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งในประเทศไทยทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงตามมา โดยให้มีผลตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2567 กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้วิเคราะห์ผลของการลดดอกเบี้ยดังกล่าว ว่าจะช่วยลดภาระทางการเงินของลูกหนี้ทั้งภาคครัวเรือนและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ได้ในระยะสั้น และจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในระยะยาว
จากการประเมินของศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าสัดส่วนของสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้จะอยู่ที่ประมาณ 40.9% ของสินเชื่อรวมในระบบธนาคารพาณิชย์ของไทย การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยของลูกหนี้รวมเกือบ 1,300 ล้านบาทในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2567 แม้จะไม่ส่งผลให้ยอดผ่อนชำระรายเดือนของลูกหนี้ลดลงทันที เนื่องจากการปรับลดดอกเบี้ยในระดับ 0.25% ยังคงไม่มากพอที่จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างหนี้ที่ลูกหนี้ต้องชำระ แต่ลูกหนี้จะได้รับประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยในระยะยาว ซึ่งจะทำให้สามารถปิดสัญญาหนี้ได้เร็วขึ้น
ประโยชน์ที่ลูกหนี้จะได้รับ
การลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ส่งผลดีในแง่ของการลดดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย แต่ยังไม่ส่งผลให้ยอดผ่อนชำระรายเดือนลดลงทันที ลูกหนี้ที่มีสินเชื่อบ้านหรือสินเชื่อบุคคลที่มีหลักประกันจะได้รับประโยชน์จากการที่เงินต้นถูกลดลงมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ลูกหนี้สามารถชำระหนี้ได้หมดเร็วขึ้น แม้ว่าลูกหนี้ยังต้องสำรองเงินเพื่อชำระยอดผ่อนชำระในแต่ละเดือนเช่นเดิม อย่างไรก็ตาม สำหรับลูกหนี้ที่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายรายเดือน อาจต้องพิจารณาลดค่าใช้จ่ายในหมวดอื่นๆ ของครัวเรือนร่วมด้วย เช่น ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับยานพาหนะและการเดินทาง
ผลกระทบต่อธุรกิจ SMEs
ในภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs การลดอัตราดอกเบี้ยนี้จะช่วยลดต้นทุนทางการเงินได้บ้าง แต่ยังไม่เพียงพอที่จะส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากต้นทุนหลักของธุรกิจ SMEs อยู่ที่วัตถุดิบ แรงงาน และค่าเช่าสถานที่ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าค่าใช้จ่ายทางดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม การลดดอกเบี้ยครั้งนี้จะช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจ และช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนการลงทุนในอนาคตได้ดีขึ้น
อัตราการเติบโตของสินเชื่อในปี 2567
สำหรับภาพรวมของสินเชื่อในปี 2567 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าอัตราการเติบโตของสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์อาจปิดปีด้วยการเติบโตไม่เกิน 1.5% เนื่องจากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นเพียงหนึ่งในหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้สินเชื่อ โดยปัจจัยอื่นๆ เช่น แนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต การลงทุน และความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ ก็เป็นปัจจัยที่ต้องพิจารณาร่วมด้วย
บทสรุป
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2567 โดยธนาคารพาณิชย์ถือเป็นความพยายามในการปรับลดต้นทุนทางการเงินเพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ และช่วยบรรเทาภาระของลูกหนี้ทั้งในภาคครัวเรือนและธุรกิจ แม้ว่าการลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้จะยังไม่ทำให้ยอดผ่อนชำระลดลงทันที แต่จะส่งผลดีต่อการลดภาระหนี้ในระยะยาว
เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.