ร้อยพลังการศึกษา” จับมือ “สพฐ” จัดประชุม “ผอ.” 95 ร.ร.ในเครือข่าย เชื่อมต่อพลัง “ชุมชน” หนุนนักเรียน

ประเทศไทย, 8 พฤษภาคม 2568 – จากการรายงานของผู้สื่อข่าว โครงการ “ร้อยพลังการศึกษา” ซึ่งดำเนินการโดยมูลนิธิยุวพัฒน์ ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ โดยเชิญผู้อำนวยการจากโรงเรียนในเครือข่ายจำนวน 95 แห่งทั่วประเทศเข้าร่วมระดมความคิดเห็น เพื่อวางแนวทางความร่วมมือระหว่างโรงเรียนกับชุมชนในการพัฒนานักเรียนกว่า 320,000 คน ที่อยู่ในโครงการอย่างยั่งยืน

จุดเริ่มต้นของความร่วมมือ สานพลังรัฐและภาคประชาสังคม

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นต่อเนื่องจากการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง สพฐ. และมูลนิธิยุวพัฒน์ เมื่อปี 2567 โดยมีเป้าหมายขยายผลการใช้ 8 เครื่องมือพัฒนานักเรียน ภายใต้โครงการร้อยพลังการศึกษา สู่โรงเรียนที่มีความต้องการในการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ พร้อมกับใช้ศักยภาพของชุมชนเข้ามาร่วมสนับสนุนอย่างเป็นระบบ

การประชุมจัดขึ้น ณ ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทาราไลฟ์ กรุงเทพฯ โดยมีผู้อำนวยการโรงเรียนจากทั่วประเทศทั้งในเขตเมืองและชนบทเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ปรับกลยุทธ์การดำเนินโครงการ และหารือแนวทางการขับเคลื่อนร่วมกับชุมชนในบริบทเฉพาะของแต่ละพื้นที่

บทบาทของโรงเรียนและชุมชน แกนกลางของการพัฒนาที่ยั่งยืน

นายวิษณุ ทรัพย์สมบัติ ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการศึกษา สพฐ. กล่าวว่า สถานศึกษาในปัจจุบันต้องเผชิญกับข้อจำกัดหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ อุปกรณ์การเรียน หรือความพร้อมของผู้ปกครองและชุมชน การดึงภาคประชาชนและภาคีในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วม จึงถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการยกระดับคุณภาพนักเรียนแบบองค์รวม

“โรงเรียนและชุมชนต้องทำงานร่วมกันให้แน่นแฟ้น โดยใช้พลังของชุมชนเป็นแรงเสริมผ่านกิจกรรมระดมทรัพยากร ประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจ และส่งเสริมความร่วมมือระยะยาวให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืน” นายวิษณุกล่าว

ความเห็นจากมูลนิธิยุวพัฒน์ การศึกษาเป็นทางออกของทุกปัญหา

นายวิเชียร พงศธร ประธานกรรมการมูลนิธิยุวพัฒน์ ระบุว่า ความท้าทายของสังคมไทยในปัจจุบันสะท้อนปัญหาในหลายมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล ซึ่งล้วนมีรากมาจากการศึกษาที่ไม่ทั่วถึงและไม่มีคุณภาพ

“ร้อยพลังการศึกษาไม่ได้เพียงพัฒนาโรงเรียน แต่ต้องการเชื่อมพลังจากภาคประชาชน ภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน เข้าด้วยกันเพื่อวางรากฐานให้เยาวชนไทยกลายเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ” นายวิเชียรกล่าว

การเสวนาและกรณีศึกษาที่เป็นรูปธรรม

ไฮไลต์สำคัญของการประชุมคือเวทีเสวนาหัวข้อ พลังความร่วมมือของโรงเรียนและชุมชนในการพัฒนานักเรียน” ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้บริหารโรงเรียนที่เคยดำเนินการร่วมกับชุมชนมาแล้ว นำกรณีศึกษา 5 พื้นที่มาแบ่งปัน ได้แก่:

  • โรงเรียนศรีวินิตวิทยาคม จ.สิงห์บุรี
    ระดมทุนผ่านการทอดผ้าป่าเพื่อตั้งกองทุนบำรุงรักษาห้องคอมพิวเตอร์ ทำต่อเนื่องทุกปี
  • โรงเรียนนราสิกขาลัย จ.นราธิวาส
    มี “รัฐบาลเยาวชนอาสา” และเครือข่าย “แกนนำครอบครัวคุณธรรม” จากนักเรียนทุนยุวพัฒน์
  • โรงเรียนบ้านสบเตี๊ยะ จ.เชียงใหม่
    ทำกิจกรรม “ครอบครัวสัมพันธ์” โดยชุมชนมีส่วนร่วมทั้งติดตามพฤติกรรมและเยี่ยมบ้าน
  • โรงเรียนวังเหนือวิทยา จ.ลำปาง
    สร้างวิสัยทัศน์ร่วมกับชุมชน ขยายสู่การพัฒนาโปรแกรม Youth Counselor ร่วมกับครูผู้นำการเปลี่ยนแปลงจากมูลนิธิ Teach for Thailand
  • โรงเรียนบ้านหนองคาง จ.ประจวบคีรีขันธ์
    ประสานงานกับมูลนิธิกระจกเงาเพื่อขอรับคอมพิวเตอร์มือสอง และร่วมมือกับวิทยาลัยอาชีพในพื้นที่ซ่อมแซมอุปกรณ์

โครงการร้อยพลังการศึกษา พัฒนาทุนมนุษย์ผ่านนวัตกรรม 8 เครื่องมือ

โครงการร้อยพลังการศึกษา หรือ Thailand Collaboration for Education (TCFE) ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 2558 โดยมีเป้าหมายลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาในประเทศไทย ผ่านการทำงานร่วมกันระหว่างโรงเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือและภาคีที่มีองค์ความรู้เฉพาะด้าน โดยเครื่องมือหลัก 8 ประการ ได้แก่

  1. ทุนการศึกษา โดยมูลนิธิยุวพัฒน์
  2. สื่อดิจิทัลวิชาคณิตศาสตร์/วิทยาศาสตร์ จาก Learn Education
  3. สื่อดิจิทัลภาษาอังกฤษ จาก Winner English
  4. ครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง จากมูลนิธิ Teach For Thailand
  5. พัฒนาเด็กปฐมวัย โดย ICAP
  6. แนะแนวอาชีพ โดยแพลตฟอร์ม a-chieve
  7. พัฒนาโรงเรียนคุณธรรม โดยมูลนิธิยุวพัฒน์
  8. พัฒนาโภชนาการเด็ก โดยโครงการ FOOD FOR GOOD

ณ ปี 2568 โครงการได้ขยายผลไปยังโรงเรียนกว่า 250 แห่งทั่วประเทศ และมีเด็กและเยาวชนได้รับโอกาสกว่า 320,000 คน

พลังร่วมจากพื้นที่สู่การเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ

แม้โครงการร้อยพลังการศึกษาจะเน้นการพัฒนาโรงเรียนเป็นรายพื้นที่ แต่เมื่อมองในภาพรวม กลไกของการสร้างความร่วมมือระหว่างโรงเรียนและชุมชนที่เกิดขึ้นกำลังส่งผลสะเทือนเชิงบวกต่อระบบการศึกษาของไทยในระดับฐานราก โดยเฉพาะในโรงเรียนขนาดเล็ก โรงเรียนในพื้นที่ชายขอบ หรือโรงเรียนที่ประสบปัญหาเรื่องทรัพยากรอย่างหนัก

จุดแข็งของโครงการนี้คือการใช้ “ทุนทางสังคม” ที่มีอยู่ในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นบุคลากร ผู้นำท้องถิ่น องค์กรภาคี หรือแม้แต่ผู้ปกครอง มาช่วยเสริมกำลังของโรงเรียน ซึ่งแตกต่างจากโครงการที่เน้นการพึ่งพางบประมาณจากรัฐเพียงด้านเดียว

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงอยู่ที่การสร้าง “ความต่อเนื่อง” และ “ความยั่งยืน” หลังจากหมดการสนับสนุนจากภาคีบางราย หรือเมื่องบประมาณเปลี่ยนแปลง ซึ่งจุดนี้ สพฐ. และมูลนิธิยุวพัฒน์ยังคงต้องหารือถึงรูปแบบการสนับสนุนระยะยาวอย่างรอบคอบ

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนโรงเรียนที่เข้าร่วมประชุม: 95 แห่ง
  • จำนวนเด็กที่ได้รับโอกาสจากโครงการ: มากกว่า 320,000 คน (ปี 2558–2568)
  • จำนวนเครื่องมือหลักที่ใช้ในโครงการ: 8 เครื่องมือพัฒนา
  • จังหวัดที่มีการยกตัวอย่างกรณีศึกษาความร่วมมือ: 5 จังหวัด ได้แก่ สิงห์บุรี, นราธิวาส, เชียงใหม่, ลำปาง, ประจวบคีรีขันธ์
  • โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ: มากกว่า 250 แห่งทั่วประเทศ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News