เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา 2 ฉบับ ที่เสนอโดย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ไขปัญหาการใช้ที่ดินทำกินในเขตอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้แถลงข่าวหลังการประชุม
สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา 2 ฉบับ
ร่างพระราชกฤษฎีกาทั้งสองฉบับนี้ประกอบด้วย:
ร่างพระราชกฤษฎีกาเหล่านี้จัดทำขึ้นเพื่ออนุญาตให้ประชาชนที่อยู่อาศัยหรือทำกินในพื้นที่ดังกล่าวก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ สามารถดำรงชีวิตต่อไปได้ โดยรัฐไม่ได้ให้สิทธิ์ในที่ดิน แต่ให้สามารถอยู่อาศัยและทำกินได้อย่างถูกกฎหมาย พร้อมกับมีหน้าที่ในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่นั้น ๆ
การอนุญาตให้ใช้ที่ดินทำกิน
ครม. ได้กำหนดให้มีการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่อุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในระยะเวลา 20 ปี โดยจะมีการกำหนดเขตที่อยู่อาศัยและที่ทำกินให้ชัดเจน โดยไม่ขยายพื้นที่เพิ่มเติม
พื้นที่ที่ครอบคลุมภายใต้โครงการนี้ ได้แก่:
การช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่
สำหรับผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่เหล่านี้ จะได้รับการสำรวจสิทธิ์โดย กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งกำหนดให้แต่ละครอบครัวถือครองที่ดินไม่เกิน 20 ไร่ และหากมีครัวเรือนร่วมทำกิน จะถือครองได้ไม่เกิน 40 ไร่ ทั้งนี้ การโอนสิทธิ์หรือยินยอมให้บุคคลภายนอกเข้าใช้ที่ดินไม่ได้
การปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายภูมิธรรม เวชยชัย ระบุว่าครม. ได้มอบหมายให้ คณะกรรมการที่ดินแห่งชาติ และ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมมือกันจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อติดตามและทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้มีความยั่งยืนและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวเสริมว่า ร่างพระราชกฤษฎีกานี้เป็นการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศเขตอุทยานและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เพื่อให้ประชาชนสามารถอยู่อาศัยและทำกินได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ละเมิดกฎหมาย
ความสำคัญของการแก้ไขกฎหมาย
นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้กล่าวถึงหลักการสำคัญในการแก้ไขกฎหมายนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถทำมาหากินในพื้นที่ป่าโดยไม่ถือเป็นความผิดทางอาญาอีกต่อไป พร้อมทั้งย้ำว่าการแก้ไขครั้งนี้เป็นการช่วยบรรเทาความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานรัฐและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายเดิม
“เป้าหมายสำคัญคือให้ประชาชนอยู่ร่วมกับป่าอย่างมีความสุขและถูกต้องตามกฎหมาย” นายปกรณ์กล่าวทิ้งท้าย พร้อมเน้นว่าการแก้ไขกฎหมายนี้จะช่วยสร้างความเป็นธรรมและลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในอดีต
สรุปผลการประชุม
ครม. ได้เห็นชอบให้ดำเนินการตามร่างพระราชกฤษฎีกา 2 ฉบับนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสนับสนุนการใช้ที่ดินทำกินอย่างยั่งยืนเพื่อประโยชน์ของชุมชนในระยะยาว
เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.