
เชียงราย, 8 เมษายน 2568 – คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการแก้ไขกฎกระทรวงสำคัญเพื่อควบคุมผู้ประกอบการงานก่อสร้างที่กระทำผิดอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะกรณีประมาทเลินเล่อจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยเป็นมาตรการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการก่อสร้าง และสร้างกลไกตรวจสอบการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการให้เข้มข้นยิ่งขึ้น
ยกระดับคุณภาพผู้ประกอบการก่อสร้างไทย
ตามรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 ได้มีมติอนุมัติร่างกฎกระทรวงที่เสนอโดยกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงว่าด้วยเกณฑ์การขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการงานก่อสร้างจากฉบับเดิม พ.ศ. 2560 ให้ทันต่อสถานการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้นจริง
สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ คือการเพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรอง ตรวจสอบ และควบคุมผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกับภาครัฐ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
เหตุผลของการแก้ไขกฎกระทรวง
สาเหตุหลักของการเสนอแก้ไขครั้งนี้ มาจากกรณีอุบัติเหตุในพื้นที่โครงการก่อสร้างที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากความประมาทในการทำงาน การใช้วัสดุไม่ได้มาตรฐาน และการขาดความรับผิดชอบต่อสังคมในกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝัน
หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องหลายแห่ง รวมถึงกรมบัญชีกลาง ได้รายงานว่ามีผู้ประกอบการบางรายที่มีพฤติกรรมเสี่ยงซ้ำซาก ไม่ปรับปรุงมาตรฐานการทำงาน และยังคงได้รับงานกับหน่วยงานรัฐอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากข้อกฎหมายเดิมไม่มีบทลงโทษที่เข้มงวดเพียงพอ
ประเด็นหลักในร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่
การปรับปรุงกฎกระทรวงครั้งนี้แบ่งออกเป็น 4 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
ผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนแล้วจะต้องได้รับการตรวจติดตามคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามอย่างต่อเนื่อง จากเดิมทุก 2 ปี เปลี่ยนเป็นทุก 3 ปี โดยมีกรมบัญชีกลางเป็นผู้รับผิดชอบหลัก
กรณีที่ผู้ประกอบการถูกปรับลดระดับชั้นถึง 3 ครั้งภายใน 2 ปี เนื่องจากกระทำผิดซ้ำซาก หรือมีพฤติกรรมประมาทร้ายแรง เช่น ทำให้เกิดการเสียชีวิตจากการก่อสร้าง จะถูกเพิกถอนใบทะเบียนทันที และสามารถยื่นขอขึ้นทะเบียนใหม่ได้หลังจากครบกำหนด 2 ปี
ในกรณีที่มีการปลอมแปลงเอกสาร หรือกระทำการทุจริตในการยื่นขอขึ้นทะเบียนหรือเลื่อนชั้น จะถูกระงับสิทธิการขึ้นทะเบียนใหม่เป็นเวลา 10 ปี
ค่าธรรมเนียมสำหรับการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการถูกปรับขึ้นเพื่อสะท้อนต้นทุนการตรวจสอบที่แท้จริง เช่น ค่าธรรมเนียมการขึ้นทะเบียนเริ่มต้นจาก 3,000 บาท และเพิ่มขั้นบันไดตามระดับชั้นไปจนถึง 9,000 บาท สำหรับชั้นพิเศษ นอกจากนี้ ยังมีค่าธรรมเนียมใหม่สำหรับการตรวจสอบเครื่องจักรและอุปกรณ์ในอัตรา 5,000 บาทต่อครั้ง
กรณีที่เกิดอุบัติเหตุจนมีผู้เสียชีวิตจากความประมาทของผู้ประกอบการ จะถูกปรับลดระดับชั้นลง 1 ชั้นเป็นเวลา 12 เดือน หากมีผู้บาดเจ็บสาหัส ระยะเวลาจะลดลงเหลือ 6 เดือน
นอกจากนี้ หากมีการทำงานล่าช้าจากที่กำหนด จะถูกปรับลดระดับชั้นลงเช่นกัน โดยมีระยะเวลาในการพักสถานะ 3 เดือน
เสียงสะท้อนจากภาคธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญ
หลายฝ่ายในแวดวงอุตสาหกรรมก่อสร้างมองว่ามาตรการนี้เป็นสิ่งที่จำเป็น แม้จะเพิ่มต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ แต่ก็จะช่วยให้เกิดการแข่งขันด้วยมาตรฐานที่ดีขึ้น
นายกฤษฎา ทรงศักดิ์ ประธานสมาคมวิศวกรรมโครงสร้างไทย ให้ความเห็นว่า “การมีบทลงโทษที่ชัดเจนจะทำให้ผู้ประกอบการตื่นตัวมากขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อทั้งภาครัฐและประชาชนในระยะยาว”
ด้านผู้ประกอบการขนาดกลางรายหนึ่งในจังหวัดเชียงรายกล่าวว่า “แม้ต้องเสียค่าธรรมเนียมมากขึ้น แต่หากแลกกับความเชื่อมั่นจากลูกค้าและการรับงานจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ก็ถือว่าคุ้มค่า”
วิเคราะห์ผลกระทบและแนวโน้มในอนาคต
การออกกฎกระทรวงฉบับนี้สะท้อนความพยายามของภาครัฐในการจัดระเบียบวงการก่อสร้างไทยให้มีมาตรฐานที่ปลอดภัย และมีธรรมาภิบาลมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลในเรื่องของการตรวจสอบที่อาจเพิ่มภาระงานให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากไม่มีการเสริมกำลังบุคลากร อาจทำให้การบังคับใช้ล่าช้า และไม่ครอบคลุมตามเป้าหมาย
ในอนาคต ควรมีระบบรายงานผลการตรวจสอบต่อสาธารณะ เพื่อสร้างความโปร่งใส และเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้ามามีบทบาทในการตรวจสอบผู้ประกอบการที่มีพฤติกรรมเสี่ยง
สถิติที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าว
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.