วิกฤตท่องเที่ยวไทย-จีน เวียดนามพุ่งแตะเกือบ 14 ล้านคนใน 8 เดือน ขณะที่ไทยสะดุด เหตุความเชื่อมั่น-ต้นทุน และที่นั่งบินจากจีนหด

กรุงเทพฯ, 16 กันยายน 2568 – ภาพรวม 8 เดือนแรกปี 2568 เวียดนามรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ “เกือบ 14 ล้านคน” ทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยจีนเป็นตลาดใหญ่อันดับหนึ่ง และมีนักท่องเที่ยวจีนสะสมมากกว่า 3.5 ล้านคน ขยายตัวแรงเมื่อเทียบปีก่อน ขณะเดียวกัน กระแสเดินทางของชาวจีนเบนเข็มจากไทยไปยังเวียดนามและเพื่อนบ้าน ส่งผลให้ไทยต้องเผชิญแรงกดดันหลายด้าน ตั้งแต่ อุปทานเที่ยวบินจากจีนลดลงกว่า 11% ในช่วง 8 เดือนแรก ไปจนถึงประเด็นความปลอดภัยที่ถูกพูดถึงในสื่อจีน ภายใต้แรงกดดันนี้ ผู้เชี่ยวชาญบางรายประเมินว่า ไทยอาจสูญรายได้ท่องเที่ยวราว 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่กำลังไหลไปเวียดนามและประเทศรอบข้าง ข้อมูลเชิงประจักษ์จากเวียดนามและมาเลเซียยังสะท้อนการ “ชิงส่วนแบ่ง” ตลาดจีนอย่างเป็นระบบ ทั้งนโยบายวีซ่า ป้ายภาษา การตลาดเชิงประสบการณ์ และที่พัก-บริการระดับกลางถึงบนที่ขยายตัวรวดเร็ว (ดูแหล่งอ้างอิงท้ายข่าว)

เวียดนามผงาด “สดใหม่-ชัดเจน-เชื่อมตรง” ดึงจีนทะลุ 3.5 ล้านใน 8 เดือน

สำนักข่าวเวียดนาม (VNA) และหน่วยงานท่องเที่ยวเวียดนามรายงานตรงกันว่า ระหว่างมกราคม–สิงหาคม 2568 เวียดนามต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เกือบ 14 ล้านคน เพิ่มขึ้นปีต่อปี 21.7% โดย จีนยังครองแชมป์ตลาดอันดับ 1 และภาครัฐระบุชัดว่าเดือนสิงหาคมเพียงเดือนเดียวมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.68 ล้านคน สูงกว่าทั้งเดือนก่อนและช่วงเดียวกันปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งช่วยตอกย้ำโมเมนตัมฟื้นตัวในฤดูกาลโลว์ซีซันด้วยซ้ำ

หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษในเวียดนามยังระบุรายละเอียดว่า จีนมีนักท่องเที่ยวสะสมมากกว่า 3.5 ล้านคน คิดเป็นราว 25% ของผู้มาเยือนทั้งหมดใน 8 เดือนแรก ขณะที่เกาหลีใต้ตามมาเป็นอันดับสองกว่า 2.9 ล้านคน ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่าตลาดระยะสั้นใกล้บ้านกำลังหนุนเวียดนามอย่างจริงจัง

ย้อนไปครึ่งปีแรก 2568 เวียดนามรับชาวจีนราว 2.72 ล้านคน เพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบปีก่อน จุดนี้ช่วยอธิบายแรงส่งที่ทำให้เวียดนาม “ทะยาน” เข้าสู่ครึ่งปีหลังด้วยฐานที่แข็งแรง

แหล่งข่าวธุรกิจต่างประเทศชี้ด้วยว่า ความรู้สึกของนักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากมองเวียดนามว่า “ยังสดใหม่” จึงพร้อมจ่ายเพื่อประสบการณ์ท้องถิ่นที่แตกต่าง ซึ่งคือปัจจัยเชิงคุณภาพที่ช่วยเร่งการตัดสินใจเดินทาง

ไทยสะดุด ความเชื่อมั่น-ต้นทุน-ที่นั่งบิน ทำให้ “หลุดมือ” ตลาดจีน

ฝั่งไทย กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเผยตัวเลขสะสมล่าสุดถึง 14 กันยายน 2568 ว่า ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 23 ล้านคน ลดลง 7.08% จากปีก่อน โดย จีนอยู่อันดับ 2 ที่ 3.23 ล้านคน ตามหลังมาเลเซียเล็กน้อย ภายใต้ภาพรวมที่รัฐบาลต้องปรับลดคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีจาก 37 ล้าน เหลือ 33 ล้านคน

แรงกดดันสำคัญคือฝั่งอุปทาน จำนวนที่นั่งเที่ยวบินทางเดียวจากจีนเข้าไทยช่วง 8 เดือนแรก ลดลง “มากกว่า 11%” เหลือราว 5.1 ล้านที่นั่ง เมื่อเทียบปีก่อน สวนทางคู่แข่งที่เร่งเพิ่มความถี่และเปิดรูทใหม่

ด้านความเชื่อมั่น “ความปลอดภัย” ยังเป็นปัจจัยอ่อนไหว โดยกรณี การลักพาตัวนักแสดงจีน “หวัง ซิง” ซึ่งถูกหลอกข้ามแดนไปยังเมียนมาเมื่อต้นปี กลายเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจสูงในสื่อจีนและสากล แม้ทางการไทยจะเร่งกู้ภาพลักษณ์และประกาศ มาตรการรักษาความปลอดภัยเสริม ก่อนเทศกาลท่องเที่ยวใหญ่ แต่ผลกระทบเชิงความรู้สึกยังต้องใช้เวลาเยียวยา

ในเชิงธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อและข้อมูลตลาดจีนอย่าง China Trading Desk (CTD) ประเมินว่า ตลาดนักท่องเที่ยวจีนของไทยในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ “หดตัวราว 35% YoY” เหลือประมาณ 2.68 ล้านคน และคาดว่าเป้าหมายเดิมที่ไทยเคยหวังไว้ 8–10 ล้านคนอาจต้องทบทวนลงมาใกล้เคียงปีก่อนที่ราว 6.7 ล้านคน

ยิ่งไปกว่านั้น สื่อเศรษฐกิจนานาชาติรายงานว่า กระแส “หักศอก” ของชาวจีนจากไทยไปยังเวียดนามและประเทศเพื่อนบ้าน อาจทำให้ไทยสูญรายได้ท่องเที่ยวราว 3.5 พันล้านดอลลาร์ ในปีนี้ ซึ่งเป็นการ “ไหลออก” ของเม็ดเงินที่เคยตกในระบบเศรษฐกิจไทย

มาเลเซีย “ติดเทอร์โบ” วีซ่าฟรี-เงินบาทแข็งเทียบริงกิต ทำจีนพุ่ง 35% ช่วงครึ่งปี

ขณะไทยชะลอ มาเลเซีย เดินหน้าเชิงรุก ทั้งการทำ วีซ่าฟรีแบบต่างฝ่ายต่างยกเว้น กับจีนมีผลบังคับใช้ทางการตั้งแต่ 17 กรกฎาคม 2568 และการเพิ่มความถี่เที่ยวบิน–ที่นั่งเข้าจีน ส่งผลให้ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นราว 35% พร้อมกับที่นั่งจากจีนที่ “เกือบ +50%”

สื่อภูมิภาคและสื่อมาเลเซียระบุอีกว่า ช่วง ม.ค.–พ.ค. 2568 มาเลเซียรับชาวจีน เกือบ 1.8 ล้านคน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าครึ่งปีหลังอาจเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องตามแรงหนุนวีซ่าและค่าใช้จ่ายภายในประเทศที่ยัง “คุ้มค่า” เมื่อเทียบเพื่อนบ้าน

ทำไมเวียดนาม “เข้าเส้นชัย” ก่อน นโยบาย-คอนเทนต์ภาษาจีน-ประสบการณ์เฉพาะถิ่น

เบื้องหลังความสำเร็จของเวียดนามมีองค์ประกอบหลายชั้น ตั้งแต่นโยบายวีซ่าที่ชัดเจน การสื่อสาร ภาษาจีนกลาง ครอบคลุมจุดท่องเที่ยวหลัก ไปจนถึงการจัดเทศกาลเฉพาะทางและประสบการณ์เชิงวัฒนธรรมที่จับใจกลุ่มวัยทำงานชาวจีน ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ 8 เดือนเกือบ 14 ล้านคนและ ส่วนแบ่งจีนกว่า 3.5 ล้าน จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลของการ “ดีไซน์เส้นทางผู้เยือน” อย่างเป็นระบบ

ผู้เชี่ยวชาญตลาดจีนยังอธิบายว่า “ความสดใหม่” ของปลายทาง บวกกับ การเล่าเรื่อง (storytelling) ที่เน้นประสบการณ์จริง กำลังชนะการตลาดแบบเดิมที่เน้นปริมาณทัวร์ราคาถูก นักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่จำนวนมาก วางแผนเอง-จ่ายแพงขึ้น-อยากได้ของแท้ มากกว่าช้อปปิ้งอย่างเดียว นี่คือโอกาสของสินค้าและบริการท้องถิ่นที่มี “ตัวตน” ชัดเจน

ไทยควรอ่านสัญญาณอะไร 4 ปมที่ต้องเร่งคลี่คลาย

  1. ความปลอดภัยที่ “จับต้องได้”
    ไม่ใช่เพียงการประกาศมาตรการ แต่ต้องสื่อสาร “หลักฐานความปลอดภัย” เป็นภาษาเป้าหมาย เช่น ภาษาจีนกลาง ผ่านสื่อและ KOL ที่ชาวจีนเชื่อถือ พร้อม อัปเดตคดีสำคัญ อย่างต่อเนื่อง จนชาวจีน “รู้สึก” ได้ถึงการเปลี่ยนแปลง
  2. โครงสร้างราคาและความคุ้มค่า
    กระแสในสังคมออนไลน์จีนสะท้อนความกังวลเรื่อง “ค่าใช้จ่าย” ในไทย ตั้งแต่โรงแรม อาหาร ไปถึงแท็กซี่ ไทยจึงควรจัดแพ็กเกจ “ราคาโปร่งใส” และ มาตรฐานบริการ ที่สอดคล้องราคาจริง ปิดช่องว่างความคาดหวัง
  3. ที่นั่งบินต้องมาก่อนการตลาด
    การสื่อสารการตลาดยากจะสำเร็จ หาก จำนวนที่นั่งจากจีนลดลง และการต่อเครื่องไม่สะดวก ภาครัฐและสนามบินควรร่วมมือสายการบิน วางอินเซนทีฟรายเส้นทาง เน้นเมืองรองในจีนที่กำลังเติบโต เพื่อนำ capacity กลับสู่สมดุล
  4. คอนเทนต์ภาษาจีนและบริการแบบ “ไร้รอยต่อ”
    ป้าย ระบบชำระเงินยอดนิยมของจีน ช่องทางบริการหลังการขาย และเจ้าหน้าที่ด่านหน้า ต้องพร้อม เพื่อแปลง “ความสนใจ” ให้เป็น “การเดินทางจริง”

การชิงจังหวะไฮซีซัน โอกาสสุดท้ายของปี

แม้ภาพรวมปีนี้ท้าทาย แต่ยังมี “หน้าต่างโอกาส” ในช่วงไฮซีซัน หากไทย รีแพ็กเกจ จุดหมายหลัก–รอง ด้วยธีม “คุ้มค่า–ปลอดภัย–สะดวก” และ เชื่อมการบินตรง ที่เพียงพอ โอกาสพลิกไตรมาส 4 ยังพอเป็นไปได้ ข้อมูลสะสมของไทยชี้ว่าตลาดจีนยัง ไม่หายไป เพียงแต่ “ไม่รีบกลับมา” เหมือนเดิม ไทยจึงต้อง แสดงให้เห็น ว่าเที่ยวไทยตอนนี้ปลอดภัยกว่าเดิมและคุ้มค่ากว่าเดิม พร้อมทางเลือกใหม่ที่ “สด” ไม่จำเจ.

เล่าเรื่องผ่านตัวเลข ภูมิภาคกำลัง “ปรับสมดุล”

  • เวียดนาม 8 เดือนแรกรับต่างชาติ เกือบ 14 ล้านคน (+21.7%) จีนมากกว่า 3.5 ล้านคน อันดับหนึ่งทั้งจำนวนและสัดส่วน ชี้ชัดถึงความสำเร็จเชิงนโยบายและอากาศยาน
  • ไทย ถึง 14 ก.ย. มีต่างชาติ 23 ล้านคน (-7.08% YoY) จีน 3.23 ล้าน รองจากมาเลเซีย พร้อมการปรับลดคาดการณ์ทั้งปีเหลือ 33 ล้านคน
  • อุปทานการบินจีน–ไทย ที่นั่งทางเดียว ลดลง >11% ช่วง 8 เดือนแรก เหลือ ~5.1 ล้านที่นั่ง กระทบ “ความพร้อมเดินทาง” อย่างมีนัยสำคัญ
  • มาเลเซีย จีนครึ่งปีแรก พุ่ง ~35% โดยที่นั่งจากจีน “เกือบ +50%” หนุนผลของ วีซ่าฟรีสองทาง ที่มีผลอย่างเป็นทางการกลาง ก.ค.
  • ความเสียโอกาสของไทย ผู้เชี่ยวชาญประเมิน สูญรายได้ ~US$3.5 พันล้าน จากการเบนเข็มของนักท่องเที่ยวจีนไปเวียดนามและเพื่อนบ้าน

มุมมองผู้ประกอบการ–ภาครัฐ ต้อง “เดินพร้อมกัน”

ฝั่งเอกชนโรงแรมไทยสะท้อนว่า ดีมานด์จีน “ไม่ฟื้นตามคาด” จึงเริ่มปรับเป้ารายได้และวางกลยุทธ์เน้นตลาดสลับฤดูกาล ขณะที่รัฐบาลประกาศคงมาตรการดึงนักท่องเที่ยว และ นายกรัฐมนตรีไทย ย้ำการ สื่อสารความปลอดภัยเป็นภาษาจีน เพื่อกู้ความเชื่อมั่นตลาดหลัก โดยยอมรับว่าต้อง “ทำต่อเนื่อง” ไม่ใช่แค่แคมเปญช่วงสั้น

ในทางกลับกัน แหล่งท่องเที่ยวคู่แข่ง เช่น เวียดนามและมาเลเซีย ยึดสูตร “คอนเทนต์+คอนเนคทิวิตี้+คุ้มค่า” เป็นแกนหลัก ซึ่งกำลังพิสูจน์ผลลัพธ์ผ่านตัวเลขจริง

 ถ้าไทยอยาก “ทวงบัลลังก์” จีน ต้องเปลี่ยนเกมให้เร็ว

ตลาดจีนไม่ได้ “ปิด” สำหรับไทย แต่กำลัง “ปรับสมดุล” ตามคุณภาพประสบการณ์และความสบายใจของนักเดินทาง ไทยยังมีจุดแข็งมหาศาล ทั้งทรัพยากรท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐาน และความสามารถการบริการ หาก เร่งคืนความรู้สึกปลอดภัยที่จับต้องได้, ทำแพ็กเกจคุ้มค่าและโปร่งใส, และ ดึงที่นั่งบินกลับมาอย่างมีเป้าหมาย โอกาส “รีบาวด์” ช่วงไฮซีซันยังมีให้เห็น และปี 2569 อาจกลับมาเป็นปีแห่งการ “ทวงคืนส่วนแบ่ง” ได้อีกครั้ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • Vietnam News Agency (VNA) / Vietnam National Authority of Tourism
  • Saigon Giải Phóng (SGGP)
  • Reuters
  • Bloomberg / The Straits Times / The Business Times
  • China Trading Desk (CTD)
  • The Star (Malaysia) / Travel and Tour World
  • CGTN
  • AP / Reuters
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News