เดินเกมสอบ “รายชื่อผู้เกี่ยวข้อง” ปมร้องทุจริตสอบเข้าอบรมนายอำเภอ 2568 ป.ป.ช.เริ่มไต่สวนเบื้องต้น—เปิดฉากทดสอบศรัทธาระบบคุณธรรมราชการ

เชียงราย, 28 สิงหาคม 2568 —ข้อร้องเรียนเรื่องความไม่โปร่งใสในการคัดเลือกเข้าอบรมหลักสูตรนายอำเภอปี 2568 กำลังไหลบ่าเป็น “แรงกดดันสาธารณะ” ครั้งใหญ่ต่อระบบคุณธรรม (merit system) ของงานปกครองไทย เมื่อ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยสำนักไต่สวนการทุจริตภาครัฐที่ 3 เดินเกม ทำหนังสือเรียกข้อมูล–ชี้แจงข้อเท็จจริง จากทั้งข้าราชการในและนอกสังกัดกรมการปกครองตามเอกสารร้องเรียน ตอกย้ำ “เดิมพัน” ที่สูงกว่าคำว่าได้–เสียตำแหน่ง คือศรัทธาของประชาชนต่อความยุติธรรมในระบบสอบคัดเลือกของรัฐเอง

ปมร้องเรียนปะทุ จาก “เบาะแสรายชื่อ” สู่การไต่สวนเบื้องต้น

ผู้สื่อข่าวพิเศษได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า สำนักไต่สวนการทุจริตภาครัฐที่ 3 ป.ป.ช. (ที่ตั้งนนทบุรี) ได้ทยอยส่งหนังสือไปยังเจ้าหน้าที่หลายรายเพื่อขอทราบข้อเท็จจริงและเชิญชี้แจงพร้อมแนบพยานเอกสาร หลังมี เอกสารร้องเรียน กล่าวหาความไม่ชอบมาพากลในกระบวนการคัดเลือกเข้า หลักสูตรนายอำเภอ ปี 2568 ของกรมการปกครอง

แกนกลางของข้อมูลร้องเรียน—ซึ่งเคยถูกเผยต่อสาธารณะผ่าน สำนักข่าวอิศรา—ถูกระบุว่าเริ่มต้นจากผู้ใช้ชื่อ “ข้าราชการผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรม” ในสังกัดกรมการปกครอง ส่ง รายชื่อผู้เกี่ยวข้อง “จำนวนมาก” พร้อมกล่าวหาการ “เอื้อประโยชน์พวกพ้อง” จนกระทบขวัญกำลังใจของผู้ไม่มีเส้นสาย และเสนอให้ ยกเลิกการสอบ ครั้งนี้ รวมถึงให้ หน่วยงานกลางที่ไม่ใช่กรมการปกครอง เป็นผู้จัดสอบใหม่เพื่อสร้างความเป็นธรรม

อีกด้านหนึ่ง แหล่งข่าววิเคราะห์ว่า รายชื่อที่ถูกจับตา “ส่วนใหญ่” มีความเชื่อมโยงกับ เครือข่ายทางการเมืองกลุ่มหนึ่ง โดยคาดว่า กว่า 20 รายชื่อ จะถูกเชิญเข้าชี้แจงต่อ ป.ป.ช. เป็นลำดับ ซึ่งหากพบมูล อาจขยายผลไปสู่กระบวนการไต่สวนเชิงลึกต่อไป

จุดที่สังคมเฝ้ามอง มีข้อกล่าวหาว่าผู้ผ่านเข้ารับการอบรม 300 คน (ในสังกัด 285 และนอกสังกัด 15 ตามเสียงร้องเรียน) มี “สายสัมพันธ์” ใกล้ชิดผู้มีอำนาจ ทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และนักการเมือง จึงเรียกร้องตรวจสอบความเชื่อมโยงอย่างเร่งด่วน

เดิมพัน” ตำแหน่งนายอำเภอ ทำไมการสอบครั้งนี้ถึงสำคัญ

นายอำเภอ คือข้าราชการฝ่ายปกครองระดับหัวหน้าอำเภอที่ทำหน้าที่บูรณาการนโยบายรัฐกับความมั่นคง–บริการประชาชนในพื้นที่ ตั้งแต่งานทะเบียนราษฎร ความสงบเรียบร้อย การปกครองท้องที่ ไปจนถึงบูรณาการภัยพิบัติ–เศรษฐกิจฐานราก จึงไม่น่าแปลกเมื่อการเปิดคัดเลือกเข้าอบรมปีนี้ดึงดูดความสนใจ ข้าราชการผู้สมัครราว 1,700 คน แย่ง ที่นั่ง 300 ที่ โดยแบ่งเป็น สอบแข่งขัน 195 และ สายผู้มีประสบการณ์ 105 ที่ ความต้องการสูง–ที่นั่งจำกัด ทำให้ “แรงจูงใจแสวงหาช่องลัด” พุ่งขึ้นเป็นเงาตามตัว และคือบริบทที่ก่อให้เกิดข้อกล่าวหานานารูปแบบ

ข้อกล่าวหาหนัก “ขายข้อสอบหัวละ 3 ล้าน” และเครือข่ายเงินการเมือง

เมื่อ 3 เม.ย. 2568 นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์” เปิดเผยต่อสาธารณะว่า มีการ ลักลอบนำข้อสอบ 100 ข้อไปจำหน่าย ในราคา หัวละ 3 ล้านบาท โดยให้วางมัดจำ 1.5 ล้านบาท และจ่ายส่วนที่เหลือในวันนัดรับข้อสอบ (อ้างว่า 4 เม.ย.) เพื่อท่องคำตอบก่อนสอบจริง (5 เม.ย.) พร้อมระบุว่ามีผู้สมัคร “หลายสิบคน” เข้าเกณฑ์ จนวงเงินหมุนเวียนทั้งกระบวนการ 200–600 ล้านบาท และโยงว่าเงินจำนวนนี้ถูกส่งต่อสู่ พรรคการเมืองพรรคหนึ่ง โดยมีบุคคลชื่อเล่น “นายทอง” ทำหน้าที่จัดการ

ข้อกล่าวหาเหล่านี้ยัง อยู่ในชั้นกล่าวอ้าง ต้องรอการพิสูจน์ตามกระบวนการ แต่ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนทางสังคม–การเมือง เพราะหากมีมูลจริง จะเป็นคดีเชิงโครงสร้าง ที่พัวพันผลประโยชน์มหาศาลระหว่าง “ระบบสอบ” และ “ทุนการเมือง”

 “สุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้”

4 เม.ย. 2568 นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง แถลงยืนยันว่า กระบวนการสอบทุกระดับดำเนินไปอย่างสุจริต โปร่งใส และยุติธรรม พร้อมเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อการแอบอ้าง และกรมฯ จะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้เรียกรับผลประโยชน์

ต่อมา 21 เม.ย. 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ได้รับรายงานว่า “โปร่งใส รอบคอบ และตรวจสอบได้” พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เสียงกล่าวหาอาจมาจากผู้ไม่ผ่านการสอบ ย้ำว่าเรื่องใดมีมูลจะให้หน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบตามขั้นตอน

สาระสำคัญเชิงวิชาชีพสื่อ ขณะนี้ข้อกล่าวหาและคำชี้แจงเดินคู่ขนาน—สื่อมวลชนจึงต้องรายงานอย่างเป็นกลาง ใช้ถ้อยคำระวัง และยึด “ข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบได้” เป็นหลัก จนกว่าจะมีผลการไต่สวนยืนยัน

บทเรียนที่ไม่ควรถูกลืม คดีทุจริตสอบนายอำเภอ ปี 2552

เหตุการณ์ปี 2552 เป็น หมุดหมายสำคัญ ที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคำพิพากษาคดีทุจริตสอบนายอำเภอ—มีจำเลยรวม หลักร้อยราย ในจำนวนนี้รวมถึง อดีตอธิบดีกรมการปกครอง และ อดีตผู้อำนวยการส่วนกำนันผู้ใหญ่บ้าน ศาลพิพากษาจำคุกผู้บริหารระดับสูง 3 ปีโดยไม่รอลงอาญา และลงโทษผู้เกี่ยวข้องอื่น ๆ ฐานสนับสนุนการกระทำผิด แผนทุจริตในคดีนั้น แตกต่าง จากข้อกล่าวหาปี 2568 อย่างมีนัยสำคัญ—คือเป็น การแก้ไขสมุดคำตอบหลังสอบ” โดยเจ้าหน้าที่วงใน มากกว่าจะเป็น “การขายข้อสอบก่อนสอบ” ตามข้อกล่าวหาในปีนี้

ความเหมือน ระบบตรวจสอบที่เปิดช่องให้ เครือข่ายอำนาจ แทรกตัวได้
ความต่าง: จาก “แก้ในห้อง” → สู่ “ลอบนำออกก่อนถึงห้อง” (ตามข้อกล่าวหา) สะท้อน วิวัฒน์ของกลโกง เพื่อตอบโต้มาตรการป้องกันที่เข้มขึ้น

เกมยาวของ “กฎหมาย–วินัย–ความน่าเชื่อถือ”

  1. ชั้นไต่สวนเบื้องต้น (ป.ป.ช.) — รวบรวมคำให้การ พยานหลักฐาน หนังสือสั่งการ/การเบิกจ่าย/การติดต่อสื่อสาร หากพบ “มูลพอสมควร” จะ ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน
  2. ชั้นวินัย (ต้นสังกัด) — กรมการปกครอง/มหาดไทย/ก.พ. ดำเนินการคู่ขนานได้ หากมีหลักฐานชัดว่ามีพฤติการณ์ผิดวินัยร้ายแรง
  3. ชั้นอาญา — หากเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่/เรียกรับผลประโยชน์/ปลอมเอกสาร ฯลฯ จะเข้าสู่กระบวนการพนักงานอัยการ–ศาล
  4. มาตรการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส — เป็นเงื่อนปมสำคัญ เพราะคดีเชิงโครงสร้างมักพัวพันผู้มีอำนาจ จำเป็นต้องมี ช่องทางที่ปลอดภัย ให้ผู้รู้เห็นกล้าให้ข้อมูล

ตัวเลข” ที่ชวนคิด

  • 1,700 : 300 ที่นั่ง — อัตราแข่งขันสูงเป็นดินแดนสีเทาที่ แรงจูงใจ ต่อ “ช่องทางพิเศษ” โตตาม
  • 3,000,000 บาท/หัว — ราคาที่ถูกกล่าวหาในการซื้อข้อสอบ สะท้อน ผลประโยชน์ที่คาดหวัง จากการได้สถานะนายอำเภอ
  • 200–600 ล้านบาท — ขนาดวงเงินหมุนเวียนในข้อกล่าวหา หากพิสูจน์ได้จริง เทียบเท่า ระบบซื้อ–ขาย” มากกว่าการทุจริตรายย่อย
  • บทเรียนปี 2552 — การลงโทษระดับ “อดีตอธิบดี” ยืนยันว่ากฎหมาย ไปถึงตัวใหญ่ได้ หากหลักฐานถึง

เสียงของผู้เดือดร้อน บทพิสูจน์ความเป็นธรรม

ในเอกสารร้องเรียน ผู้แจ้งระบุชัดว่า ผู้ไม่มีเส้นสายเสียขวัญกำลังใจ” นี่คือคำสั้น ๆ แต่สะท้อนความรู้สึกใหญ่ ๆ ของข้าราชการจำนวนมาก ที่มองว่า โอกาสในระบบราชการควรตั้งอยู่บนความสามารถ ไม่ใช่ “วงการ–สายสัมพันธ์” การไต่สวนครั้งนี้จึงไม่ได้ชี้ชะตาเฉพาะคนกลุ่มหนึ่ง หากแต่เป็น บทพิสูจน์ศรัทธาทั้งระบบ ว่า “กระบวนการสอบของรัฐ” ยังยืนอยู่บนหลักความเสมอภาคจริงเพียงใด

ทางสองแพร่งของนโยบาย ซ่อมระบบ หรือซ่อมเฉพาะคดี

ผู้เชี่ยวชาญด้านธรรมาภิบาลชี้ว่า ขณะไต่สวนเดินหน้า ฝ่ายนโยบาย ควรเดินคู่ขนานด้วย 3 วาระเร่งด่วน

  1. แยกผู้จัดสอบออกจากผู้ใช้คนสอบ — ให้ หน่วยงานกลางอิสระ ทำหน้าที่จัดสอบ–เก็บข้อสอบ–ตรวจข้อสอบ แทนหน่วยงานผู้บังคับบัญชาทางสายงาน เพื่อลดความขัดแย้งทางผลประโยชน์
  2. ใช้เทคโนโลยีปิดช่องทุจริต — ระบบ ธนาคารข้อสอบแบบสุ่ม (Randomized Pools), ตรวจอัตโนมัติ, วิเคราะห์แพตเทิร์นผิดปกติด้วย AI และ บันทึกเส้นทางเอกสาร (audit trail) ตั้งแต่ผลิต–ขนส่ง–เก็บรักษา
  3. คุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส — จัด แพลตฟอร์มร้องเรียนปลอดภัย พร้อมคุ้มครองสถานะการงานและข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อดึง “คนเห็นเหตุ” ออกมาเป็น “คนเห็นค่า”

เกมยาวที่ชื่อ “ความเชื่อมั่น”

การเริ่มไต่สวนของ ป.ป.ช. คือสัญญาณว่ารัฐรับฟังสังคม และพร้อมคลี่คลายข้อสงสัยด้วย กลไกที่ตรวจสอบได้ ทว่า ปลายทางของคดี ไม่ได้วัดเพียง “ลงโทษได้กี่ราย” แต่คือการ “ปิดวงจร” ให้ การทุจริตสอบ ไม่หวนกลับมาเป็นระลอกใหม่ แตกหน่อเป็นเครือข่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หากหน่วยงานเกี่ยวข้องสามารถ คลี่คลายข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบ รวดเร็ว และโปร่งใส พร้อมวางมาตรการเชิงระบบเพื่ออุดช่องโหว่ ตั้งแต่วันนี้ วิกฤตศรัทธาครั้งนี้อาจแปรเป็น จังหวะปฏิรูป ที่ทำให้การคัดเลือกบุคลากรในตำแหน่ง “หัวใจของรัฐ” กลับมายืนอยู่บน ความสามารถ–ความเสมอภาค–ความยุติธรรม อย่างแท้จริง

สาระสำคัญสำหรับประชาชนและผู้สมัครในอนาคต ติดตามประกาศอย่างเป็นทางการจาก ป.ป.ช., กรมการปกครอง และกระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบช่องทางรับร้องเรียนที่ปลอดภัย เก็บหลักฐานการสื่อสาร–เอกสารทุกชิ้น และหากพบพฤติการณ์ผิดปกติ แจ้งหน่วยงานโดยทันที—เพราะ “ระบบคุณธรรม” ต้องการพยานความจริงจากทุกคน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) — แนวทางรับเรื่องร้องเรียนและกระบวนการไต่สวนข้อกล่าวหาทุจริตภาครัฐ (สำนักไต่สวนการทุจริตภาครัฐที่ 3)
  • กรมการปกครอง (กระทรวงมหาดไทย) — เอกสารชี้แจงกระบวนการสอบคัดเลือกเข้าอบรมหลักสูตรนายอำเภอ ปี 2568 (แถลงโดยอธิบดี 4 เม.ย. 2568)
  • กระทรวงมหาดไทย — คำให้สัมภาษณ์รัฐมนตรีว่าการฯ (21 เม.ย. 2568) เกี่ยวกับความโปร่งใสในการจัดสอบและการตรวจสอบได้
  • สำนักข่าวอิศรา (isranews.org) — รายงานพิเศษและข้อมูลร้องเรียนจาก “ข้าราชการผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรม” เกี่ยวกับรายชื่อ–ความเชื่อมโยงในการคัดเลือกเข้าอบรมหลักสูตรนายอำเภอ 2568
  • คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง (คดีทุจริตสอบนายอำเภอ ปี 2552) — สรุปคำพิพากษาและรายชื่อผู้ถูกลงโทษในคดีดังกล่าว
  • ข้อมูลสาธารณะจากการแถลงข่าว/ข่าวสารทางการ เกี่ยวกับจำนวนผู้สมัคร (~1,700 ราย) และโควตาที่นั่ง (สอบแข่งขัน 195/ผู้มีประสบการณ์ 105) ของหลักสูตรนายอำเภอปี 2568
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News