เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า Teikoku Databank บริษัทวิจัยในญี่ปุ่น ได้เผยผลสำรวจบริษัทในประเทศกว่า 1.19 ล้านแห่ง พบว่า สัดส่วนของกรรมการผู้จัดการหญิงในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็น 8.4% ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจาก 4.5% ในปี 1990 โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วนกรรมการผู้จัดการหญิงสูงสุดที่ 17.4% ตามด้วยธุรกิจบริการ 11.3% และธุรกิจค้าปลีก 11.1%
บทบาทของกรรมการผู้จัดการหญิงในบริษัทเล็กมีแนวโน้มสูงกว่า
จากการสำรวจพบว่า สัดส่วนกรรมการผู้จัดการหญิงในบริษัทขนาดเล็ก (มียอดขายต่ำกว่า 50 ล้านเยน) อยู่ที่ 11.9% ขณะที่บริษัทขนาดใหญ่ (ยอดขาย 10,000 ล้านเยนขึ้นไป) มีเพียง 2% โดย Tracy Gopal ผู้ก่อตั้ง Third Arrow Strategies ให้ความเห็นว่า “การเป็นผู้นำในบริษัทเล็กต่างจากบริษัทใหญ่ที่ต้องดึงดูดบุคลากรหญิงให้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นจำนวนผู้หญิงในองค์กรญี่ปุ่นจะลดลง”
การเปลี่ยนแปลงของค่านิยมและนโยบาย Womenomics
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีค่านิยมชายเป็นใหญ่ โดยผู้ชายมักมีบทบาทในการทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ขณะที่ผู้หญิงดูแลบ้านและลูก แต่จากปัญหาสังคมผู้สูงอายุและการขาดแคลนแรงงาน อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น Shinzo Abe ได้ริเริ่มนโยบาย Womenomics ในปี 2013 เพื่อกระตุ้นให้ผู้หญิงเข้าสู่ตลาดแรงงานมากขึ้น
เป้าหมาย Womenomics ในปี 2030
Womenomics มีเป้าหมายลดความเหลื่อมล้ำทางเพศ โดยตั้งเป้าว่าในปี 2030 ญี่ปุ่นต้องมีสัดส่วนผู้หญิงในตำแหน่งผู้จัดการอย่างน้อย 30% จากข้อมูลล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2024 ผู้หญิงในตำแหน่งผู้จัดการมีสัดส่วนเพียง 10.9% แม้จะเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกที่ทะลุ 10% แต่ยังคงห่างไกลจากเป้าหมาย
มาตรการเพื่อผลักดันความเท่าเทียมทางเพศ
รัฐบาลญี่ปุ่นและบริษัทต่างๆ ได้ร่วมกันดำเนินมาตรการหลากหลาย เช่น
อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นยังคงต้องใช้เวลาและความพยายามร่วมกันจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความเท่าเทียมในตลาดแรงงาน และทำให้ผู้หญิงมีบทบาทที่สำคัญในทุกระดับองค์กร
อ้างอิง
เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Japantimes / The modern office: Japanese business practices have come a long way since the 1980s, when many books about working in the country were written. | GETTY IMAGES
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.