ซื้อหนี้เสีย: ‘ทักษิณ’ ชูแนวคิดใหม่, ‘ศิริกัญญา’ เตือนผลกระทบ”

กรุงเทพฯ, 19 มีนาคม 2568 – รองหัวหน้าพรรคประชาชน ตั้งคำถามโครงการซื้อหนี้ หวั่นกระทบความน่าเชื่อถือของรัฐบาล

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงแนวคิดของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เสนอให้รัฐบาลรับซื้อหนี้เสียจากประชาชน โดยยืนยันว่าจะไม่ใช้เงินจากภาครัฐ ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่ารัฐบาลจะใช้เงินจากแหล่งใด

ข้อกังวลเกี่ยวกับแนวทางการจัดการหนี้

น.ส.ศิริกัญญา ระบุว่า รูปแบบการระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้นั้นมีทั้งกรณีที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลว ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย พร้อมตั้งคำถามว่าการซื้อหนี้เสียจากธนาคารพาณิชย์จะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุดหรือไม่ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์อาจได้รับประโยชน์สูงสุดจากโครงการนี้ ในขณะที่ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมยังต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบ

นอกจากนี้ แนวคิดเรื่อง การนำลูกหนี้ออกจากเครดิตบูโร ก็อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการเข้าถึงสินเชื่อในอนาคต หากไม่มีข้อมูลทางเครดิตของประชาชนเลย อาจทำให้การกู้เงินใหม่เป็นไปได้ยากขึ้น เธอเสนอว่า ควรมีแนวทางเปลี่ยนสถานะลูกหนี้เป็น ลูกหนี้ประวัติดี” มากกว่าการลบประวัติทั้งหมด

เปรียบเทียบกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

น.ส.ศิริกัญญา ยังตั้งข้อสังเกตว่า แผนการซื้อหนี้ประชาชนอาจซ้ำรอยปัญหาของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่ยังไม่มีแนวทางชัดเจนจากกระทรวงการคลัง และเคยเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการหลายครั้ง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและตลาดการเงิน

การที่ยังไม่มีแผนการที่ชัดเจน อาจเป็นการพูดเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน แต่หากทำไม่ได้จริงก็อาจส่งผลเสียหายต่อความน่าเชื่อถือของรัฐบาล” น.ส.ศิริกัญญากล่าว

งบประมาณที่ต้องใช้และศักยภาพของภาคเอกชน

แนวคิดของนายทักษิณ ระบุว่าจะซื้อหนี้เสียทั้งหมดจากธนาคารพาณิชย์ ซึ่งหนี้เสีย (NPL) มีมูลค่ารวมกว่า 1.2 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน บริษัทบริหารสินทรัพย์ในประเทศไทย 87 แห่ง จัดการหนี้เสียรวมเพียง 3 แสนล้านบาท เท่านั้น หากต้องการซื้อหนี้ทั้งหมด ต้องใช้เงินไม่น้อยกว่า 3-5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณที่สูงมาก

น.ส.ศิริกัญญา ยังระบุว่า รัฐบาลต้องมีความชัดเจนเกี่ยวกับแหล่งเงินทุนที่ใช้ และตั้งคำถามว่า หากไม่มีเงินจากภาครัฐ เงินจะมาจากไหน และใครจะเป็นผู้บริหารหนี้เหล่านี้

ท่าทีของกระทรวงการคลัง

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงแนวคิดนี้ว่า การปรับโครงสร้างหนี้สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การยืดระยะเวลาชำระหนี้และลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นมาตรการที่สถาบันการเงินเคยดำเนินการมาก่อน

แนวทางหนึ่งที่อาจนำมาใช้คือ การตั้งหน่วยงานบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ โดยทำงานร่วมกับสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นเจ้าของหนี้ ในขณะที่ภาครัฐจะมีบทบาทช่วยกำกับดูแล อย่างไรก็ตาม รายละเอียดการดำเนินงานยังอยู่ระหว่างการพิจารณา

เราต้องดูข้อมูลทั้งหมดก่อน และจะหารือกับสมาคมธนาคารไทยเกี่ยวกับแนวทางที่เหมาะสม” นายพิชัยกล่าว

ทักษิณ ชินวัตร ยืนยันแนวคิดช่วยเหลือประชาชน

นายทักษิณ ชินวัตร กล่าวบนเวทีปราศรัยที่จังหวัดพิษณุโลก ยืนยันว่าแผนการซื้อหนี้เป็นนโยบายที่คิดร่วมกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมุ่งหวังให้ประชาชนสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ โดยไม่ต้องใช้เงินจากภาครัฐ แต่จะเป็นการให้ภาคเอกชนลงทุนแทน

สถิติที่เกี่ยวข้องกับปัญหาหนี้ครัวเรือน

ข้อมูลจาก TTB Analytics ปี 2567 ระบุว่า:

  • หนี้ครัวเรือนไทยมีมูลค่ารวม 16.3 ล้านล้านบาท ณ ไตรมาส 3 ปี 2567
  • บัญชีลูกหนี้ที่ไม่สามารถระบุตัวตน (Anonymous Account) มากกว่า 84 ล้านบัญชี มีหนี้คงค้างกว่า 13.6 ล้านล้านบาท
  • หนี้เสีย (NPL) ที่อยู่ในระบบมีมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านบาท

สรุป

แนวคิดการซื้อหนี้ของประชาชนจากธนาคารพาณิชย์ที่เสนอโดย นายทักษิณ ชินวัตร กำลังเป็นประเด็นถกเถียงในแวดวงการเมืองและเศรษฐกิจ โดย ฝ่ายสนับสนุนมองว่าเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่มีภาระหนี้สินหนัก ในขณะที่ฝ่ายคัดค้านกังวลว่า อาจเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด และเพิ่มภาระทางการเงินโดยไม่แน่ชัดว่าเงินทุนจะมาจากแหล่งใด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : TTB Analytics, 2567 / กระทรวงการคลัง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News