กาแฟ Specialty ราคาต่ำร้อย ดันตลาดโตสวนกระแสเศรษฐกิจ เจาะกลยุทธ์ร้านกาแฟยุคใหม่ยุคดิจิทัล

ตลาดร้านอาหารกับร้านกาแฟ แตกต่างชัดเจนในยุคเศรษฐกิจผันผวน

กรุงเทพฯ, 12 กรกฎาคม 2568 –ในปี 2568 สถานการณ์เศรษฐกิจไทยยังเต็มไปด้วยความท้าทาย จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงและกำลังซื้อผู้บริโภคที่ชะลอตัว ส่งผลต่อยอดขายและการเปิดใหม่ของร้านอาหารอย่างเห็นได้ชัด LINE MAN Wongnai รายงานในงาน Thailand Coffee Fest 2025 ว่ายอดขายร้านอาหารรวมลดลงถึง 14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จำนวนร้านอาหารที่เปิดใหม่ในปี 2025 ก็ลดลง 30% และมีอัตราการปิดตัวสูงถึง 50% สะท้อนแรงกดดันจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว

แต่ในขณะเดียวกัน ตลาดร้านกาแฟโดยเฉพาะกลุ่ม Specialty Coffee กลับแข็งแกร่งและเติบโตสวนทางตลาดอาหาร ร้านกาแฟที่ขายกาแฟ Specialty ราคาต่อบิลต่ำกว่า 100 บาทกลายเป็นขวัญใจผู้บริโภคในยุคนี้ โดยในกรุงเทพฯ มีอัตราเติบโตถึง 46% ส่วนต่างจังหวัดโต 19% ถือว่าโดดเด่นท่ามกลางวิกฤต

ร้านกาแฟยังรอดมากกว่าร้านอาหารตัวเลขชี้ชัดความต่าง

แม้จำนวนร้านกาแฟเปิดใหม่จะลดเหลือเพียง 5,000 ร้านในครึ่งปีแรก จาก 7,000 ร้านของปีก่อน แต่อัตราการรอดในปีแรกกลับสูงกว่าร้านอาหารอย่างมีนัยสำคัญ ร้านกาแฟมีอัตราการปิดตัวเพียง 43% ในขณะที่ร้านอาหารปิดถึง 50% สะท้อนให้เห็นว่าโมเดลธุรกิจร้านกาแฟยืดหยุ่นและรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของตลาดได้ดีกว่า

อีกหนึ่งกลุ่มเครื่องดื่มที่มาแรงไม่แพ้กาแฟ คือ “มัทฉะ” ซึ่งยอดขายในร้านมัทฉะเดิมเพิ่มขึ้นถึง 28% บ่งชี้ถึงแนวโน้มผู้บริโภคที่หันมาเลือกเมนูเครื่องดื่มทางเลือกมากขึ้น

กาแฟ Specialty ครองตลาดคุณภาพสำคัญกว่าราคา

ยอดขาย Specialty Coffee ครองตลาดถึง 56% ของยอดขายกาแฟทั่วประเทศ และสูงถึง 66% ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เทรนด์นี้ชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญกับคุณภาพรสชาติ กลิ่น และประสบการณ์การดื่มมากกว่าราคาที่ถูกที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Specialty Coffee ที่จับต้องได้ในราคาต่ำร้อย

เทคโนโลยีเดลิเวอรีพลิกเกมฟันเฟืองธุรกิจกาแฟยุคใหม่

การใช้ช่องทางเดลิเวอรีกลายเป็นหัวใจสำคัญของการทำตลาดกาแฟในยุคดิจิทัล LINE MAN Wongnai เปิดเผยว่ายอดขายกาแฟผ่านเดลิเวอรีเพิ่มขึ้นถึง 23% และคิดเป็น 22% ของยอดขายร้านกาแฟทั้งหมด ในขณะเดียวกัน Digital Payment ช่วยเพิ่มยอดขายต่อบิลถึง 32% ส่วนการสั่งอาหาร/เครื่องดื่มผ่าน QR Code ช่วยเพิ่มขนาดออเดอร์ถึง 37% เทคโนโลยีเหล่านี้จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นหัวใจสำคัญของความอยู่รอดและการเติบโต

สามหัวใจสำคัญธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่มยุคใหม่

LINE MAN Wongnai ได้สรุป 3 กลยุทธ์สำคัญสำหรับความสำเร็จในยุคนี้ ได้แก่

  1. คุณภาพราคาจับต้องได้: สินค้าที่ดีและราคาที่เหมาะสม คือหัวใจดึงดูดใจลูกค้า
  2. Omni-channel: มีช่องทางขายครบทั้งหน้าร้านและออนไลน์ เข้าถึงลูกค้าได้ทุกกลุ่ม
  3. ใช้เทคโนโลยีอย่างเต็มประสิทธิภาพ: จากระบบ POS สู่การสั่ง-จ่ายเงินดิจิทัล ลดต้นทุน ขยายตลาดได้ไกลขึ้น

ข้อมูลยังชี้ว่า “ทำเลที่ตั้ง” ยังสำคัญไม่แพ้กัน ร้านอาหารที่อยู่ในห้างมีโอกาสรอดสูงกว่าร้านนอกห้างถึง 22% ส่วนร้านกาแฟในย่านที่มีผู้คนหนาแน่นหรือเดินทางสะดวกก็มักจะประสบความสำเร็จมากกว่าเช่นกัน

โปรโมชัน-เมนูใหม่สร้างแรงจูงใจยอดขาย

เดลิเวอรียังคงเป็นช่องทางดึงดูดลูกค้าสำคัญ ลูกค้า 88% มองหาโปรค่าอาหาร 59% เลือกจากส่วนลดค่าส่ง และอีก 56% ชื่นชอบโปรเซ็ตเมนู เทรนด์เมนูที่มาแรงอย่าง “ชิโอะปัง” ก็สะท้อนถึงการปรับตัวและนวัตกรรมในเมนูที่ตอบโจทย์พฤติกรรมใหม่

เมนูที่ถูกค้นหามากสุด 5 อันดับ ได้แก่ หม่าล่า, หมี่ไก่ฉีก, สุกี้, ผัดไทย และขนมปัง ขณะเดียวกัน ร้านค้าที่อัปเดตเมนูและโปรโมชันบ่อยครั้ง ยังคงได้เปรียบในการแข่งขัน

ตลาดกาแฟไทยในยุคใหม่

ตลาดกาแฟไทยในปี 2025 ไม่ได้วัดกันที่เมล็ดพันธุ์หรือความพรีเมียมเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่คือยุคที่ผู้บริโภคเข้าถึงกาแฟคุณภาพได้ง่าย ราคาสมเหตุสมผล การใช้เทคโนโลยีและช่องทางขายแบบ Omni-channel กลายเป็นปัจจัยความสำเร็จที่แท้จริง

ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในยุคใหม่นี้ คุณภาพ จับต้องได้ และนวัตกรรม คือหัวใจที่ขับเคลื่อนให้เติบโตอย่างยั่งยืนท่ามกลางทุกความเปลี่ยนแปลง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • LINE MAN Wongnai (รายงานตลาดร้านอาหาร-กาแฟ 2568)
  • Thailand Coffee Fest 2025
  • ข้อมูลประกอบจากสมาคมร้านกาแฟไทย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News