
เชียงราย, 15 ตุลาคม 2568 — ลมหนาวกำลังขยับตัวลงสู่ดอยนางนอน ขณะที่แสงเช้ายังแตะยอดชาเพียงบางส่วน ข่าวดีที่เดินทางมาพร้อมอากาศเย็นคือ “โอกาสทางเศรษฐกิจ” ของเชียงราย เมื่อ คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) มีมติเห็นชอบ มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวผ่านสิทธิลดหย่อนภาษี นำค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวมาหักภาษีได้ สูงสุด 20,000 บาท กำหนดช่วงใช้สิทธิ 29 ต.ค.–15 ธ.ค. ซึ่งพ้องกับหน้าท่องเที่ยวปลายปีโดยตรง
สำหรับ “เมืองรอง” อย่างเชียงราย มาตรการยังให้น้ำหนักเป็นพิเศษด้วย ตัวคูณ 1.5 เท่า สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในพื้นที่เมืองรอง เพิ่มแรงดึงดูดให้เงินสะพัดกระจายสู่ชุมชนมากขึ้น ขณะเดียวกัน ฝั่งผู้ประกอบการโรงแรมในเมืองรองยังจะได้สิทธินำค่าใช้จ่าย “ปรับปรุงโรงแรม” หักภาษีได้ 2 เท่า (เช่น ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ปรับปรุงระบบพลังงานสะอาดอย่างโซลาร์ ฯลฯ) เพื่อยกระดับคุณภาพบริการและลดต้นทุนในระยะยาว
ภาพรวม 9 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค.–ก.ย.) เชียงรายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 35,926 ล้านบาท เป็น อันดับ 2 ของภาคเหนือ รองจากเชียงใหม่ที่ 78,249 ล้านบาท ตัวเลขดังกล่าวไม่เพียงยืนยันศักยภาพของจังหวัดในฐานะ “ดาวเด่นเมืองรอง” หากยังส่งสัญญาณว่ามาตรการลดหย่อนภาษีปลายปีนี้ อาจกลายเป็นตัวเร่ง (catalyst) ให้กราฟรายได้พุ่งขึ้นอีกระลอกในช่วงเวลาเพียง 48 วันของการใช้สิทธิ—ช่วงเวลาสั้นแต่ทรงพลังในปฏิทินท่องเที่ยวไทย
ทำไม “ลดหย่อนภาษีท่องเที่ยว” ถึงถูกมองว่าเป็น Quick Big Win
ปัญหาตั้งต้นที่ครม.เศรษฐกิจมองเห็น คือ สัญญาณการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวที่ชะลอ โดยมีดัชนีบางตัวติดลบราว 8% เทียบฐานก่อนหน้า ขณะเดียวกัน ภาคส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจซึ่งมีงบฝึกอบรมสัมมนาปีละกว่า 3,000 ล้านบาท มักเร่งใช้ในไตรมาสสุดท้ายจน “กระจุกเวลา” และเกิด งบเหลื่อมปี ในสัดส่วนสูงอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นปีที่ผ่านมา
สูตรคลี่คลาย จึงมาพร้อมกัน 3 ชุด
เมื่อนำ 3 คันโยกนี้ทำงานพร้อมกัน ผลที่คาดหวังคือ ดีมานด์ฝั่งนักท่องเที่ยวเพิ่ม (จากสิทธิลดหย่อน), ดีมานด์ฝั่งสัมมนารัฐเพิ่ม (จากการ front load), และ ซัพพลายคุณภาพเพิ่ม (จากการลงทุนปรับปรุงโรงแรม) ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นใน ไฮซีซันของเชียงราย ที่ปกติมีปริมาณนักท่องเที่ยวหนาแน่นอยู่แล้ว—จึงเป็นเหตุผลที่นโยบายถูกจัดอยู่ในหมวด Quick Big Win ทำช่วงสั้น แต่ให้ผลกว้างและเร็ว
เชียงรายในสมรภูมิแย่งชิงเม็ดเงินท่องเที่ยว “เมืองรอง” ที่ฟอร์มแรง
ข้อมูลรายได้ท่องเที่ยว 17 จังหวัดภาคเหนือ (ม.ค.–ก.ย. 2568) สะท้อนภาพที่น่าสนใจ
สองตัวเลขแรก แสดง “ความต่างเชิงสเกล” ระหว่างเมืองหลักและเมืองรอง แต่สิ่งที่ทำให้เชียงรายโดดเด่นคือ อัตราเร่งของเม็ดเงิน ที่เติบโตตามโครงสร้างใหม่—ตั้งแต่ สนามบิน–โลจิสติกส์–ที่พัก–สินค้าเชิงวัฒนธรรม–ชายแดนเศรษฐกิจ ไปจนถึงแลนด์มาร์คธรรมชาติ–ศิลปะร่วมสมัย ที่สร้าง “เหตุผลซ้ำ” ให้คนกลับมาเยือน ประเทศไทยเคยพิสูจน์มาแล้วว่า นโยบายภาษีท่องเที่ยว เมื่อออกแบบคมและสื่อสารชัด สามารถสร้างแรงโค้ง (curvature) ให้กราฟรายได้พลิกขึ้นได้ในระยะสั้นโดยไม่ต้องใช้งบประมาณก้อนใหม่จำนวนมาก
สำหรับเชียงราย เมื่อตัวคูณ 1.5 เท่า เปิดใช้งานกับค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นในพื้นที่เมืองรอง เช่น ค่าที่พัก ค่าอาหาร บริการนำเที่ยว (ตามหลักเกณฑ์ที่จะประกาศโดยกรมสรรพากร) เม็ดเงินของนักท่องเที่ยวชาวไทย อาจถูก “รีรูต” จากเมืองหลักมาสู่เชียงราย มากขึ้น—โดยเฉพาะกลุ่ม “นักเดินทางสายวางแผน” ที่ต้องการเอกสารค่าใช้จ่ายชัดเจนสำหรับยื่นภาษีปลายปี
เสียงนโยบายจากส่วนกลาง “ทำสั้น ทำให้ใหญ่ ประชาชนได้ประโยชน์”
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังการประชุมครม.เศรษฐกิจว่า มาตรการนี้ออกแบบให้ ประชาชนทั่วไปนำค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวมาหักภาษีได้สูงสุด 20,000 บาท และ ถ้าเดินทางเมืองรองจะหักได้ 1.5 เท่า (เช่น ใช้จ่าย 10,000 บาท หักได้ 15,000 บาท) ขณะเดียวกัน รัฐยังขอให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ front load การสัมมนา-ฝึกอบรม อย่างน้อย 60% ภายในเดือนมกราคม เพื่ออัดฉีดดีมานด์ระยะสั้น ส่วนด้านซัพพลาย มาตรการ หักภาษี 2 เท่า สำหรับค่าใช้จ่ายปรับปรุงโรงแรม—โดยเฉพาะงานที่หนุนความยั่งยืน เช่นโซลาร์—ถูกผลักดันเพื่อให้ผู้ประกอบการกล้าลงทุนยกระดับคุณภาพและประหยัดพลังงานมากขึ้น
สาระสำคัญอีกด้านคือ การปรับลดภาษีสถานบริการจาก 10% เหลือ 5% โดยกรมสรรพสามิตและกระทรวงมหาดไทยร่วมกันผลักดัน เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการ “เข้าระบบ” และได้สิทธิภาษีตามกฎหมาย ควบคู่กับการตั้ง KPI การเบิกจ่ายภาครัฐ ทั้งปีไม่ต่ำกว่า 93% (และงบลงทุนไม่ต่ำกว่า 75%) ลดปัญหา “กันเหลื่อมปี” มูลค่าสูง
แกนคิดของนโยบาย “Quick Big Win ทำสั้น ทำให้ใหญ่ และประชาชนได้ประโยชน์—โดยเฉพาะในช่วงเวลาจำกัดก่อนการยุบสภา” ซึ่งสะท้อนแรงขับเคลื่อนเชิงเวลาอย่างชัดเจน
เชียงรายคว้าโอกาสอย่างไร จาก “สิทธิของคนไทย” สู่ “รายได้ของท้องถิ่น”
คำถาม–คำตอบที่ประชาชนอยากรู้
ความเสี่ยงที่ต้องจับตา ทำเร็ว—แต่ต้องแม่น
มุมมองเศรษฐกิจท้องถิ่น 1 บาทของนักท่องเที่ยว หมุนเป็นกี่บาทในชุมชน
งานวิจัยด้านท่องเที่ยวจำนวนมากชี้ว่า ตัวคูณทางเศรษฐกิจ (tourism multiplier) ของเมืองรองมักสูงกว่าค่าเฉลี่ย เพราะเงินส่วนใหญ่กระจายสู่ SMEs และชุมชน ทั้งร้านอาหารท้องถิ่น–รถเช่า–งานฝีมือ–ไกด์ท้องถิ่น ในเชียงรายซึ่งมีฐานผู้ประกอบการสร้างสรรค์จำนวนมาก (กาแฟ–ชา–ศิลปะ–งานจักสาน–สิ่งทอ) มาตรการที่ “ขยับคนให้เดินทาง” จึงเท่ากับ “ขยับเศรษฐกิจฐานราก” ในทันที
โดยเฉพาะเมื่อจับคู่กับ ตลาดสัมมนา ที่กำลังถูก front load หากหน่วยงานรัฐเลือกเชียงรายเป็นที่จัดกิจกรรม สกุลเงินที่ไหลเข้ามักมีสัดส่วนใช้จ่ายต่อหัวสูงกว่า ทริปสั้นของครอบครัว และยังสร้างอุปสงค์ให้ห่วงโซ่อุปทาน บริการคุณภาพ เช่น รถบัสมาตรฐานสูง–ล่าม–ทีมเทคนิค–อุปกรณ์ประชุม—ช่วยยกระดับ ecosystem ท้องถิ่นให้เข้มแข็งขึ้น
เชียงรายต้อง “ขายอะไร” ใน 48 วันทองของภาษีท่องเที่ยว
ทำให้ “สิทธิ” กลายเป็น “รายได้” อย่างเที่ยงธรรมและยั่งยืน
มาตรการ “เที่ยวไทยลดหย่อนภาษี” ที่ครม.เศรษฐกิจเห็นชอบหลักการ กำลังเปิด หน้าต่างเวลา 48 วัน ที่มีความหมายต่อเศรษฐกิจเชียงรายอย่างยิ่ง ตัวเลข 35,926 ล้านบาท ใน 9 เดือนแรกของปีคือฐานที่แข็งแรงอยู่แล้ว แต่การจะแปลง สิทธิของผู้เสียภาษี ให้กลายเป็น รายได้ของจังหวัด จำเป็นต้องอาศัย 3 คีย์เวิร์ด เร็ว–ชัด–ครบเอกสาร
หากเชียงรายทำได้ครบ ภาพที่เราจะเห็นหลังสิ้นสุดมาตรการไม่ใช่เพียง คูปองภาษีที่ถูกใช้หมด แต่คือ SMEs ที่แข็งแรงขึ้น—มาตรฐานบริการที่ดีขึ้น—ทรัพยากรท้องถิ่นที่ถูกเล่าอย่างภาคภูมิ และ เมืองรองที่ยืนอย่างสง่างามในสมรภูมิท่องเที่ยวไทย
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.