
สรุปประเด็นสำคัญ (Key Takeaways)
ประเทศไทย, 30 ตุลาคม 2568 — เสียงประชาชนต้องการ “ปรับหลักสูตร–ลดค่าเทอม” ทำทันที มากกว่า 44% สอดรับมติสำคัญ 30 ต.ค. 2568 ที่ขยับทั้งสมรรถนะครู ระบบย้ายครู และใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ แนวทางใหม่ถูกยกให้ลดภาระและเพิ่มความคล่องตัว แต่สังคมยังถกเถียงเรื่องมาตรฐานทางวิชาการและมาตรการเยียวยาผู้ที่ผ่านการสอบวิชาเอกเดิม
สัญญาณการปฏิรูปการศึกษาไทยเดินหน้าเป็นรูปธรรม เมื่อผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนโดย “นิด้าโพล ร่วมกับ Thailand Education Partnership (TEP)” ระหว่างวันที่ 17–21 ตุลาคม 2568 ชี้ชัด “หลักสูตรไม่ทันสมัย” และ “ขาดทักษะทำงาน” เป็นปัญหาเร่งด่วน ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ภายใต้การนำของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เร่งเครื่องสองแนวรุกพร้อมกัน—คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ปรับเกณฑ์วิทยฐานะแบบยึดผลงานเชิงประจักษ์และลดภาระเอกสาร พร้อมยกระดับระบบย้ายครู (TRS) ให้ยืดหยุ่น ส่วนคุรุสภา “ยกเลิกสอบวิชาเอก” คงเฉพาะ “วิชาครู” และจัดหลักสูตร 7 โมดูลเพื่อขอใบอนุญาตชั่วคราว (P-License) เพื่อเปิดทางให้ครูรุ่นใหม่เข้าสู่ระบบเร็วขึ้น
เสียงของประชาชนต่อการศึกษาไทย
ผลสำรวจ “ต้อนรับรัฐบาลใหม่ แก้ปัญหาการศึกษาไทย” จากกลุ่มตัวอย่าง 1,310 คนทั่วประเทศ สะท้อนภาพความคาดหวังที่ชัดเจนต่อรัฐบาลชุดใหม่ โดยปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข 3 อันดับแรก ได้แก่ (1) หลักสูตรล้าสมัย ไม่ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ร้อยละ 49.31 (2) หลักสูตรขาดการฝึกทักษะและประสบการณ์สำหรับการทำงานจริง ร้อยละ 48.09 และ (3) ความปลอดภัยในโรงเรียน (บูลลี่ การล่วงละเมิด ยาเสพติด แก๊งเด็กเกเร) ร้อยละ 38.78 ขณะเดียวกัน ประเด็น “คุณภาพโรงเรียน/ครูไม่เท่ากัน” (ร้อยละ 37.33) และ “เรียนฟรีไม่มีจริงเพราะมีค่าใช้จ่ายแฝง” (ร้อยละ 31.30) ถูกยกเป็นปัญหาหนักต่อความเสมอภาคและภาระครัวเรือน
สิ่งที่ประชาชนอยากให้รัฐบาลทำ “ทันที” สะท้อนความเป็นรูปธรรมสองด้าน ได้แก่ “ปรับหลักสูตร–การเรียนรู้ให้ทันสมัย ใช้ได้จริง” ร้อยละ 44.27 และ “ลดค่าใช้จ่ายทางการศึกษา ให้เรียนฟรีจริงถึง ม.6” ร้อยละ 44.05 ตามด้วย “เน้นฝึกทักษะเพื่อการทำงานจริง” ร้อยละ 37.86 และ “เพิ่มโอกาส–ความเท่าเทียมทางการศึกษา” ร้อยละ 35.95 ประชาชนกว่าร้อยละ 80 เชื่อว่าการลดภาระงานที่มิใช่งานสอนของครูจะช่วยขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษา โดยร้อยละ 55.19 ระบุ “ช่วยได้มากแน่นอน” และร้อยละ 25.50 ระบุ “ค่อนข้างช่วยได้”
ด้านความรู้สึกต่อรัฐบาลชุดใหม่ในการแก้ปัญหาการศึกษา สังคมยัง “หวังแบบระแวดระวัง” ร้อยละ 30.84 ระบุ “กังวลแต่ยังมีความหวัง” ขณะที่ร้อยละ 25.11 ระบุ “ไม่กังวลแต่ไม่มีความหวัง” และร้อยละ 21.99 ระบุ “ไม่กังวลและมีความหวัง” สัญญาณนี้ชี้ว่าประชาชนพร้อม “ให้โอกาส” แต่จะติดตาม “ผลลัพธ์จริง” อย่างใกล้ชิด
มติก.ค.ศ.—วิทยฐานะเชิงประจักษ์ ลดภาระงานครู และ TRS ยืดหยุ่น
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ที่ประชุมก.ค.ศ. ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน มีมติสำคัญเพื่อลดภาระงาน บูรณาการเกณฑ์วิทยฐานะให้ยึด “ผลการปฏิบัติหน้าที่/ผลงานเชิงประจักษ์” เป็นฐานหลัก มากกว่าการ “ผลิตงานวิจัย” เป็นรายชิ้น ดังสรุปสาระสำคัญดังนี้
ขนานไปกับเกณฑ์วิทยฐานะ ก.ค.ศ. เห็นชอบแนวทางพัฒนา ระบบย้ายครู TRS ระยะที่ 3 เพื่อเพิ่มโอกาสการย้าย ลดต้นทุนเอกสาร และจัดคนให้เหมาะสมกับงานมากขึ้น โดยปรับ “ความยืดหยุ่นของตำแหน่งว่าง” จากเดิม 1 วิชาเอก/อัตราว่าง เป็น “ระบุกลุ่มวิชา/ทาง/สาขาวิชาเอก” ได้สูงสุด 3 สาขา/อัตราว่าง ช่วยให้โรงเรียนเติมเต็มครูครบชั้น ครบวิชา สอดรับบริบทพื้นที่ นอกจากนี้ การทำคำร้องย้ายกว่า 70,000 คำร้อง/ปี จะลดค่าใช้จ่ายรวมราว 14–21 ล้านบาท/ปี จากการใช้ดิจิทัลสนับสนุนแทนเอกสารแบบเดิม
ในเชิงนโยบาย มติก.ค.ศ. สอดรับผลสำรวจที่สะท้อนว่าครู “แบกภาระงานนอกสอนมากเกินไป” (ร้อยละ 57.40) โดยการปรับเกณฑ์และระบบงานบุคคลที่ยึด “ผลงานจริง” และ “การใช้เทคโนโลยี” อาจช่วยคืนเวลาให้ครูได้โฟกัสกับการสอนและพัฒนาผู้เรียนมากขึ้น
มติคุรุสภา—ยกเลิกสอบวิชาเอก คงเฉพาะ “วิชาครู” และ 7 โมดูล P-License
ในวันเดียวกัน คุรุสภามีมติซึ่งถือเป็น “การปรับเชิงระบบ” ที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปี โดย ยกเลิกการสอบวิชาเอก และคงไว้เฉพาะการสอบ “วิชาครู” มีผลตั้งแต่สนามสอบเดือน มกราคม 2569 เป็นต้นไป เหตุผลสำคัญคือการลดภาระผู้เข้าสอบและทำให้การทดสอบ “ตรงประเด็น” มากขึ้น ในขณะที่มาตรฐานความรู้วิชาเอกให้พึ่งพา “ระบบประกันคุณภาพของมหาวิทยาลัย” ภายใต้กำกับของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และการคัดกรองภายหลังผ่านสนามสอบบรรจุครูผู้ช่วย
ควบคู่กัน คุรุสภาจะจัดทำ หลักสูตร “7 โมดูล” เพื่อขอ ใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่ครู (P-License) ซึ่งเป็นใบอนุญาตชั่วคราวสำหรับผู้จบหลักสูตรที่คุรุสภารับรองแล้วแต่ยังไม่ผ่านเกณฑ์ทดสอบสมรรถนะ ทั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อ “เปิดทางวิชาชีพครูรุ่นใหม่” ให้เข้าสู่ห้องเรียนเร็วขึ้น สอดรับโจทย์ความขาดแคลนครูในบางกลุ่มวิชา และใช้ช่วงเวลาปฏิบัติการเป็น “สะพาน” เตรียมความพร้อมก่อนยื่นขอใบอนุญาตถาวร
มติดังกล่าวตามมาด้วยการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการประเมินมาตรฐานวิชาชีพ และการรับรองคุณวุฒิ/หลักสูตรของสถาบันการศึกษาจำนวนหนึ่ง เพื่อให้ห่วงโซ่การผลิตครูสอดคล้องกับทิศทางใหม่ทั้งเชิงมาตรฐานและตลาดแรงงาน
ปฏิกิริยาและข้อถกเถียง มาตรฐาน–ความเป็นธรรม–การเยียวยา
แม้มติ “ยกเลิกสอบวิชาเอก” จะได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มที่เห็นว่าช่วยลดภาระและซ้ำซ้อนของระบบเดิม แต่แรงสะท้อนจากผู้เข้าสอบบางรุ่น—โดยเฉพาะกลุ่มที่ผ่านวิชาเอกมาแล้ว (“รุ่น 66”)—สะท้อน “ความค้างคาใจ” และคำถามเรื่องความเสมอภาคของผู้ที่ลงทุนทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายไปกับการสอบเดิม ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาชีพครูอย่าง รศ.ดร.สมบัติ นพรัก ก็ชี้ให้เห็น “เหตุผลด้านสมรรถนะวิชาชีพ” ว่าความรู้เฉพาะทางของวิชาเอกเป็นรากฐานที่จะส่งผลต่อคุณภาพการสอนและผลลัพธ์ผู้เรียน จึงควรมีระบบประกันคุณภาพที่เข้มแข็งและเป็นที่ยอมรับ
ในเชิงนโยบาย คำถามที่ท้าทายมีอย่างน้อยสามมิติ
ผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders)
ความเสี่ยง–โอกาส และตัวชี้วัดความสำเร็จ
โอกาส ของแพ็กเกจปฏิรูปคือการทำให้ “เวลาและแรงครู” กลับคืนสู่ห้องเรียน ปรับหลักสูตรให้ทันสมัย เน้นทักษะ และขยายโอกาสการเข้าถึงอย่างเท่าเทียม หากทำสำเร็จ สังคมจะเห็นคุณภาพผู้เรียนที่ “ใช้การได้จริง” ในตลาดแรงงาน พร้อมการลดภาระทางการเงินของครัวเรือน
ความเสี่ยง อยู่ที่ “ช่วงเปลี่ยนผ่าน” หากมาตรการรองรับไม่ชัดเจน อาจเกิดความสับสนในสนามสอบและการรับรองคุณวุฒิ ผลักภาระไปยังสถาบันผลิตครูโดยขาดทรัพยากรสนับสนุน และเกิดความไม่เป็นธรรมต่อผู้ที่ปฏิบัติตามกติกาเดิมแล้วผ่านเกณฑ์ไปก่อนหน้า
ตัวชี้วัด ที่ควรถูกติดตาม ได้แก่
สิ่งที่ต้องจับตา (What to Watch)
ผลสำรวจสะท้อน “ความต้องการที่ชัดเจน” ของประชาชนให้รัฐ “ปรับหลักสูตร–ลดค่าใช้จ่าย” และ “คืนเวลาให้ครูได้สอน” มติของก.ค.ศ. และคุรุสภาในวันเดียวกันจึงถือเป็นการ “ล็อกทิศ” จากระบบเดิมที่พึ่งพาเอกสารและเส้นทางสอบหลายด่าน ไปสู่ระบบที่ยึด “ผลงานในห้องเรียนจริง” และ “การรับรองคุณภาพโดยสถาบันผลิตครู” อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่จำเป็นต้องมีมาตรการเยียวยาที่เหมาะสมกับผู้ที่ผ่านเกณฑ์เดิม สื่อสารอย่างโปร่งใส และวัดผลด้วยตัวชี้วัดผลลัพธ์ผู้เรียนที่ตรวจสอบได้ เพื่อให้สังคมมั่นใจว่า “ลดภาระ” แล้ว “คุณภาพดีขึ้นจริง” ตามที่ประชาชนคาดหวัง
สถิติสำคัญจากผลสำรวจ (คัดประเด็น)
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by Nakorn Chiang Rai News Limited Partnership (L.P.). All Rights Reserved.