วิกฤตบุหรี่ไฟฟ้า: ปกป้องสุขภาพเด็กและเยาวชนไทย

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บุหรี่ไฟฟ้าได้กลายเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กและเยาวชนในประเทศไทยอย่างรุนแรง นพ.วันชาติ ศุภจัตุรัส รองประธานโครงการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาปลอดผลิตภัณฑ์ยาสูบ ได้ชี้ให้เห็นถึงภัยคุกคามที่บุหรี่ไฟฟ้าสร้างขึ้นต่ออนาคตและสุขภาพของเยาวชนไทย

การเพิ่มขึ้นของการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน

ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้นถึง 7 เท่าในระยะเวลาเพียง 2 ปี การแพร่หลายของผลิตภัณฑ์นี้ไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อสุขภาพทางกาย แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและพฤติกรรมของเยาวชน การใช้บุหรี่ไฟฟ้าในวัยรุ่นสามารถนำไปสู่การเสพติดนิโคติน ซึ่งมีผลเสียต่อการพัฒนาอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงสมองที่กำลังพัฒนาอยู่

ผลกระทบต่อสุขภาพและเศรษฐกิจชาติ

บุหรี่ไฟฟ้าไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของชาติในระยะยาว การเสพติดนิโคตินสามารถนำไปสู่การใช้ยาเสพติดชนิดอื่น ๆ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจและโรคปอด นอกจากนี้ การแพร่หลายของบุหรี่ไฟฟ้ายังเพิ่มภาระทางเศรษฐกิจจากการรักษาพยาบาลและการลดประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากรในอนาคต

ความเห็นจากสถาบันอุดมศึกษาและองค์กรร่วมใจ

เครือข่ายสถาบันอุดมศึกษาปลอดบุหรี่ ซึ่งประกอบด้วยสถาบันกว่า 10 แห่ง ได้ร่วมออกแถลงการณ์ “ข้อเรียกร้องขอต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อปกป้องสุขภาพเด็กและเยาวชนไทย” ต่อรัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติโดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการคงกฎหมายห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างเคร่งครัด

การพิจารณากฎหมายและมาตรการควบคุม

คณะอนุกรรมาธิการวิสามัญได้พิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยหลังจากมีการประชุมกันมาหลายครั้งและการไปดูงานที่โรงงานผลิตบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศจีน ขณะนี้กำลังจะส่งบทสรุปเพื่อเสนอแก่คณะกรรมาธิการวิสามัญ โดยมีตัวเลือกในการจัดการกับบุหรี่ไฟฟ้า 3 รูปแบบ ได้แก่

  1. คงไว้ซึ่งกฎหมายเดิม ห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าและห้ามจำหน่าย
  2. อนุญาตให้มีการขายบุหรี่ไฟฟ้าชนิด Heat not burn
  3. อนุญาตให้มีการขายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเสรีแต่ควบคุม (แบบเดียวกับบุหรี่มวน)

เครือข่ายสถาบันอุดมศึกษามีความเห็นว่า การห้ามนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องสุขภาพของเด็กและเยาวชน รวมถึงประชาชนทั่วไป

ข้อเรียกร้องจากเครือข่ายสถาบันอุดมศึกษา

ในวันที่ 10 ตุลาคม 2567 เครือข่ายสถาบันอุดมศึกษาปลอดบุหรี่ ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติคงกฎหมายห้ามนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยต่อไป พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายและการลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างเข้มงวด

ความร่วมมือระหว่างองค์กรต่างๆ

การต่อสู้กับปัญหาบุหรี่ไฟฟ้านี้ไม่สามารถทำได้โดยภาคส่วนเดียว ความร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษา องค์กรภาคประชาสังคม และรัฐบาลเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างสังคมที่ปลอดภัยและสุขภาพดีสำหรับเด็กและเยาวชนไทย

บทสรุป

ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นวิกฤตที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและร่วมมือจากทุกภาคส่วน เครือข่ายสถาบันอุดมศึกษาปลอดบุหรี่และองค์กรร่วมใจได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องสุขภาพของเด็กและเยาวชนไทย การคงกฎหมายห้ามนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยลดปัญหานี้และสร้างอนาคตที่สดใสสำหรับเยาวชนของประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : โครงการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาปลอดผลิตภัณฑ์ยาสูบสร้างสิ่งแวดล้อมให้ปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME