
กรุงเทพฯ, 9 กรกฎาคม 2568 – เปิดศักราชใหม่แห่งสัตว์น้ำสวยงามไทย ปลากัดไทยกำลังก้าวสู่การเป็น “แบรนด์ชาติ” หลังจากที่กรมประมงประกาศผนึกกำลังกับไปรษณีย์ไทย ผลักดันสัตว์น้ำสวยงามไทยสู่ตลาดโลก พร้อมเป้าหมายการส่งออกทะลุพันล้านบาทในอนาคตอันใกล้ ด้วยสายพันธุ์ที่หลากหลาย ความสามารถในการเพาะเลี้ยง และการพัฒนานวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่ง ทำให้ไทยครองส่วนแบ่งตลาดโลกกว่า 11% เป็นประเทศผู้ส่งออกอันดับต้น ๆ ของโลก
นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เผยว่า สัตว์น้ำสวยงามกลายเป็นอุตสาหกรรมมูลค่าสูงกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี และประเทศไทยมีศักยภาพเต็มเปี่ยมในการสร้างรายได้จากธุรกิจนี้ โดยเฉพาะ “ปลากัดไทย” ที่สร้างรายได้จากการส่งออกมากถึง 400 ล้านบาท หรือราว 40% ของมูลค่าสัตว์น้ำสวยงามส่งออกทั้งหมดของประเทศ
ปลากัดไทยจากปลาชานเมือง สู่ซูเปอร์สตาร์ตลาดส่งออก
“ปลากัดไทย” ได้รับการยกระดับให้เป็นสัตว์น้ำประจำชาติไทยเมื่อ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา ด้วยสีสัน ลวดลาย และพฤติกรรมที่น่าติดตาม ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และจีน ซึ่งเป็นสามตลาดหลักของไทยในปัจจุบัน
นอกจากปลากัดแล้ว ยังมีสัตว์น้ำสวยงามอื่นๆ ที่ส่งออก ได้แก่ ปลาทอง (7.3%) ปลาหางนกยูงและปลาสอด (6.4%) กุ้งสวยงาม (5.8%) และกลุ่มปลาหมอสีและปลาออสการ์ (3.9%) โดยมีปลาพื้นเมือง เช่น ปลาลูกผึ้ง ปลาซิว ปลาก้างพระร่วง ก็ได้รับความสนใจจากนักเลี้ยงทั่วโลก
4 ยุทธศาสตร์ผลักดันสัตว์น้ำไทยสู่อุตสาหกรรมยั่งยืน
กรมประมงได้จัดทำแผนพัฒนาสัตว์น้ำสวยงาม พ.ศ. 2566–2570 โดยแบ่งเป็น 4 ยุทธศาสตร์หลัก พร้อม 13 แผนงานครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ได้แก่:
แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการผลิตสัตว์น้ำสวยงามที่ได้มาตรฐาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรในระยะยาว
เปิดมิติใหม่ผนึกไปรษณีย์ไทย หนุนส่งออกสัตว์น้ำแบบครบวงจร
หนึ่งในความร่วมมือที่ถือเป็นหมุดหมายสำคัญคือ “การจับมือกับไปรษณีย์ไทย” ในการขยายระบบขนส่งสัตว์น้ำมีชีวิตให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 ได้มีการทดลองขนส่งสัตว์น้ำเพิ่ม 3 ชนิด ได้แก่:
นอกจากสัตว์น้ำเดิมที่ได้มาตรฐานจากกรมประมงอย่าง ปลากัด ปลาสอด ปลาหางนกยูง กบ ปลาไหล หอย และพรรณไม้น้ำ
การเพิ่มชนิดสัตว์น้ำในระบบขนส่งจะทำให้เกษตรกรสามารถกระจายสินค้าได้มากขึ้น ไม่ต้องพึ่งพาพ่อค้าคนกลาง ลดต้นทุน และเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้โดยตรง
ปลุกพลังชุมชน สร้างเครือข่ายผู้เพาะเลี้ยงทั่วประเทศ
กรมประมงยังได้เดินหน้าสร้างเครือข่ายผู้เพาะเลี้ยงปลากัดและสัตว์น้ำสวยงามในระดับจังหวัดและภูมิภาค โดยสนับสนุนองค์ความรู้ การอบรมเทคนิคการเพาะเลี้ยง และการใช้เทคโนโลยีควบคุมคุณภาพน้ำ รวมถึงการสร้างแบรนด์ให้กับเกษตรกรรายย่อย เพื่อให้สามารถยืนหยัดในตลาดสากลได้
ในบางพื้นที่เช่น เชียงราย ขอนแก่น และราชบุรี ได้เริ่มมีฟาร์มปลากัดที่มีระบบเพาะเลี้ยงแบบมาตรฐาน และเตรียมเข้าระบบส่งออกภายในปลายปีนี้
ความคาดหวังไทยจะเป็นศูนย์กลางการค้าสัตว์น้ำสวยงามของโลก
ความร่วมมือระหว่างกรมประมงและไปรษณีย์ไทย คือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน และปูทางสู่การเป็น “Fish Beauty Hub of Asia” โดยจะมีการพัฒนาระบบ e-commerce สำหรับปลาสวยงาม เชื่อมโยงข้อมูลผู้ซื้อจากต่างประเทศให้ถึงมือผู้เลี้ยงในท้องถิ่น
นอกจากนี้ ยังมีแนวทางจัดงานมหกรรมสัตว์น้ำสวยงามระดับชาติ เพื่อสร้างการรับรู้และเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาสัมผัสกับศักยภาพของเกษตรกรไทยโดยตรง
ปลากัดไทย ไม่ใช่แค่ปลาโชว์ แต่คือพลังเศรษฐกิจใหม่ของชาติ
ปลากัดไทยไม่เพียงแต่เป็นสัตว์น้ำประจำชาติ หากแต่กำลังกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสามารถในการแข่งขันเชิงเศรษฐกิจของประเทศไทยในเวทีโลก ด้วยการพัฒนาทั้งสายพันธุ์ ระบบการผลิต และโครงสร้างการตลาด
การผนึกกำลังของกรมประมงและไปรษณีย์ไทยในครั้งนี้ จึงนับเป็นจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมสัตว์น้ำสวยงามไทย ที่ไม่เพียงแต่เน้นความสวยงาม แต่ยังสร้างรายได้ สร้างอาชีพ และสร้างอนาคตให้กับเกษตรกรไทยอย่างมั่นคง
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.