ปรากฏการณ์ DINK วิถีชีวิตคู่รักยุคใหม่ที่กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าสังคมไทยและโลก

ประเทศไทย, 16 พฤศจิกายน 2568 – ในยุคที่ค่านิยมทางสังคมกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กลุ่มคู่รักรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “DINK” (Dual Income, No Kids) หรือคู่รักที่มีรายได้ทั้งสองฝ่ายแต่เลือกที่จะไม่มีบุตร กำลังกลายเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่ไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป ด้วยจำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในสหรัฐอเมริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศไทย กลุ่มนี้ไม่เพียงแค่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต แต่ยังส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อเศรษฐกิจ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ และโครงสร้างประชากรของประเทศ

คู่รักยุคใหม่ เลือกอิสระเหนือบรรทัดฐาน

เช้าวันเสาร์ที่แสนสงบ ในขณะที่หลายครอบครัวต้องตื่นแต่เช้าตรูเพื่อพาลูกไปเรียนพิเศษหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ คู่รักกลุ่ม DINK กลับมีอิสระในการตัดสินใจว่าจะใช้เวลาอย่างไร บางคู่เลือกนอนหลับเต็มอิ่ม 8 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น บางคู่ออกกำลังกายในฟิตเนส บางคู่วางแผนเดินทางท่องเที่ยวระยะยาว หรือบางคู่เลือกที่จะทุ่มเทเวลาให้กับงานอาชีพที่พวกเขาหลงใหล

นี่คือวิถีชีวิตที่คู่รัก DINK ภาคภูมิใจและเลือกที่จะดำเนินต่อไป แม้จะต้องเผชิญกับคำถามและแรงกดดันจากสังคมที่ยังยึดมั่นในค่านิยมแบบดั้งเดิมที่ว่า “การมีบุตรคือหน้าที่ของคนที่แต่งงาน”

คำว่า DINK ซึ่งย่อมาจาก “Dual Income, No Kids” ถูกกำหนดให้เป็นคำที่ใช้อธิบายครัวเรือนที่มีผู้ใหญ่สองคนที่มีรายได้และไม่มีบุตร ลักษณะเด่นของกลุ่มนี้คือการมีรายได้ครัวเรือนที่สูงขึ้นและมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าครอบครัวที่มีบุตร ทำให้มีรายได้ใช้จ่ายตามอัธยาศัยสูงกว่าอย่างมาก

ตัวเลขที่พูดถึงการเติบโต

สถิติล่าสุดชี้ให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของกลุ่มประชากรนี้ ในสหรัฐอเมริกา กลุ่ม DINK ที่แต่งงานแล้วในช่วงอายุ 30-40 ปี ได้เพิ่มขึ้นจาก 8% ในปี 2013 เป็น 12% ในปัจจุบัน การเติบโตนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มีพื้นฐานมาจากคุณสมบัติทางการศึกษาและอาชีพที่โดดเด่น

ข้อมูลระบุว่า 58% ของคู่รัก DINK ทั้งสองฝ่ายมีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีเป็นอย่างต่ำ เทียบกับเพียง 43% ของคู่รักที่มีบุตร นอกจากนี้ 81% ของคู่รัก DINK ทั้งสองฝ่ายทำงานเต็มเวลา เทียบกับ 68% ของคู่รักที่มีบุตร ระดับการศึกษาสูงและความมุ่งมั่นในการทำงานเต็มเวลาของทั้งสองฝ่ายนี้ บ่งชี้ถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสที่สูงมากหากต้องหยุดชะงักทางอาชีพ

ในแง่ของรายได้ ครัวเรือน DINK มีรายได้ครัวเรือนเฉลี่ยที่ 193,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี สูงกว่าคู่รักที่มีบุตรซึ่งมีรายได้เฉลี่ย 151,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีอย่างเห็นได้ชัด รายได้ส่วนเกินนี้ทำให้พวกเขามีความยืดหยุ่นในการออม การลงทุน และการใช้จ่ายตามอัธยาศัยมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการท่องเที่ยว สินค้าฟุ่มเฟือย และการพัฒนาตนเอง

ปรากฏการณ์ในเมืองไทย คู่รักที่มีฐานะดีในเขตเมือง

สำหรับประเทศไทย ปรากฏการณ์ DINK กำลังเติบโตอย่างโดดเด่นโดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและเมืองใหญ่ การวิเคราะห์เฉพาะกลุ่ม DINK ในประเทศไทยชี้ให้เห็นว่ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวอายุ 30-39 ปี คิดเป็น 77.5% มีการศึกษาสูงกว่าปริญญาโท 61.3% และที่น่าสนใจคือมีรายได้ครัวเรือนสูงกว่า 90,000 บาทต่อเดือนถึง 57.5%

การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของโครงสร้างพื้นฐานและการขยายตัวของเศรษฐกิจในเขตเมืองของประเทศไทย ทำให้ประชากรหันมาใช้ชีวิตในเมืองที่สะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งสนับสนุนการเติบโตของคู่รักที่เลือกใช้ชีวิตคู่โดยไม่มีบุตร

ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยของ DINK ไทยนั้นมีความแตกต่างอย่างชัดเจนจากครอบครัวที่มีบุตร พวกเขาให้ความสำคัญสูงสุดกับความสะดวกในการเดินทาง โดยปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเลือกที่อยู่อาศัยคือเวลาเดินทางระหว่างบ้านและที่ทำงาน ตามมาด้วยระยะทางระหว่างบ้านกับศูนย์การค้า การจัดสรรเงินทุนที่สูงเพื่อความใกล้ชิดกับสถานที่ทำงานและแหล่งพักผ่อนนี้ เป็นการซื้อเวลาคืนมา ซึ่งเป็นสินค้าที่มีค่าที่สุดสำหรับกลุ่ม DINK ในเมืองที่มีการจราจรติดขัด

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยจึงเริ่มปรับตัว โดยมีความต้องการคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยวที่เน้นการใช้ประโยชน์พื้นที่สูงและสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะที่ครบครันเพิ่มมากขึ้น

แรงจูงใจเบื้องหลังการเลือก มากกว่าเรื่องเงิน

หากจะพูดถึงเหตุผลที่คู่รักเลือกเป็น DINK ปัจจัยทางเศรษฐกิจถือเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ต้นทุนการเลี้ยงดูบุตรที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งค่าที่อยู่อาศัย ค่าเล่าเรียน ค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายรายวัน โดยในสหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรอยู่ที่เฉลี่ย 29,419 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ถือเป็นปัจจัยยับยั้งที่สำคัญ

นอกจากเรื่องของค่าใช้จ่ายแล้ว คู่รัก DINK ยังใช้ข้อได้เปรียบทางการเงินของตนเพื่อบรรลุเป้าหมายส่วนบุคคลที่หลากหลาย เช่น การเกษียณอายุก่อนกำหนดตามแนวคิด FIRE (Financial Independence, Retire Early) การออมอย่างเข้มข้น การลงทุนเพื่อซื้อบ้าน การเดินทางท่องเที่ยวระยะยาว หรือการพัฒนาตนเองผ่านหลักสูตรต่าง ๆ

แต่เหนือไปกว่าเรื่องเงิน ความทะเยอทะยานในอาชีพคือปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่ง วิถีชีวิต DINK มอบอิสระสูงสุดในการดำเนินชีวิต โดยไม่มีข้อจำกัดด้านครอบครัวในการแสวงหาความทะเยอทะยานในอาชีพ ความยืดหยุ่นนี้อนุญาตให้คู่รักสามารถย้ายไปอยู่เมืองใหม่ เปลี่ยนอาชีพ หรืออุทิศเวลาให้กับงานที่ต้องการความทุ่มเทสูงได้อย่างเต็มที่

การตัดสินใจไม่มีบุตรมีผลกระทบที่สำคัญอย่างยิ่งต่อเส้นทางอาชีพของผู้หญิง โดย 68% ของผู้หญิง DINK ในประเทศต่าง ๆ อาทิ อินเดีย จีน และสหรัฐอเมริกา รายงานว่ามีความพึงพอใจในอาชีพ “สูงขึ้นมาก” เนื่องจากไม่จำเป็นต้องหยุดชะงักหรือจำกัดความทะเยอทะยานเพื่อการเป็นมารดา สำหรับผู้ชาย สถานะ DINK มักจะสัมพันธ์กับความยืดหยุ่นในการทำงานที่มากขึ้น การเป็นผู้ประกอบการ และความเต็มใจที่จะย้ายที่อยู่หรือยอมรับความเสี่ยงทางอาชีพที่สำคัญ

คุณภาพชีวิตที่แตกต่าง มีเวลาสำหรับตนเองและคู่ครอง

ข้อมูลทางจิตวิทยาชี้ให้เห็นถึงผลประโยชน์ที่น่าสนใจ กลุ่ม DINK รายงานว่ามีคะแนนความเครียดที่รับรู้ต่ำกว่าและคะแนนความพึงพอใจในชีวิตสูงกว่าอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงวัยกลางคนตอนต้น อายุ 28-50 ปี คู่รัก DINK ได้รับประโยชน์จากการมีเวลาและทรัพยากรมากขึ้นสำหรับกิจกรรมด้านสุขภาพส่วนตัวและงานอดิเรก

การศึกษาหนึ่งระบุว่าผู้ที่เลือกที่จะไม่มีบุตรมีแนวโน้มที่จะรายงานอาการวิตกกังวล ความเหนื่อยล้า หรือความไม่มีความสุขเรื้อรังน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญในช่วงอายุ 30-55 ปี

การขาดความรับผิดชอบในการเลี้ยงดูบุตรช่วยให้คู่รัก DINK สามารถให้ความสำคัญกับความผูกพันในความสัมพันธ์ได้อย่างเต็มที่ โดยจัดสรรเวลาคุณภาพให้กับคู่ครอง ซึ่งมักส่งผลให้ความสัมพันธ์แข็งแกร่งขึ้น มีความเชื่อมโยงที่ลึกซึ้ง และมีอิสระในการเลือกวิถีชีวิตร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลยังชี้ให้เห็นว่า 32% ของ DINK ใช้บริการด้านสุขภาพจิตอย่างสม่ำเสมอ เทียบกับเพียง 17% ของผู้ปกครอง แสดงให้เห็นถึงความต้องการเฉพาะสำหรับบริการด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ที่มุ่งเน้นไปที่การจัดการความกดดันทางสังคมและการค้นหาความหมายในชีวิตนอกเหนือจากความเป็นพ่อแม่

รูปแบบการบริโภคที่แตกต่าง จากสัตว์เลี้ยงสู่การท่องเที่ยว

เนื่องจากมีรายได้ใช้จ่ายตามอัธยาศัยสูง กลุ่ม DINK จึงเป็นเป้าหมายหลักสำหรับการตลาดสินค้าฟุ่มเฟือย บริการการลงทุน และการท่องเที่ยว การใช้จ่ายของพวกเขาจะเน้นไปที่ประสบการณ์และการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคู่รัก

ที่น่าสนใจคือการเกิดขึ้นของกลุ่มย่อยที่เรียกว่า DINKWAD (Dual Income, No Kids, With A Dog) หรือคู่รักที่เลือกที่จะเลี้ยงสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ แทนการมีบุตร และให้ความสำคัญกับการดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนเป็นบุตร โดยเรียกสัตว์เลี้ยงของตนว่า “ลูกรักขนปุย”

คู่รักกลุ่ม DINKWAD ลงทุนอย่างหนักในการดูแลสัตว์เลี้ยง โดยซื้ออาหารพรีเมียม อุปกรณ์เสริมที่มีสไตล์ และการเดินทางที่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าร่วมได้ ความมุ่งมั่นทางการเงินต่อสัตว์เลี้ยงสะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบการใช้จ่ายที่ใกล้เคียงกับการเลี้ยงดูบุตร โดย DINKWAD ใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 1,906 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีสำหรับสัตว์เลี้ยง และให้ความสำคัญกับการประกันภัยสัตว์เลี้ยงเพื่อจัดการค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสุขภาพของสัตว์เลี้ยง

นอกจากนี้ คู่รัก DINK ยังมักเดินทางบ่อยและนานขึ้น เนื่องจากไม่มีข้อจำกัดด้านการศึกษาหรือความต้องการทางสังคมของบุตร ในแง่ของการจัดทำงบประมาณ การวางแผนทางการเงินสำหรับ DINK แนะนำให้จัดสรร 20% ของงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายด้านไลฟ์สไตล์ อาทิ การรับประทานอาหารนอกบ้าน ความบันเทิง และการเดินทาง ขณะที่จัดสรร 30% สำหรับการลงทุนและการสร้างความมั่งคั่ง

ความขัดแย้งที่น่าสนใจ รายได้สูงแต่วินัยทางการเงินยังไม่เพียงพอ

แม้ว่ากลุ่ม DINK จะมีรายได้สูงและความยืดหยุ่นทางการเงิน แต่การศึกษาหลายชิ้นพบความขัดแย้งที่น่าสนใจ จากข้อมูลในสหรัฐอเมริกา แม้ว่า DINK จะมีรายได้สูงกว่า แต่พวกเขามีความมั่งคั่งเฉลี่ยที่ต่ำกว่าคู่รักที่มีบุตร โดย DINK มีความมั่งคั่งเฉลี่ย 214,700 ดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับ 361,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับคู่รักที่มีบุตร

นอกจากนี้ อัตราการเป็นเจ้าของบ้านของ DINK อยู่ที่ 71% ซึ่งต่ำกว่าคู่รักที่มีบุตรที่อยู่ที่ 79% สิ่งนี้บ่งชี้ว่า DINK อาจจัดลำดับความสำคัญของสภาพคล่องทางการเงินและความยืดหยุ่นในการลงทุนเหนือการผูกมัดเงินทุนกับสินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ที่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่าย

กรณีศึกษาที่น่าสนใจมาจากสิงคโปร์ ผ่านรายงาน OCBC Financial Wellness Index 2024 ซึ่งพบว่ากลุ่ม DINK มีผลการดำเนินงานต่ำกว่ากลุ่มผู้ปกครองในหลายตัวชี้วัดทางการเงินระยะยาว ข้อมูลชี้ชัดว่า 58% ของคู่รัก DINK ในสิงคโปร์ยังไม่ได้เริ่มวางแผนเกษียณอายุ โดย 55% ของกลุ่มที่ยังไม่เริ่มไม่มีเจตนาที่จะเริ่มภายในปีหน้า

ที่น่าวิตกยิ่งกว่านั้นคือ 85% ของ DINK ประเมินความต้องการทางการเงินสำหรับการเกษียณอายุต่ำเกินไป นอกจากนี้ เพียง 39% เท่านั้นที่ทบทวนแผนการเงินประจำปี เทียบกับ 50% ของผู้ปกครอง และมีเพียง 21% ที่ขอคำแนะนำทางการเงินจากผู้เชี่ยวชาญ เทียบกับ 32% ของผู้ปกครอง

ความบกพร่องที่สำคัญที่สุดคือเรื่องการจัดเตรียมการส่งต่อทรัพย์สินเมื่อเสียชีวิต เช่น พินัยกรรมหรือทรัสต์ โดยมีเพียง 57% ของ DINK ที่จัดเตรียมไว้ เทียบกับ 82% ของผู้ปกครอง ซึ่งเป็นช่องโหว่ทางกฎหมายที่สำคัญต่อการโอนสินทรัพย์และการตัดสินใจในวาระสุดท้ายของชีวิต

ความท้าทายเฉพาะ การวางแผนผู้สูงอายุโดยไม่มีบุตรคอยดูแล

ประเด็นสำคัญที่กลุ่ม DINK ต้องเผชิญคือการวางแผนการดูแลในวัยสูงอายุ ในโครงสร้างครอบครัวแบบดั้งเดิม บุตรจะเป็นศูนย์กลางของแผนการดูแลระยะยาว และการตัดสินใจในวาระสุดท้ายของชีวิต การที่กลุ่ม DINK ไม่มีบุตรวัยผู้ใหญ่คอยทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนและผู้ประสานงานดูแลสุขภาพ ทำให้เกิดภาวะ “สุญญากาศผู้ดูแล” ที่อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในอนาคต

ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงินชี้ให้เห็นว่า การวางแผนทางการเงินสำหรับ DINK จึงต้องรวมถึงการเตรียมเงินทุนไว้สำหรับการซื้อบริการดูแล ผู้สนับสนุน และการกำกับดูแลทางการเงินอย่างมืออาชีพอย่างชัดเจน ซึ่งแตกต่างจากการพึ่งพาบริการฟรีจากครอบครัว

โครงสร้างทางกฎหมายเฉพาะทางเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ DINK เพื่อบรรเทาความเสี่ยงจากการหาประโยชน์ทางการเงินและการทุพพลภาพ เครื่องมือที่สำคัญได้แก่ หนังสือมอบอำนาจถาวร และ Living Trusts เพื่อแต่งตั้งตัวแทนและผู้ดูแลผลประโยชน์สืบทอด นอกจากนี้ คู่รัก DINK ยังต้องสร้างความสัมพันธ์กับผู้จัดการดูแลผลประโยชน์และผู้จัดการดูแลมืออาชีพ เพื่อจัดการการตัดสินใจด้านสุขภาพและการเงินในช่วงที่ความสามารถทางสติปัญญาลดลง โดยต้นทุนของการจ้างบริการเหล่านี้ต้องถูกคำนวณรวมอยู่ในเป้าหมายการเกษียณอายุ

สำหรับคู่รัก DINK ที่เป็นชาวต่างชาติที่เกษียณอายุหรือพำนักอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ต้องจัดการกับความซับซ้อนของการวางแผนสืบทอดมรดกข้ามประเทศ เนื่องจากสินทรัพย์มักจะถูกถือครองในหลายเขตอำนาจศาล จำเป็นต้องมีการดำเนินการทางกฎหมาย เช่น การทำพินัยกรรมไทยที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือการจัดตั้ง Living Trusts เพื่อจัดการสินทรัพย์ที่อยู่ต่างประเทศ

แรงกดดันทางสังคม การต่อสู้กับคำว่า “เห็นแก่ตัว”

แม้ว่ากลุ่ม DINK จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่พวกเขาก็ยังต้องเผชิญกับการตีตราทางสังคมที่รุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย การแสดงออกถึงวิถีชีวิตที่หรูหราและสะดวกสบาย เช่น การโพสต์เรื่อง “เราได้นอนหลับเต็มอิ่ม 8 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น” หรือ “บ้านของเราสะอาดและเงียบสงบ” ได้ก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านทางออนไลน์อย่างรุนแรง โดยคู่รัก DINK มักถูกกล่าวหาว่าเป็น “คนเห็นแก่ตัว” และ “พวกวัตถุนิยม”

ในสังคมที่มีค่านิยมดั้งเดิม เช่น จีนและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลุ่ม DINK เผชิญกับการตีตราทางสังคมที่รุนแรงยิ่งขึ้น พวกเขามักถูกกล่าวหาว่าขาดความรับผิดชอบทางสังคม และถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับความปรารถนาที่จะมีคนดูแลในวัยชรา ในประเทศจีน แรงกดดันจากครอบครัวถือเป็นแหล่งของการตีตราที่ร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคาดหวังในการ “สืบสายตระกูล”

การตีตรานี้เป็นสาเหตุของความเครียดทางจิตวิทยาและความสับสนในอัตลักษณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงที่รู้สึกว่าถูกกำหนดโดยสิ่งที่ขาดไป อย่างไรก็ตาม นักวิจัยชี้ว่าการตัดสินใจนี้เป็นการเลือกความ “เห็นแก่ตัวที่ดีต่อสุขภาพ” ที่มุ่งเน้นการจัดลำดับความสำคัญของความเป็นอยู่ที่ดี ความสมดุลทางอารมณ์ และความสัมพันธ์ที่มีความหมาย

การวิพากษ์วิจารณ์และการถูกตีตราทางสังคมอย่างรุนแรงนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเสียงวิจารณ์ แต่เป็นเครื่องยืนยันถึงความท้าทายที่วิถีชีวิต DINK มีต่อบรรทัดฐานทางสังคมที่ยึดถือมายาวนาน ทั้งในโลกตะวันตกและเอเชีย ปฏิกิริยาของสาธารณชนตอกย้ำถึงลักษณะการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของกลุ่มประชากรนี้

ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กระแสที่ไม่อาจหยุดยั้ง

ปรากฏการณ์ DINK เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอัตราการเจริญพันธุ์ที่ลดลงในหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย การเข้าถึงการศึกษาระดับสูง โอกาสทางอาชีพ และความเป็นอิสระทางการเงินที่เพิ่มขึ้นได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างครอบครัวแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิง

ในอินโดนีเซียและมาเลเซีย ปัจจัยทางการเงินเป็นเหตุผลหลักที่คู่รักเลือกวิถีชีวิตที่ไม่มีบุตร เนื่องจากต้นทุนค่าครองชีพและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นทำให้ค่าใช้จ่ายแซงหน้าการเพิ่มขึ้นของรายได้ การเติบโตของกลุ่ม DINK ในภูมิภาคนี้กำลังเปลี่ยนแปลงความต้องการของตลาดอสังหาริมทรัพย์ และสร้างความต้องการบริการผู้ดูแลผลประโยชน์เฉพาะทางสำหรับผู้สูงอายุ

สำหรับประเทศไทย การที่สังคมไทยมีความคาดหวังดั้งเดิมว่าบุตรจะเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุ ทำให้ DINK ในประเทศไทยต้องดำเนินการล่วงหน้าอย่างยิ่งยวดในการจัดตั้งโครงสร้างการสนับสนุนทางการเงินและสุขภาพที่ถูกกฎหมาย เพื่อให้แน่ใจว่าความต้องการของพวกเขาจะได้รับการดูแลโดยไม่มีการแทรกแซงจากครอบครัว

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาด โอกาสและความท้าทาย

การเติบโตของกลุ่ม DINK กำลังสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในหลายอุตสาหกรรม สถาบันการเงินกำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เน้นการเติบโตสูงและมีความหลากหลายทั่วโลก เพื่อรองรับเป้าหมายการเกษียณอายุก่อนกำหนดของ DINK ธุรกิจท่องเที่ยวกำลังปรับตัวเพื่อรองรับคู่รักที่ต้องการประสบการณ์การเดินทางระยะยาวและมีคุณภาพสูง

ตลาดสัตว์เลี้ยงกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่ม DINKWAD โดยมีการพัฒนาบริการสัตว์เลี้ยงเฉพาะทาง การเงินเพื่อสุขภาพสัตว์เลี้ยง และบริการด้านโลจิสติกส์การเดินทางที่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าร่วมได้

อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังปรับกลยุทธ์การตลาด โดยมุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพในการประหยัดเวลา สิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขภาพแบบครบวงจร และความใกล้ชิดกับศูนย์กลางทางอาชีพ เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดลำดับความสำคัญของ DINK ในด้านอาชีพและเวลาพักผ่อน

อย่างไรก็ตาม การเติบโตของกลุ่ม DINK ยังก่อให้เกิดความท้าทายระดับประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความยั่งยืนของกำลังแรงงานและอัตราการเจริญพันธุ์ที่ลดลง ผู้กำหนดนโยบายต้องยอมรับว่าแนวโน้ม DINK เป็นปฏิกิริยาต่อการขาดโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนการเป็นพ่อแม่

ข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญ การปรับตัวสู่อนาคต

ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงินแนะนำว่า คู่รัก DINK ควรให้ความสำคัญกับการควบคุมภาวะเงินเฟ้อทางวิถีชีวิต โดยการใช้โปรแกรมการออมอัตโนมัติที่เข้มงวด ซึ่งจะดักจับเปอร์เซ็นต์ที่สูงของการเพิ่มขึ้นของเงินเดือน เช่น 30% ของรายได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายตามอัธยาศัยที่มากเกินไป

การวางแผนการเกษียณอายุสำหรับ DINK ควรรวมบริการผู้ดูแลผลประโยชน์มืออาชีพและผู้จัดการดูแลผู้สูงอายุไว้เป็นส่วนหนึ่งของแผน โดยมีการประมาณการและจัดสรรงบประมาณสำหรับต้นทุนการดูแลระยะยาวเหล่านี้อย่างชัดเจน เพื่อจัดการกับภาวะสุญญากาศผู้ดูแล

สำหรับผู้กำหนดนโยบาย จำเป็นต้องมีการลงทุนครั้งใหญ่ในมาตรการต่าง ๆ เช่น การลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรที่เท่าเทียมกัน การดูแลบุตรที่มีคุณภาพและราคาไม่แพง และการจัดเตรียมงานที่ยืดหยุ่น เพื่อรักษาอัตราการเจริญพันธุ์และขนาดของกำลังแรงงาน

รัฐบาลต้องเตรียมพร้อมสำหรับประชากรสูงวัยที่มีฐานะดี ซึ่งจะพึ่งพาบริการดูแลมืออาชีพอย่างมากแทนที่จะพึ่งพาครอบครัว สิ่งนี้เรียกร้องให้มีการขยายและควบคุมภาคการดูแลผู้สูงอายุ ผู้จัดการดูแลผลประโยชน์ และบริการดูแลสุขภาพระยะยาว

นโยบายสาธารณะและการนำเสนอของสื่อควรมุ่งเน้นการทำให้วิถีชีวิตที่หลากหลายเป็นที่ยอมรับ เพื่อลดการตีตราทางสังคมที่ก่อให้เกิดความเครียดและความวิตกกังวลในหมู่บุคคลที่เลือกที่จะไม่มีบุตร

การยอมรับความหลากหลายทางเลือกชีวิต

ปรากฏการณ์ DINK ไม่ใช่แค่แฟชั่นหรือกระแสชั่วครั้งชั่วคราว แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่สะท้อนถึงวิวัฒนาการของสังคมสมัยใหม่ ซึ่งผู้คนมีอิสระมากขึ้นในการเลือกวิถีชีวิตที่สอดคล้องกับคุณค่าและเป้าหมายส่วนบุคคลของตน

แม้ว่ากลุ่ม DINK จะเผชิญกับความท้าทายทั้งจากการตีตราทางสังคมและความซับซ้อนในการวางแผนทางการเงินระยะยาว แต่พวกเขาก็กำลังเปิดทางสำหรับการยอมรับความหลากหลายทางเลือกชีวิตมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในประเทศไทย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือทั่วโลก

สิ่งสำคัญคือสังคมต้องเรียนรู้ที่จะเคารพและยอมรับทางเลือกที่แตกต่าง พร้อมกับสร้างระบบสนับสนุนที่เหมาะสมสำหรับทั้งผู้ที่เลือกมีบุตรและผู้ที่เลือกไม่มีบุตร เพื่อให้ทุกคนสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สังคมได้อย่างเต็มศักยภาพ

การเติบโตของกลุ่ม DINK เป็นสัญญาณบอกเหตุที่สำคัญสำหรับภาครัฐ ภาคเอกชน และสังคมโดยรวม ที่ต้องปรับตัวและพัฒนานโยบาย ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปของประชากร ในขณะเดียวกันก็ต้องรักษาสมดุลระหว่างเสรีภาพส่วนบุคคลและความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม

อนาคตของสังคมไม่ได้ขึ้นอยู่กับการบังคับให้ทุกคนเลือกเส้นทางเดียวกัน แต่อยู่ที่การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้ทุกคนสามารถเลือกเส้นทางที่เหมาะสมกับตนเองได้ พร้อมกับได้รับการสนับสนุนและความเคารพจากสังคม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • เขียนโดย : กันณพงศ์ ก.บัวเกษร
  • เรียบเรียงโดย : มนรัตน์ ก.บัวเกษร
  • รายงาน “การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ด้านประชากรศาสตร์ พลวัตทางการเงิน และช่องโหว่ทางการตลาดในศตวรรษที่ 21: กลุ่มประชากร DINK (Dual Income, No Kids)”
  • OCBC Financial Wellness Index 2024 – การศึกษาเปรียบเทียบพฤติกรรมทางการเงินของกลุ่ม DINK และผู้ปกครองในสิงคโปร์
  • สำนักสถิติแรงงานสหรัฐอเมริกา (U.S. Bureau of Labor Statistics) – ข้อมูลสถิติครัวเรือน DINK ในสหรัฐอเมริกา ปี 2013-2025
  • การศึกษาเรื่อง “DINK Lifestyle in Southeast Asia: Demographic Shifts and Real Estate Market Implications” – การวิเคราะห์พฤติกรรมการเลือกที่อยู่อาศัยของกลุ่ม DINK ในประเทศไทย
  • งานวิจัย “Childless by Choice: Psychological Well-being and Life Satisfaction Across Cultures” – การศึกษาเปรียบเทียบคุณภาพชีวิตและความพึงพอใจของกลุ่ม DINK ในหลายประเทศ
  • American Pet Products Association (APPA) – สถิติการใช้จ่ายของกลุ่ม DINKWAD สำหรับสัตว์เลี้ยง
  • รายงาน “Financial Independence, Retire Early (FIRE) Movement: Analysis of DINK Participation and Saving Patterns”
  • การศึกษา “Social Stigma and Mental Health Challenges Faced by Childfree Individuals in Traditional Asian Societies”
  • งานวิจัย “Long-Term Care Planning for Childless Elderly: The Growing Need for Professional Fiduciary Services”
  • รายงานประชากรศาสตร์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ – แนวโน้มอัตราการเจริญพันธุ์และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครอบครัว
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News