ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา K Cement สัญลักษณ์แห่งความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

กัมพูชา, 25 พฤษภาคม 2568 – ในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาได้กลายเป็นตัวอย่างของความร่วมมือที่ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ยังคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาสังคม บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG ภายใต้แบรนด์ “K Cement” ซึ่ง ตัว K ในภาษาอังกฤษย่อมาจากคำว่า “Khmer”  กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของความสัมพันธ์นี้ ด้วยการลงทุนที่ยาวนานกว่า 33 ปีในกัมพูชา ซึ่งไม่เพียงสร้างงานและรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น แต่ยังนำเทคโนโลยีสีเขียวมาใช้เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

รากฐานแห่งความสัมพันธ์

ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 หลังจากที่กัมพูชาเริ่มฟื้นตัวจากยุคเขมรแดงและเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติ SCG ได้ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในบริษัทไทยรายแรกที่มองเห็นศักยภาพของประเทศนี้ ในปี 1992 SCG ได้เริ่มต้นด้วยการจัดตั้ง SCG Trading เพื่อนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยและสร้างเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายในกัมพูชา การเคลื่อนไหวในครั้งนั้นไม่เพียงแต่เป็นการขยายธุรกิจ แต่ยังเป็นการวางรากฐานความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันซับซ้อน

การลงทุนของ SCG ในกัมพูชาเริ่มต้นจากความท้าทาย พื้นที่ที่เคยเป็นสมรภูมิในยุคเขมรแดงเต็มไปด้วยทุ่นระเบิดและความเสียหายจากสงคราม การพัฒนาพื้นที่เพื่อตั้งโรงงานจึงต้องเผชิญกับความยากลำบาก ตั้งแต่การเคลียร์พื้นที่จากระเบิดไปจนถึงการจัดการน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำ อย่างไรก็ตาม SCG ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการลงทุนระยะยาว โดยมองเห็นโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจและชุมชนท้องถิ่นควบคู่ไปกับการรักษาสภาพแวดล้อม

การลงทุนของ SCG และบทบาทด้านสิ่งแวดล้อม

ในปี 2004-2005 คณะกรรมการของ SCG ได้ตัดสินใจลงทุนครั้งใหญ่ด้วยการก่อสร้างโรงงานปูนซิเมนต์แห่งแรกในกัมพูชา ภายใต้แบรนด์ “K Cement” ซึ่งย่อมาจากคำว่า “Khmer” ที่แสดงถึงความเป็นท้องถิ่นและการยอมรับจากชุมชนกัมพูชา โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ในจังหวัดกำปอด และเริ่มผลิตปูนซิเมนต์ในปี 2007 ด้วยมูลค่าการลงทุนราว 200-300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบัน SCG มีการลงทุนในกัมพูชาคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 15,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนในต่างประเทศของ SCG ที่มีมูลค่ารวม 390,000 ล้านบาท โดยกัมพูชาครองอันดับสาม รองจากเวียดนามและอินโดนีเซีย

วัฒนชัย คล้ายจินดา ผู้บริหารฝ่ายการบัญชีการเงิน และการลงทุน เอสซีจี กัมพูชา เปิดเผยว่า การลงทุนของ SCG ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงผลกำไร แต่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและการผลิตปูนซิเมนต์คาร์บอนต่ำ SCG ได้นำเทคโนโลยีขั้นสูงมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (Operation Eco-Efficiency) ผ่านแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ การฟื้นฟูทรัพยากรน้ำ และการฟื้นฟูป่าและระบบนิเวศ

“ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกของเรา” นายวัฒนชัยกล่าวในระหว่างการนำเสนอที่ห้องประชุม Central Control Room (CCR) ของโรงงาน “เรามุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์คาร์บอนต่ำ และมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero และ Nature Positive โดยมีการลงทุนในนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนและส่งเสริมความยั่งยืนในทุกมิติ”

SCG ยังได้พัฒนาโครงการที่เกี่ยวข้องกับชุมชน เช่น การปลูกป่าชดเชย การจัดการขยะ และการมอบทุนการศึกษาให้กับเยาวชนในกัมพูชา เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรบุคคล การดำเนินงานเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างความไว้วางใจและความสัมพันธ์อันดีกับชุมชนท้องถิ่น

ความท้าทายและโอกาส

การลงทุนของ SCG ในกัมพูชาไม่ได้ปราศจากความท้าทาย โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจกัมพูชาเผชิญกับความผันผวนจากผลกระทบของโควิด-19 และการลดลงของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) โดยเฉพาะจากจีน ซึ่งเป็นแหล่งลงทุนหลักของกัมพูชา ในปี 2019 อุตสาหกรรมการพนันออนไลน์ที่เคยเฟื่องฟูในเมืองสีหนุวิลล์ถูกสั่งห้ามโดยรัฐบาลกัมพูชา ส่งผลให้ชาวจีนจำนวนมากที่เข้ามาลงทุนในภาคนี้ถอนตัวออกไป ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การท่องเที่ยว ซึ่งคิดเป็น 12% ของ GDP ในปี 2019 ได้รับผลกระทบอย่างหนัก

อย่างไรก็ตาม SCG ได้ปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับวิกฤต โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการ เช่น การทำงานจากทุกที่ (Work From Anywhere) และการใช้แนวปฏิบัติ Bubble & Seal เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ K Cement ยังสนับสนุนคู่ค้าและชุมชนด้วยการจัดหาอุปกรณ์ป้องกัน เช่น หน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ รวมถึงช่วยเหลือคู่ค้าที่ประสบปัญหาการเงินเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้

ในด้านสิ่งแวดล้อม K Cement ได้ริเริ่มโครงการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในกัมพูชาเพื่อทำการสำรวจและฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่รอบโรงงาน เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานจะไม่ทำลายระบบนิเวศ

สะพานสู่ความยั่งยืน

การลงทุนของ SCG ในกัมพูชาไม่เพียงแต่เป็นการขยายธุรกิจ แต่ยังเป็นการสร้างสะพานเชื่อมความเข้าใจระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน การที่ SCG เลือกใช้แบรนด์ K Cement แทนการใช้ชื่อแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยโดยตรง แสดงถึงความเคารพต่อวัฒนธรรมและความรู้สึกของชาวกัมพูชา ในด้านเศรษฐกิจ SCG ได้สร้างงานให้กับชาวกัมพูชากว่า 700 ตำแหน่ง โดยมีพนักงานชาวไทยเพียง 20-25 คน ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในท้องถิ่น การลงทุนของ SCG ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะในจังหวัดกำปอต เปลี่ยนจากพื้นที่นาข้าวรกร้างกลายเป็นชุมชนที่มีร้านค้าและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นหลังจากการตั้งโรงงาน

ด้านสิ่งแวดล้อม การที่ SCG เป็นผู้นำในการผลิตปูนซิเมนต์คาร์บอนต่ำในกัมพูชาได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรม แม้ว่าความตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อมในกัมพูชาจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ SCG ได้แสดงบทบาทผู้นำด้วยการนำเทคโนโลยีสีเขียวมาใช้ และส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งอาจเป็นแรงบันดาลใจให้บริษัทอื่น ๆ ในกัมพูชาและภูมิภาคอาเซียนปฏิบัติตาม

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายในอนาคตยังคงอยู่ โดยเฉพาะการแข่งขันจากโรงงานปูนซิเมนต์ของจีน แผ่นดินใหญ่ที่เน้นกลยุทธ์ด้านราคา ประกอบกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนในกัมพูชา SCG จึงต้องรักษาจุดแข็งในด้านคุณภาพและความยั่งยืน เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดที่ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 30% และขยายโอกาสในโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น สนามบินใหม่ในพนมเปญและเสียมเรียบ

สถิติที่เกี่ยวข้อง

จากข้อมูลของ SCG และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกัมพูชา

  • มูลค่าการลงทุนของ SCG ในกัมพูชา 15,000 ล้านบาท คิดเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนในต่างประเทศทั้งหมด 390,000 ล้านบาท
  • จำนวนพนักงานในกัมพูชา 700 คน (90% เป็นชาวกัมพูชา) และพนักงานชาวไทย 20-25 คน
  • การลดการปล่อยคาร์บอน ปูนซิเมนต์คาร์บอนต่ำของ SCG ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 30% เมื่อเทียบกับปูนซิเมนต์ทั่วไป
  • การฟื้นฟูพื้นที่ป่า SCG ได้ปลูกต้นไม้ชดเชยในกัมพูชากว่า 10,000 ต้นตั้งแต่ปี 2015 และมีแผนปลูกเพิ่มในปี 2025 ร่วมกับสถานทูตไทย
  • การจัดการขยะ โรงงานของ SCG ในกัมพูชาสามารถนำขยะมาใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนได้ถึง 15% ของพลังงานที่ใช้ในกระบวนการผลิต
  • GDP ของกัมพูชา คาดการณ์เติบโต 4.8% ในปี 2023 ตามข้อมูลของรัฐบาลกัมพูชา และ 5.3% ตาม SCB EIC และ 5% ตาม Asian Development Ban

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCG)
  • SCG Cambodia
  • กระทรวงเศรษฐกิจและการเงินกัมพูชา
  • SCB Economic Intelligence Center (SCB EIC)
  • Asian Development Bank
  • สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News