สถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปี 2567: การผลิตและยอดขายลดลงท่ามกลางความท้าทายเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการการผลิตรถยนต์ในปี 2567 ได้ปรับเป้าหมายลดลงเหลือ 1,500,000 คัน จากเดิม 1,700,000 คัน ซึ่งนับเป็นการผลิตที่ต่ำสุดในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2564 โดยการปรับลดนี้แบ่งเป็นการผลิตเพื่อขายในประเทศลดลง 450,000 คัน และการผลิตเพื่อส่งออกลดลง 1,050,000 คัน

ตัวเลขการผลิตและยอดขายลดลงต่อเนื่อง

จากข้อมูลการผลิตรถยนต์ในช่วงเดือนมกราคม–ตุลาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,246,868 คัน ลดลงร้อยละ 19.28 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่เดือนตุลาคม 2567 ผลิตได้เพียง 118,842 คัน ลดลงร้อยละ 25.13 จากปีก่อน โดยการผลิตเพื่อส่งออกอยู่ที่ 861,916 คัน ลดลงร้อยละ 4.69 และการผลิตเพื่อขายในประเทศ 384,952 คัน ลดลงถึงร้อยละ 39.89

ในด้านยอดขาย ตั้งแต่เดือนมกราคม–ตุลาคม 2567 มียอดขายรถยนต์ในประเทศ 476,350 คัน ลดลงร้อยละ 26.24 และยอดขายในเดือนตุลาคม 2567 เพียง 37,691 คัน ซึ่งต่ำสุดในรอบ 54 เดือน โดยสาเหตุหลักมาจากความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการให้สินเชื่อ ทำให้จำนวนบัญชีสินเชื่อลดลง

การส่งออกและผลกระทบจากปัจจัยต่างประเทศ

สำหรับการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เดือนมกราคม–ตุลาคม 2567 ส่งออกได้ 853,221 คัน ลดลงร้อยละ 8.02 โดยเดือนตุลาคม 2567 ส่งออกได้ 84,334 คัน แม้เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.08 จากเดือนก่อนหน้า แต่ยังลดลงร้อยละ 20.23 เมื่อเทียบกับปีก่อน ความท้าทายสำคัญคือสถานการณ์สงครามในอิสราเอลและฮามาส รวมถึงสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกในตลาดยุโรปและตะวันออกกลาง

ยานยนต์ไฟฟ้าเติบโต แต่ยังมีความผันผวน

ในเดือนตุลาคม 2567 มียานยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV (Battery Electric Vehicle) จดทะเบียนใหม่ 6,651 คัน ลดลงร้อยละ 32.19 จากปีก่อน แต่สะสมตั้งแต่เดือนมกราคม–ตุลาคม 2567 อยู่ที่ 82,304 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.12 ขณะที่ยานยนต์ไฟฟ้าประเภท HEV (Hybrid Electric Vehicle) เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 56.61 โดยการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าสะท้อนถึงความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคแม้จะมีความท้าทายเรื่องโครงสร้างพื้นฐานและการสนับสนุนจากภาครัฐ

อนาคตอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

นายสุรพงษ์กล่าวว่า การปรับเป้าหมายการผลิตในครั้งนี้สะท้อนถึงความจำเป็นในการปรับตัวของอุตสาหกรรมท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ ทั้งการเติบโตที่ต่ำ หนี้ครัวเรือนสูง และความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก โดยภาคอุตสาหกรรมต้องมุ่งเน้นการพัฒนาและนวัตกรรมเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลง และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR