ประเทศไทย, 9 กุมภาพันธ์ 2568  – ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุที่ได้รับเงิน 10,000 บาท การสำรวจดำเนินการระหว่างวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ 2568 โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,310 คน ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับเงินหรือมีสมาชิกในครอบครัวได้รับเงินจากโครงการดังกล่าว กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ

ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ

ผลสำรวจพบว่า ประชาชนที่ได้รับเงินช่วยเหลือ 10,000 บาท มีความคิดเห็นเกี่ยวกับการสนับสนุนรัฐบาล ดังนี้:

  • ร้อยละ 44.89 ระบุว่าการได้รับเงินมีส่วนช่วยให้สนับสนุนรัฐบาล
  • ร้อยละ 30.69 ระบุว่ามีหรือไม่มีโครงการนี้ก็สนับสนุนรัฐบาลอยู่แล้ว
  • ร้อยละ 14.35 ระบุว่าไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สนับสนุนรัฐบาล
  • ร้อยละ 10.07 ระบุว่ายังไม่แน่ใจว่าจะตัดสินใจอย่างไร

การสำรวจใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) และเก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยมีค่าความเชื่อมั่นร้อยละ 97.0

การใช้จ่ายเงิน 10,000 บาทจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ

เมื่อสอบถามถึงการใช้จ่ายเงินที่ได้รับ พบว่าผู้สูงอายุมีแนวทางการใช้จ่ายดังนี้:

  • ร้อยละ 86.18 ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน (รวมค่าน้ำ ค่าไฟ และน้ำมันเชื้อเพลิง)
  • ร้อยละ 26.26 ใช้จ่ายเพื่อสุขภาพ (เช่น ซื้อยารักษาโรค พบแพทย์)
  • ร้อยละ 13.66 ใช้หนี้สิน
  • ร้อยละ 11.98 เก็บออมไว้ใช้ในอนาคต
  • ร้อยละ 9.24 ใช้ลงทุนการค้า
  • ร้อยละ 8.70 ใช้จ่ายเพื่อการศึกษา
  • ร้อยละ 4.35 ใช้ซื้อหวยและสลากกินแบ่งรัฐบาล
  • ร้อยละ 1.76 ใช้ซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า
  • ร้อยละ 0.53 ใช้ซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มือถือ และเครื่องมือสื่อสาร
  • ร้อยละ 0.46 ใช้จ่ายเพื่อการเดินทางท่องเที่ยว
  • ร้อยละ 0.38 ใช้จ่ายเพื่อการบันเทิง (เช่น เลี้ยงสังสรรค์ ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือยาสูบ)

ลักษณะทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง

เมื่อพิจารณาข้อมูลประชากรของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า:

  • ที่อยู่ตามภูมิภาค:
    • ร้อยละ 9.31 กรุงเทพฯ
    • ร้อยละ 19.01 ภาคกลาง
    • ร้อยละ 20.92 ภาคเหนือ
    • ร้อยละ 31.60 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
    • ร้อยละ 12.29 ภาคใต้
    • ร้อยละ 6.87 ภาคตะวันออก
  • เพศ:
    • ร้อยละ 43.05 เป็นเพศชาย
    • ร้อยละ 56.95 เป็นเพศหญิง
  • อายุ:
    • ร้อยละ 69.08 อายุ 60-69 ปี
    • ร้อยละ 27.94 อายุ 70-79 ปี
    • ร้อยละ 2.98 อายุ 80 ปีขึ้นไป
  • ศาสนา:
    • ร้อยละ 97.56 นับถือศาสนาพุทธ
    • ร้อยละ 1.98 นับถือศาสนาอิสลาม
    • ร้อยละ 0.46 นับถือศาสนาคริสต์และศาสนาอื่น ๆ
  • สถานภาพสมรส:
    • ร้อยละ 3.59 โสด
    • ร้อยละ 92.82 สมรส
    • ร้อยละ 3.59 หม้าย หย่าร้าง หรือแยกกันอยู่
  • ระดับการศึกษา:
    • ร้อยละ 1.22 ไม่ได้รับการศึกษา
    • ร้อยละ 61.60 จบการศึกษาประถมศึกษา
    • ร้อยละ 20.00 จบมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า
    • ร้อยละ 5.19 จบอนุปริญญาหรือเทียบเท่า
    • ร้อยละ 10.69 จบปริญญาตรีหรือเทียบเท่า
    • ร้อยละ 1.30 จบสูงกว่าปริญญาตรี
  • อาชีพ:
    • ร้อยละ 0.15 ข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ
    • ร้อยละ 0.23 พนักงานเอกชน
    • ร้อยละ 16.95 เจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ
    • ร้อยละ 20.53 เกษตรกร/ประมง
    • ร้อยละ 15.04 รับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน
    • ร้อยละ 47.10 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน
  • รายได้เฉลี่ยต่อเดือน:
    • ร้อยละ 41.07 ไม่มีรายได้
    • ร้อยละ 10.08 ไม่เกิน 5,000 บาท
    • ร้อยละ 22.06 ระหว่าง 5,001-10,000 บาท
    • ร้อยละ 15.34 ระหว่าง 10,001-20,000 บาท
    • ร้อยละ 3.89 ระหว่าง 20,001-30,000 บาท
    • ร้อยละ 2.60 ระหว่าง 30,001-40,000 บาท
    • ร้อยละ 1.22 ระหว่าง 40,001-50,000 บาท
    • ร้อยละ 0.15 มากกว่า 80,001 บาท
    • ร้อยละ 3.59 ไม่ระบุรายได้

บทสรุป

ผลสำรวจของนิด้าโพลระบุว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุที่มอบเงิน 10,000 บาท มีผลต่อการสนับสนุนรัฐบาลในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ผู้สูงอายุส่วนใหญ่นำเงินไปใช้เพื่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและสุขภาพเป็นหลัก โดยรัฐบาลยังคงเผชิญกับความเห็นที่แตกต่างในหมู่ประชาชนเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้ และความยั่งยืนของโครงการในระยะยาวจะยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR