
ประเทศไทย, 25 มีนาคม 2568 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาสุกรในประเทศ ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างความสนใจและความกังวลให้กับผู้บริโภคและผู้ค้าในตลาดสด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ค่าครองชีพของประชาชนยังอยู่ในระดับสูง
ราคาสุกรขยับรับกลไกตลาดหลังขาดทุนยาว
ตลอดปี 2566 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2567 เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศประสบภาวะขาดทุนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มฟาร์มขนาดเล็กหลายแห่งต้องยุติการดำเนินกิจการ ส่วนฟาร์มขนาดกลางถึงใหญ่ลดจำนวนแม่พันธุ์ลงถึง 40-50% เพื่อลดต้นทุนและความเสี่ยงจากภาวะขาดทุน
ราคาสุกรขุนหน้าฟาร์มในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2567 อยู่ในระดับที่ทำให้เกษตรกรขาดทุนประมาณ 500-700 บาทต่อตัว โดยช่วงที่ขาดทุนหนักที่สุดคือไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 ซึ่งขาดทุนสูงถึงตัวละ 3,600 บาท หรือคิดเป็น 40% ของต้นทุนการเลี้ยงสุกร
ปัจจุบันเริ่มมีกำไรขั้นต้น ราคาหน้าฟาร์มปรับขึ้น
ในช่วงเดือนมีนาคม 2568 ราคาสุกรขุนหน้าฟาร์มปรับตัวเพิ่มขึ้น จนสามารถทำกำไรขั้นต้นได้ประมาณ 13% ซึ่งถือเป็นระดับราคาที่ “ยุติธรรม” ทั้งต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค โดยราคาจำหน่ายปลีกเนื้อสุกรแดงในห้างค้าปลีกอยู่ที่ประมาณ 143 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาที่ตลาดสดอยู่ที่ประมาณ 150 บาทต่อกิโลกรัม
นายสิทธิพันธ์ ระบุว่า การปรับขึ้นของราคาดังกล่าว เป็นไปตามกลไกตลาด ไม่ได้เกิดจากการกำหนดราคาหรือการปั่นราคาแต่อย่างใด พร้อมย้ำว่าผู้เลี้ยงสุกรร่วมมือกับภาครัฐในการควบคุมราคามาโดยตลอด เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้บริโภคมากเกินไป
ควบคุมปริมาณแม่พันธุ์ หวังรักษาสมดุลตลาด
สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ได้กำหนดแนวทางควบคุมปริมาณแม่พันธุ์สุกรทั่วประเทศในปี 2568 ให้อยู่ในระดับ 1.1-1.2 ล้านตัว เพื่อควบคุมผลผลิตสุกรขุนให้อยู่ที่ระดับประมาณ 21-23 ล้านตัวตลอดปี ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณความต้องการบริโภคภายในประเทศ
แนวทางดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะสุกรล้นตลาด ซึ่งจะกดราคาหน้าฟาร์มให้ต่ำกว่าต้นทุนอีกครั้ง และในทางกลับกัน หากควบคุมผลผลิตได้เหมาะสม จะสามารถรักษาระดับราคาที่ผู้บริโภคสามารถรับได้ และเกษตรกรสามารถอยู่รอ
ความเสี่ยงด้านสุขภาพสัตว์ยังคงมีอยู่
อีกหนึ่งปัจจัยที่ผู้เลี้ยงสุกรต้องเฝ้าระวังคือ สภาพอากาศในช่วงต้นปีที่มีทั้งอากาศร้อนและฝนตก สร้างความเสี่ยงต่อสุขภาพของสุกร ทำให้มีโอกาสเกิดโรคในฟาร์มได้ง่ายขึ้น หากมีการระบาดของโรค อาจส่งผลกระทบต่ออัตราการตายของสุกร และกระทบถึงปริมาณสุกรขุนในระบบ
สมาคมฯ จึงขอความร่วมมือจากผู้เลี้ยงทั่วประเทศให้เพิ่มความระมัดระวังในการบริหารจัดการฟาร์มให้เข้มงวด โดยเฉพาะเรื่องสุขอนามัย การทำความสะอาดฟาร์ม และการใช้วัคซีน เพื่อป้องกันโรคที่อาจเกิดขึ้น
การดูแลผู้บริโภคยังคงเป็นหลักสำคัญ
นายสิทธิพันธ์ ย้ำว่า ผู้เลี้ยงสุกรส่วนใหญ่มีความตั้งใจดูแลผู้บริโภคมาโดยตลอด ทั้งการสนองต่อนโยบายรัฐ การควบคุมราคาสุกร และการร่วมมือในมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศยังเปราะบาง ผู้เลี้ยงสุกรยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ
สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติยืนยันว่า จะพยายามรักษาสมดุลในตลาดให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม ระหว่างต้นทุนการเลี้ยงที่แท้จริงและราคาที่ผู้บริโภครับได้ โดยมีการประสานงานกับภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
ความคิดเห็นจากทั้งสองฝ่าย
ฝ่ายเกษตรกร มองว่า การปรับขึ้นราคาสุกรในช่วงนี้เป็นเรื่องจำเป็น หลังจากขาดทุนอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 1 ปี การได้ราคาที่เริ่มมีกำไรบ้างถือเป็นการประคองอาชีพให้ยืนระยะได้ โดยเฉพาะกลุ่มฟาร์มขนาดกลางและเล็กที่แบกรับต้นทุนมาอย่างยาวนาน
ฝ่ายผู้บริโภค แม้เข้าใจถึงความจำเป็นของผู้ผลิต แต่ก็มีความกังวลว่า ราคาที่เพิ่มขึ้นอาจกระทบต่อค่าครองชีพในภาพรวม โดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อยที่พึ่งพาโปรตีนจากเนื้อหมูเป็นหลัก หากราคายืนในระดับสูงต่อเนื่อง จะต้องหาทางเลือกอื่นที่ราคาย่อมเยากว่า
สถิติที่เกี่ยวข้อง (ณ มีนาคม 2568)
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.