
เชียงราย, 28 สิงหาคม 2568 — ในรอบหลายปีที่ผ่านมา งานประเพณีและเทศกาลท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ถูกจับตามองว่าเป็น “จุดเปราะบาง” ของวินัยการเงินการคลัง—ตั้งแต่การจัดซื้อจัดจ้างแบบยกเว้นแข่งขัน ไปจนถึงการปล่อยให้เอกชนผูกขาดรายได้ในพื้นที่จัดงาน และการใช้ที่ดินสาธารณะโดยขาดการอนุญาตที่ถูกต้อง ผลคือรัฐเสียโอกาสจัดเก็บรายได้ ประชาชนและผู้ค้าท้องถิ่นเผชิญต้นทุนสูงขึ้น ความศรัทธาต่อภาครัฐถูกกัดกร่อน
บนฉากทัศน์ดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จึงจัดทำ “ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตในการจัดงานของ อปท.—กรณีศึกษา: การจัดงานประเพณี” เสนอไปยังฝ่ายนโยบาย โดยระบุความเสี่ยงหลัก 3 ประเด็น พร้อมมาตรการเชิงระบบ เทคโนโลยี และธรรมาภิบาลให้หน่วยงานกลาง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย (มท.) ถือธงบูรณาการร่วมกระทรวงการคลังและคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ก.ก.ถ.) เพื่อยกระดับความโปร่งใสทั้งกระบวนการ ตั้งแต่ก่อน-ระหว่าง-หลังการจัดงานประเพณีในพื้นที่ทั่วประเทศ
ป.ป.ช. เปิด 3 ช่องโหว่—ชี้ทิศแก้เกม “จัดงานประเพณี” ให้คล่องและโปร่งใส
หนึ่ง—การจัดซื้อจัดจ้างโดยมิชอบ: ป.ป.ช. ระบุว่าในทางปฏิบัติ หลายพื้นที่หลีกเลี่ยงการแข่งขันราคา ใช้วิธีคัดเลือก/วิธีพิเศษบ่อยครั้ง ขณะที่ขอบเขตงาน (TOR) ไม่ชัดเจนพอ ทำให้ดุลพินิจ “ลื่นไหล” และเสี่ยงเอื้อผู้รับจ้างหน้าเดิม ป.ป.ช. เสนอให้ยึดกฎหมายจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พ.ศ. 2560 และมาตรฐาน TOR ตามหนังสือ กค (กวจ) 0405/ว 159 ที่ระบุสาระจำเป็นของ TOR ตั้งแต่ความเป็นมา วัตถุประสงค์ คุณสมบัติผู้ยื่นข้อเสนอ ไปจนถึงคุณลักษณะเฉพาะของงาน เพื่อให้ตัดสินได้บนหลักเกณฑ์วัดผล ไม่ใช่ความเห็นส่วนบุคคล
สอง—การจัดการรายได้งานประเพณีรั่วไหล เมื่อมอบสิทธิแก่เอกชนบริหารพื้นที่—ค่าที่จอดรถ ค่าเช่าแผงค้า ค่าบริการสุขา ฯลฯ—พบรูปแบบให้เอกชนผูกขาดเก็บรายได้เอง ขณะที่ อปท. ไม่ได้กำกับอัตราค่าธรรมเนียมอย่างเป็นธรรม ส่งผลให้รายได้รัฐหดหาย ผู้ค้าท้องถิ่นเสียเปรียบ ป.ป.ช. แนะให้ อปท. เปิดเผยโครงสร้างรายได้-รายจ่าย ข้อสัญญา และผลการดำเนินงานบนเว็บไซต์/ป้ายประกาศ เพื่อให้ชุมชนร่วมตรวจสอบได้ และให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจัดแนวทางตรวจสอบภายในประจำปีสำหรับกิจกรรมที่มีรายได้เกิดขึ้นโดยตรงจากประชาชน
สาม—การใช้ที่ดินสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต: ป.ป.ช. ชี้ว่า การใช้อุทยาน สวนสาธารณะ หรือที่ราชพัสดุจัดงานโดยไม่ผ่านการอนุญาตที่ถูกต้อง ทำให้รัฐเสียสิทธิและอาจเกิดข้อพิพาทกับหน่วยงานผู้ดูแล พ่วงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม จึงเสนอให้ อปท. ทำแผนที่ สอบเขตผู้ครอบครองสิทธิ และขออนุญาตล่วงหน้าตามขั้นตอน เพื่อปิดช่องว่างและสร้างความชัดเจนต่อสาธารณะ
กรอบกฎหมายและคู่มือปฏิบัติ “โครง” มีแล้ว—ต้อง “ยึด” ให้เป็นวินัยเดียวกัน
ในทางกรอบ ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการจัดงาน การจัดกิจกรรมสาธารณะ การส่งเสริมกีฬา และการแข่งขันกีฬาของ อปท. พ.ศ. 2564 วางหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายและการเบิกจ่ายไว้อย่างครอบคลุม—ตั้งแต่วิธีอนุมัติ การวางแผนงบประมาณ ไปจนถึงหลักฐานการจ่ายเงินและการตรวจรับงาน หากบังคับใช้อย่างเคร่งครัด จะช่วยให้การจัดงานประเพณีเป็น “บริการสาธารณะ” ที่ตั้งอยู่บนการใช้เงินแผ่นดินอย่างคุ้มค่าและตรวจสอบได้ (มีเอกสารเผยแพร่มาตรฐานโดยหน่วยงานท้องถิ่นและกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเพื่อใช้เป็นคู่มือ)
ขณะเดียวกัน หนังสือด่วนที่สุดของกรมบัญชีกลาง กค (กวจ) 0405/ว 159 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2566 กำหนดสาระสำคัญ TOR ที่หน่วยงานต้องจัดทำให้ครบถ้วน—เป็น “เช็กลิสต์” ที่ลดดุลพินิจส่วนบุคคล และยกระดับคุณภาพการเทียบข้อเสนอ โดยเฉพาะงานขนาดใหญ่ที่มีรายได้แฝงจากกิจกรรมพาณิชย์ (ค่าแผง ค่าโฆษณา ฯลฯ) การใช้ TOR ตามแบบแนะนำจึงเป็นหัวใจสำคัญของการทำสัญญาที่เที่ยงธรรมและโต้แย้งได้ด้วยข้อมูล
กลไกความโปร่งใส เปิดข้อมูล–เปิดเวทีชุมชน–เปิดประตูตรวจสอบ
ข้อเสนอของ ป.ป.ช. เน้น “เปิดข้อมูลเชิงรุก” เป็นมาตรการแกน—เผยแพร่ประกาศเชิญชวน ร่าง TOR แบบร่างสัญญา ราคากลาง รายงานผลการคัดเลือก แผนผังพื้นที่จัดงาน ปฏิทินงาน รายได้–รายจ่าย และเอกสารเบิกจ่ายที่เกี่ยวข้อง—ซึ่งสอดรับกับชุดตัวชี้วัด ITA (Integrity and Transparency Assessment) ที่ ป.ป.ช. ใช้ประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสหน่วยงานรัฐทั่วประเทศทุกปี การยกระดับคะแนน ITA จึงไม่ใช่ “แค่คะแนน” แต่สะท้อนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐที่จับต้องได้ผ่านข้อมูลสาธารณะจริง ๆ
อีกด้าน ป.ป.ช. ผลักหลักคิด STRONG–จิตพอเพียงต้านทุจริต ให้ชุมชนร่วมเป็น “ผู้กำกับดูแล” ในพื้นที่ของตน ผ่านเครือข่ายภาคประชาสังคม โรงเรียน ชมรมผู้ค้า และอาสาสมัคร ให้ช่วยสอดส่องและแจ้งเบาะแสเมื่อพบเห็นความผิดปกติในขั้นตอนจัดงาน—จากเวทีรับฟังเสียงชาวบ้านถึงข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เพื่อทำให้ “วัฒนธรรมไม่ทนต่อการทุจริต” เป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวัน
มหาดไทย–การคลัง–ก.ก.ถ. บทบาท “สามเสาหลัก” ที่ต้องเดินไปด้วยกัน
แกนปฏิบัติการที่ ป.ป.ช. เสนอ คือให้ กระทรวงมหาดไทย ทำหน้าที่กำกับ–สั่งการ อปท. ให้ยึดกฎหมาย/ระเบียบและแนวปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน, ให้ กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ชี้แนวทาง TOR/ราคากลาง/สัญญา—และอบรมเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอย่างเป็นระบบ, ส่วน สำนักงาน ก.ก.ถ. ทำหน้าที่ปรับโครงสร้าง–ข้อกำหนดที่เกี่ยวกับการกระจายอำนาจให้หน่วยปฏิบัติสามารถทำงานได้คล่องโดยไม่หลุดกรอบธรรมาภิบาล ทั้งหมดถูกออกแบบให้เชื่อมกับการประเมิน ITA เพื่อเป็น “ตัวชี้วัดผล” ที่เปิดเผยต่อสาธารณะในแต่ละปีงบประมาณ
ตัวเลขที่ชวนคิด เมื่อ “ต้นทุนแฝง” กลายเป็นภาระประชาชน
ประสบการณ์หลายพื้นที่สะท้อนรูปแบบคล้ายกัน—เมื่อเอกชนผูกขาดพื้นที่และตั้งอัตราค่าธรรมเนียมสูง ผู้ค้าท้องถิ่นต้องชำระค่าแผงแพงกว่าคู่แข่งที่มากับผู้จัดงาน รายได้ส่วนหนึ่งไม่ไหลเข้าท้องถิ่น ขณะที่ค่าใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้น (ค่าจอดรถ/เข้าห้องน้ำ/บริการสาธารณะ) ข้อเสนอ “เปิดข้อมูลรายได้–รายจ่ายทุกงาน” และ “กำหนดเพดานค่าธรรมเนียมเป็นธรรม” จึงเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนในชุมชนมองเห็นเส้นทางเงินของงานประเพณี—ว่ากลับมาเป็นสวัสดิการสาธารณะมากน้อยเพียงใด ไม่ใช่เพียง “ภาพจำสวยงาม” ของงานรื่นเริงเท่านั้น
เชียงรายในภาพใหญ่ จากเทศกาลท้องถิ่น สู่บททดสอบธรรมาภิบาลระดับพื้นที่
เชียงรายเป็นจังหวัดที่งานประเพณี–เทศกาลคือ “แรงขับเศรษฐกิจชุมชน” ตั้งแต่เทศกาลท้องถิ่น งานวัฒนธรรมไปจนถึงกิจกรรมสร้างสรรค์ใหม่ ๆ สิ่งที่ ป.ป.ช. เสนอจึงไม่ใช่ “ภาระ” ของผู้ปฏิบัติ หากเป็น “เข็มทิศ” ให้ผู้ว่าฯ อปท. และท้องที่–ท้องถิ่น จัดวาระร่วมกัน
จาก “เอกสาร” สู่ “พฤติกรรมองค์กร” เมื่อตัวชี้วัดต้องแปลเป็นภาคปฏิบัติ
ความท้าทายไม่ได้อยู่ที่การมีระเบียบ–คู่มือ หากอยู่ที่ วินัยของผู้ปฏิบัติ และ แรงจูงใจขององค์กร การหนุนใช้ ITA เป็น “กระจกเงา” ให้หน่วยงาน—ควบคู่การสื่อสารความเสี่ยง (risk communication) และการฝึกอบรมแบบลงมือทำ—เป็นกุญแจให้คะแนนโปร่งใส “ไม่ใช่แค่คะแนน” แต่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมที่ประชาชนสัมผัสได้ เช่น เห็น TOR ล่วงหน้าจริง เห็นราคากลาง เห็นสัญญา เห็นรายรับ–รายจ่ายหลังจบงานทุกงาน และสามารถถาม–ทัก–ตรวจได้ตลอดเวลา
เส้นทางคลี่คลายปม แผนเดินหน้าที่ “ทำได้ทันที”
ทำให้งานประเพณี “คืนประโยชน์สาธารณะ” อย่างแท้จริง
ข้อเสนอของ ป.ป.ช. ทำให้ “งานประเพณี” ซึ่งเคยถูกมองเป็นเพียงกิจกรรมรื่นเริง กลับมามีนิยามสาธารณะครบมิติ—วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และธรรมาภิบาล เมื่อโครงกฎหมาย–คู่มือพร้อม ข้อมูลเปิด และประชาชนร่วมกำกับดูแล เม็ดเงินที่เคยรั่วไหลย่อมกลับมาเป็นงบสาธารณะสำหรับพื้นที่ ขวัญกำลังใจผู้ค้า–ชุมชนดีขึ้น ผู้เสียภาษีเห็นภาพชัดว่าเงินที่จ่ายไป “เวียนกลับมา” ในรูปบริการและโครงสร้างพื้นฐานอย่างไร
สำหรับเชียงราย—เมืองที่วัฒนธรรมคือทุน ชุมชนคือหัวใจ—การยกระดับมาตรฐานการจัดงานประเพณีตามแนวทางนี้ ไม่เพียงสร้างความเชื่อมั่นต่อรัฐและผู้จัดงาน หากยังเป็น “แบบฝึกหัดธรรมาภิบาล” รายปี ที่ทำให้ท้องถิ่นแข็งแรง โปร่งใส และยั่งยืนกว่าที่เคย
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.