
ประเทศไทย, 25 มีนาคม 2568 – ผู้สื่อข่าวรายงานตัวเลขของประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจครั้งสำคัญ ล่าสุด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่า ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม-กุมภาพันธ์) มีธุรกิจปิดกิจการแล้วถึง 2,218 แห่ง เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 16.86% ขณะที่ยอดการจัดตั้งธุรกิจใหม่กลับลดลง 5.09% เมื่อเทียบกับปี 2567
ธุรกิจใหม่ลดฮวบ ทุนจดทะเบียนหดตัว
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า การจัดตั้งธุรกิจใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ มีจำนวนเพียง 7,529 ราย ลดลง 579 ราย หรือ 7.14% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2567 ขณะที่ทุนจดทะเบียนใหม่ลดลงถึง 19.78% เหลือ 16,335 ล้านบาท
เมื่อรวมยอดสะสม 2 เดือนแรกปี 2568 พบว่ามีการจัดตั้งธุรกิจใหม่เพียง 16,391 ราย ลดลงจาก 17,270 รายในปีที่แล้ว โดยมีทุนจดทะเบียนรวม 41,285 ล้านบาท ลดลง 9.85% จากปีก่อน
ธุรกิจยอดนิยมที่ยังเกิดใหม่แม้ภาวะชะลอ
แม้ภาพรวมจะซบเซา แต่ยังมี 3 ประเภทธุรกิจที่ยังได้รับความนิยมในการจัดตั้ง ได้แก่
ธุรกิจล้มเลิกพุ่งสูง เหตุต้นทุนพุ่ง-เศรษฐกิจชะลอ
สำหรับการเลิกกิจการ 2 เดือนแรก พบว่ามีจำนวน 2,218 ราย เพิ่มขึ้น 320 ราย คิดเป็น 16.86% จากปี 2567 โดยมีทุนจดทะเบียนรวม 7,017 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 656 ล้านบาท หรือ 10.31% ธุรกิจที่เลิกสูงสุด ได้แก่
ธุรกิจนิติบุคคลยังคงดำเนินการกว่า 9.3 แสนราย
ข้อมูลล่าสุดระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีนิติบุคคลจดทะเบียนรวม 1,981,221 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 30.61 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้มีนิติบุคคลที่ยังคงดำเนินธุรกิจอยู่ 935,839 ราย คิดเป็น 47% ของนิติบุคคลทั้งหมด โดยเป็นบริษัทจำกัดถึง 737,891 ราย หรือ 78.85% ของธุรกิจที่ยังดำเนินการอยู่
ต้นเหตุธุรกิจสะดุด: ปัจจัยภายใน-ภายนอกบีบตัวเลขติดลบ
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้การจัดตั้งธุรกิจใหม่ชะลอตัวลง เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน สงครามและความขัดแย้งระหว่างประเทศ ราคาพลังงานที่สูงขึ้น นโยบายการค้าและภาษีที่เปลี่ยนแปลงจากฝั่งสหรัฐฯ รวมถึงภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้นในประเทศ ล้วนส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ
นอกจากนี้ ผู้บริโภคเริ่มระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ส่งผลต่อกำลังซื้อในหลายภาคส่วน ทำให้ภาคธุรกิจชะลอการลงทุนและการเริ่มต้นกิจการใหม่
สัดส่วนการตั้งธุรกิจต่อเลิกกิจการ ยังอยู่ในเกณฑ์ดี
แม้สถานการณ์จะน่าเป็นห่วง แต่หากพิจารณาอัตราการจัดตั้งธุรกิจใหม่ต่อการเลิกกิจการยังอยู่ในระดับ 7:1 ซึ่งดีกว่า 5 ปีที่ผ่านมา ที่มีค่าเฉลี่ยเพียง 4:1 ถือเป็นสัญญาณบวกในภาพรวมของเศรษฐกิจไทย
การลงทุนต่างชาติยังไหลเข้าไทยต่อเนื่อง
ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2568 การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติยังเติบโตต่อเนื่อง โดยมีนักลงทุนต่างชาติเปิดกิจการในไทย 73 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ถึง 68% คิดเป็นเงินลงทุนรวม 35,277 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% แหล่งทุนหลัก 5 อันดับแรก ได้แก่
ธุรกิจที่ได้รับการลงทุน ได้แก่ ศูนย์กระจายสินค้า วิจัยและพัฒนา บริการรับจ้างผลิต รวมถึงธุรกิจเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูล (Data Center)
แนวโน้มเศรษฐกิจและความหวังจากมาตรการรัฐ
หน่วยงานรัฐยังคาดว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐ อาทิ
ทั้งนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าคาดการณ์ว่า การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจตลอดปี 2568 จะสามารถแตะเป้า 90,000–95,000 ราย ได้หากภาครัฐเดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
ความคิดเห็นจากทั้งสองมุมมอง
ฝ่ายสนับสนุน มองว่า ตัวเลขการจัดตั้งธุรกิจยังสูงกว่าการเลิกกิจการอย่างมีนัยสำคัญ แสดงถึงศักยภาพของเศรษฐกิจไทยที่ยังน่าลงทุน ขณะที่การลงทุนจากต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อโครงสร้างพื้นฐานและเสถียรภาพของประเทศไทย
ฝ่ายกังวล ชี้ว่า ตัวเลขการเลิกกิจการที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องสะท้อนถึงแรงกดดันของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะรายย่อยที่รับภาระต้นทุนไม่ไหว หากไม่มีมาตรการช่วยเหลือที่ตรงจุด อาจเห็นการเลิกกิจการมากขึ้นในไตรมาสถัดไป
สถิติที่เกี่ยวข้อง (ม.ค.–ก.พ. 2568)
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.