
เชียงราย, 30 เมษายน 2568 – อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจของชาติ กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติแสดงความไม่พอใจต่อประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญอย่างเชียงราย กระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ปรากฏในโซเชียลมีเดียและสื่อต่างๆ ชี้ให้เห็นถึงปัญหาหลัก 4 ประการ ได้แก่ ราคาที่พุ่งสูงเกินเหตุ ระบบราคาสองมาตรฐาน ระบบการท่องเที่ยวที่ล้าหลัง และผลกระทบจากกลิ่นกัญชาที่แพร่กระจายในแหล่งท่องเที่ยว ปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตานักท่องเที่ยว แต่ยังทำให้ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ความรุ่งเรืองและความท้าทายของการท่องเที่ยวไทย
ประเทศไทยเคยได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่ “คุ้มค่า” ที่สุดในโลก ด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม ชายหาดที่สวยงาม อาหารรสเลิศ และการต้อนรับที่อบอุ่น จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดร่องขุ่น แม่น้ำโขง และชุมชนชาติพันธุ์ที่เต็มไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรม ได้กลายเป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่แสวงหาประสบการณ์ที่แตกต่างจากเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างกรุงเทพฯ หรือภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยเริ่มเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะหลังจากการฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 การเพิ่มขึ้นของราคาค่าบริการ ระบบที่ล้าสมัย และปัญหาใหม่ๆ เช่น การแพร่กระจายของกัญชาในที่สาธารณะ ได้จุดกระแส “คนต่างชาติไม่เที่ยวไทย” ซึ่งกลายเป็นประเด็นร้อนในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะจากโพสต์ของเพจ Bangkok Post Learning ที่มีชื่อว่า Thailand faces lower tourist numbers ซึ่งได้รับความคิดเห็นเกือบ 2,000 ข้อความ ส่วนใหญ่สะท้อนถึงความไม่พอใจต่อประสบการณ์การท่องเที่ยวในปัจจุบัน
สี่ปัญหาหลักที่ทำลายความน่าสนใจของการท่องเที่ยวไทย
จากการสำรวจของ กรุงเทพธุรกิจ ซึ่งคัดเลือกความคิดเห็นประมาณ 800 ข้อความจากโพสต์ดังกล่าว และใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการจัดกลุ่มปัญหา พบว่ามี 4 ปัญหาหลักที่นักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยเองแสดงความกังวล
ความพยายามแก้ไขและโอกาสในการฟื้นฟู
เพื่อตอบสนองต่อปัญหาเหล่านี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เริ่มดำเนินมาตรการเพื่อฟื้นฟูภาพลักษณ์และดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ
นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า การลดลงของนักท่องเที่ยวจากตลาดหลักอย่างจีน ซึ่งลดลงเฉลี่ย 17% ในไตรมาสแรกของปี 2568 สร้างความกังวลอย่างมาก เนื่องจากจีนเป็นตลาดที่สร้างรายได้สำคัญให้กับไทย อย่างไรก็ตาม เธอมองว่าวิกฤตนี้เป็นโอกาสในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ โดยเฉพาะการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากยุโรป เช่น สวีเดน ซาอุดีอาระเบีย ออสเตรีย และสหราชอาณาจักร ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 10% ในไตรมาสที่สองของปี 2568
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. ได้ดำเนินแคมเปญเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการ สวัสดี หนีห่าว ที่ใช้ศิลปินชื่อดังอย่างหลัวอวิ๋นซีเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์ รวมถึงการจัดงานฉลองความสัมพันธ์ไทย-จีนครบรอบ 50 ปี นอกจากนี้ ททท. ยังสนับสนุนนโยบาย เที่ยวไทยคนละครึ่ง ซึ่งรัฐบาลจะสมทบค่าใช้จ่ายท่องเที่ยว 50% เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ
นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการกิตติมศักดิ์ สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เสนอว่า ประเทศไทยควรพิจารณานโยบายคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติในลักษณะเดียวกับจีนและญี่ปุ่น ซึ่งสามารถกระตุ้นการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ การที่จีนอนุญาตให้คืนภาษี 13% และญี่ปุ่นมีระบบช้อปปิ้งปลอดภาษีที่ฟื้นตัวถึง 219% ในปี 2568 เป็นตัวอย่างที่ไทยควรศึกษา
นอกจากนี้ การแก้ไขปัญหาคุณภาพแหล่งท่องเที่ยว เช่น การจัดการขยะและมลพิษ รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ทางเท้าและระบบขนส่งสาธารณะ จะช่วยเพิ่มความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว การควบคุมการใช้กัญชาในที่สาธารณะและการกำหนดมาตรฐานราคาที่เป็นธรรมจะเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟูภาพลักษณ์ของไท
7 เหตุผลหลักที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยว “เชียงราย” น้อยลง
ทางนครเชียงรายนิวส์ได้ เปิดโอกาสให้โลกโซเชียลได้ลองแสดงความเห็นการท่องเที่ยงในจังหวัดเชียงรายว่ามองเห็นในด้านไหนบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่มองเป็นเรื่องการขาดการจัดการและวิสัยทัศน์อย่างเป็นระบบ หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง ฟื้นฟูธรรมชาติ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และสร้างแผนประชาสัมพันธ์ที่เข้าถึงโลก เชียงรายจะกลับมาเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศได้อีกแน่นอน โดยพบ 7 เหตุผลหลักที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยว “เชียงราย” น้อยลง ดังนี้
บทสรุป การฟื้นฟูการท่องเที่ยวเชียงราย ต้องเริ่มที่ราก
เชียงรายมีศักยภาพด้านธรรมชาติและวัฒนธรรมที่โดดเด่นไม่แพ้จังหวัดใดในประเทศ แต่วิธีคิด การบริหารจัดการ และการเชื่อมโยงกับนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้นล้าหลังเกินไป
หากต้องการให้เชียงรายกลับมาเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก รัฐต้องลงมาจัดการจริงจัง ประชาชนต้องร่วมขับเคลื่อน และภาคธุรกิจต้องมีความรับผิดชอบต่อธรรมชาติ
มิฉะนั้น “เชียงราย” จะกลายเป็นเพียงความทรงจำในหน้าหนาว…ที่ไม่มีใครอยากกลับมาอีก
ความท้าทายและโอกาส
ปัญหาที่นักท่องเที่ยวหยิบยกขึ้นมาสะท้อนถึงความท้าทายที่ซับซ้อนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ซึ่งสามารถวิเคราะห์ได้ในหลายมิติ:
มิติด้านเศรษฐกิจ การเพิ่มขึ้นของราคาค่าบริการเป็นผลจากภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกและต้นทุนที่สูงขึ้นหลังโควิด-19 อย่างไรก็ตาม การที่ราคาเพิ่มขึ้นเกินกว่าอัตราเงินเฟ้อปกติอาจทำให้ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันเมื่อเทียบกับเวียดนาม ฟิลิปปินส์ หรือกัมพูชา ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าและโครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว
มิติด้านภาพลักษณ์ การแพร่กระจายของกัญชาและระบบราคาสองมาตรฐานทำให้ประเทศไทยถูกมองว่าไม่เป็นมิตรกับครอบครัวและนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง การที่นักท่องเที่ยวเปรียบเทียบไทยกับญี่ปุ่น ซึ่งมีบริการที่สะอาด ปลอดภัย และมีมาตรฐานสูงกว่า สะท้อนถึงความจำเป็นในการยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยว
มิติด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระบบวีซ่าและการลงทะเบียนที่ยุ่งยาก รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่ล้าสมัย เช่น ทางเท้าที่ชำรุดและชายหาดที่สกปรก เป็นอุปสรรคที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน การลงทุนในเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยว
โอกาสในการฟื้นฟู การลดลงของนักท่องเที่ยวจากจีนเป็นโอกาสให้ไทยหันไปเจาะตลาดยุโรปและตะวันออกกลาง ซึ่งมีกำลังซื้อสูงและสนใจประสบการณ์ท่องเที่ยวที่เน้นวัฒนธรรมและความยั่งยืน นโยบายคืนภาษีและการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้
ทัศนคติเป็นกลางต่อความเห็นทั้งสองฝั่ง
ความกังวลของนักท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยเองมีเหตุผลที่สมควรในการแสดงความไม่พอใจต่อราคาที่สูงเกินเหตุ ระบบที่ล้าหลัง และปัญหากัญชา ความคาดหวังของพวกเขาคือการได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่าและสะดวกสบาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยเคยทำได้ดีในอดีต
ความพยายามของหน่วยงานไทย
หน่วยงานอย่าง ททท. และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แสดงถึงความพยายามในการแก้ไขปัญหาผ่านแคมเปญประชาสัมพันธ์และนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น เที่ยวไทยคนละครึ่ง และการเจาะตลาดใหม่ การที่ไทยยังคงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 9.5 ล้านคนในไตรมาสแรกของปี 2568 แสดงถึงศักยภาพที่ยังคงแข็งแกร่ง
ทัศนคติเป็นกลาง ความกังวลของนักท่องเที่ยวเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ ซึ่งหน่วยงานไทยควรใช้เป็นโอกาสในการปรับปรุงคุณภาพการท่องเที่ยว ขณะเดียวกัน ความพยายามของหน่วยงานในการดึงดูดนักท่องเที่ยวและพัฒนานโยบายใหม่เป็นก้าวที่ถูกต้อง การแก้ไขปัญหาจะต้องเน้นที่การสร้างสมดุลระหว่างการรักษาความคุ้มค่าและการยกระดับคุณภาพ เพื่อให้ประเทศไทยกลับมาเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกชื่นชอบ
สถิติที่เกี่ยวข้อง
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.