
สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) จับมือกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เปิดเวิร์กช็อป One Day Training หัวข้อ “AI NEWSROOM Revolution” เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2568 ที่สถาบันการเรียนรู้ KH Academy วางภาพรวมการเปลี่ยนผ่านสู่ “ห้องข่าวอัตโนมัติ” ด้วย AI Agents และระบบ Workflow Automation ครบวงจร ตั้งแต่คิด ผลิต ตัดต่อ เผยแพร่ ประเมินผล พร้อมย้ำหลักการ “มนุษย์อยู่ในวงจร (human-in-the-loop)” เพื่อยกมาตรฐานความถูกต้องและจริยธรรมสื่อ ท่ามกลางพฤติกรรมรับข่าวบนแพลตฟอร์มสั้นที่เติบโตแรง โดยข้อมูลที่นำเสนอในงานชี้ว่า ผู้ใช้ TikTok ในไทยแตะ 72 ล้านคน เฉลี่ยรับชม 300 คลิป/วัน หรือราว 110 นาที สะท้อนความท้าทายด้านคุณภาพคอนเทนต์ ความเร็ว และความน่าเชื่อถือที่ห้องข่าวต้องรับมือ
วิเคราะห์ฉากทัศน์ AI เปลี่ยน “วิธีทำงานข่าว” มากกว่าจะ “แทนที่นักข่าว”
สถานการณ์สื่อไทยกำลังเผชิญแรงกดดันสองด้านพร้อมกัน ด้านหนึ่งคือแรงเสียดทานเชิงธุรกิจ รายได้โฆษณากระจายไปยังแพลตฟอร์ม ด้านหนึ่งคือแรงกดดันเชิงเทคโนโลยี วงจรการบริโภคข่าวเร็วขึ้น แตกย่อยเป็นวิดีโอสั้น อินโฟกราฟิก และสเตตัสความยาวไม่กี่บรรทัด ในบริบทนี้ “AI” ไม่ได้จบแค่การช่วยเขียนร่างข่าว แต่กำลังก้าวสู่ AI Agents ที่ทำงาน อัตโนมัติเต็มกระบวนการ (จากการคิดหัวข้อจนถึงโพสต์เผยแพร่และเก็บข้อมูลวิเคราะห์) ซึ่งกระทบโดยตรงต่อโครงสร้างงานในห้องข่าว ตั้งแต่เดสก์ข่าวจนถึงทีมดิจิทัลและทีมพาณิชย์
การอบรม “AI NEWSROOM Revolution” ครั้งนี้จึงถูกออกแบบให้เป็น “สะพาน” ระหว่างทฤษฎีกับการใช้งานจริง โดยเน้นการตั้ง “เวิร์กโฟลว์ที่จับต้องได้” เพื่อให้สำนักข่าวขนาดเล็กถึงกลางเริ่มต้นได้ทันที โดยลดต้นทุนการลองผิดลองถูก และ “ล็อกความเสี่ยง” เชิงจริยธรรมด้วยแนวปฏิบัติที่ชัดเจน
ไทม์ไลน์และสาระกิจกรรม หนึ่งวัน ครบทุกจุดสัมผัสงานข่าว
17 พฤศจิกายน 2568 (เชียงราย รายงาน) ณ KH Academy
เสียงจากเวที “AI จะเป็นแรงขับ ไม่ใช่คู่แข่งของนักข่าว”
คุณนันทสิทธิ์ นิตย์เมธา นายกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) สะท้อนความกังวลและความหวังของวงการสื่อว่า
“เราต้องยอมรับว่า AI กำลังมาแรง บางคนตั้งคำถามว่านักข่าวจะตกงานหรือไม่ แต่แท้จริงแล้ว AI จะเข้ามาช่วยทำให้เราทำงานได้สะดวกขึ้นอย่างมหาศาล… ผมคิดว่าก้าวต่อไปหลังจากนี้จนถึงปี 2572 วงการสื่อจะเข้าสู่ความท้าทายครั้งใหม่ โดยที่ AI จะเข้ามาเป็นกำลังสำคัญในการช่วยทำคอนเทนต์ในวงการสื่ออย่างแท้จริง”
ขณะที่ คุณก้าวโรจน์ สุตาภักดี ที่ปรึกษา SONP และ TNN Digital Media & AI ชี้ให้เห็นทิศทางเครื่องมือว่า
“วันนี้เราเข้าสู่ยุค AI Agents ที่ทำงานอัตโนมัติครบวงจร ตั้งแต่คิดคอนเทนต์ ผลิตงาน ตัดต่อ โพสต์ ไปจนถึงเก็บข้อมูลวิเคราะห์… แนวทางเริ่มต้นที่ใช้ได้จริงคือเริ่มจากงานเล็ก ๆ ที่ทำเป็นประจำ และเชื่อมต่อเป็น Full Workflow Automation โดยใช้เครื่องมืออย่าง AI Agent และ n8n เป็นต้นแบบ”
ทั้งสองมุมมองสอดคล้องกันว่า “AI ที่ใช่” ต้อง ลดภาระงานรูทีน เพื่อให้ทีมข่าวหันไปทุ่มกับงานสืบค้น สัมภาษณ์ ตีความ ตรวจสอบ ซึ่งเป็นคุณค่าแท้ของวิชาชีพสื่อ
จากคอนเซปต์สู่ของจริง แผนผัง “ห้องข่าวอัตโนมัติ” (Blueprint ที่เริ่มใช้งานได้)
1) การเฝ้าระวังประเด็น (Topic Intelligence)
2) การผลิตต้นฉบับ (Drafting & A/V Co-Creation)
3) การตัดต่อ ประกอบสื่อ (Packaging)
4) การกระจาย เผยแพร่ (Distribution)
5) การวัดผล เรียนรู้ (Analytics & Feedback Loop)
หลักการกำกับ (Guardrails)
ข้อมูลพฤติกรรมผู้ชม สั้น เร็ว แต่ต้องจริง โจทย์ใหญ่ของห้องข่าว
ในเวทีอบรมมีการอัปเดตว่า ผู้ใช้ TikTok ในไทย ~72 ล้านคน คิดเป็น 100% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต เฉลี่ยรับชมราว 300 คลิป/วัน ใช้เวลาประมาณ 110 นาที หมวดเนื้อหายอดนิยมคือ บันเทิง, อาหาร เครื่องดื่ม, ความงาม ดูแลตัวเอง ขณะที่เทรนด์การซื้อ เติบโตเด่นคือ สกินแคร์, เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์, รถยนต์
ความหมายต่อห้องข่าว คือ
สรุปเชิงกลยุทธ์: ความเร็วต้องมาพร้อมมาตรฐาน ความสั้นต้องมาพร้อมความหมาย AI จึงเป็น “เครื่องทุ่นแรง” เพื่อคืนเวลาให้ทีมข่าวไปทำหน้าที่หลัก คือค้นหาความจริงและเล่าเรื่องอย่างรับผิดชอบ
ประเด็นจริยธรรมและความเสี่ยง เร่งเครื่องได้ แต่ต้องมีเบรก
ผู้จัดย้ำ 4 เสาหลักเมื่อใช้ AI ในงานสื่อ
พร้อมกันนี้ เสนอให้ทุกสำนักข่าวจัดทำ AI Use Policy ภายใน แบ่งประเภทงานที่ “อนุญาต ต้องอนุมัติ ห้ามใช้” และจัดตั้ง AI Review Board ขนาดย่อม ทำหน้าที่กำกับดูแลกรณีถกเถียงเชิงจริยธรรม
โอกาสธุรกิจ ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ ขยายบริการ
เวิร์กช็อประบุประโยชน์ทางธุรกิจที่วัดผลได้ 3 มิติ
แผน 90–180 วัน สำหรับห้องข่าวที่อยากเริ่ม (Roadmap กะทัดรัด)
เฟส 1 (0–30 วัน): ตั้งฐาน
เฟส 2 (31–90 วัน): ทดลอง วัดผล
เฟส 3 (91–180 วัน): ขยายผล บูรณาการ
เสียงสะท้อนจากผู้เข้าร่วม “เครื่องมือดี มาตรฐานต้องดีกว่า”
ระหว่างการเวิร์กช็อป ผู้เข้าร่วมจำนวนมากตั้งคำถามเรื่อง “ขอบเขต” การใช้ AI เช่น กรณีข่าวอ่อนไหวต่อความรู้สึกสาธารณะ (อาชญากรรม/ความรุนแรง/ความเป็นส่วนตัว) ซึ่งวิทยากรเสนอให้กำหนด “รายการห้ามใช้ AI ร่างอัตโนมัติ” ไว้ล่วงหน้า และหากจำเป็นต้องใช้เพื่อช่วยโครงเรื่อง ก็ต้อง ห้ามเผยแพร่โดยไม่ผ่านบรรณาธิการ ทั้งนี้ “ร่องรอยการแก้ไข” ควรถูกเก็บเพื่อการตรวจสอบย้อนหลัง
บทสรุปเชิงนโยบายสาธารณะ เร่งยกระดับ “สมรรถนะดิจิทัลของสื่อ” เท่าทันบริบทสังคม
การอบรมครั้งนี้ไม่ได้มุ่งแค่เพิ่มทักษะเครื่องมือ แต่ชี้ให้เห็น “ความรับผิดชอบใหม่” ของวิชาชีพสื่อในสังคมที่ข่าวกระจายผ่านคลิปสั้นความเร็วสูง การตรวจสอบก่อนไวรัล จึงสำคัญยิ่งกว่าเดิม ขณะเดียวกัน สื่อท้องถิ่นและสื่ออิสระที่มีทรัพยากรจำกัดจะได้ประโยชน์เป็นพิเศษจาก Workflow ที่ลดงานซ้ำซ้อนลงอย่างมาก
หากหน่วยงานภาครัฐ องค์กรวิชาชีพ สถาบันการศึกษา ร่วมกันผลักดันโครงการลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง (เช่น โครงการ train-the-trainer, ทุนสนับสนุนแซนด์บ็อกซ์ AI ในห้องข่าวท้องถิ่น, และการสร้างฐานข้อมูลสาธารณะสำหรับตรวจสอบข้อเท็จจริง) จะช่วยให้ “มาตรฐานสื่อ” ยกระดับไปพร้อมกับ “ความเร็วของเทคโนโลยี” โดยไม่ทิ้งหลักจริยธรรม
ไม่ใช่ “AI จะมาแทนคนหรือไม่” แต่คือ “เราจะใช้ AI คืนเวลาให้คนทำข่าว ไปทำสิ่งที่ AI ยังทำไม่ได้ เข้าใจมนุษย์ สัมภาษณ์อย่างลึก และรับผิดชอบต่อสังคม” นั่นคือหัวใจของ AI NEWSROOM Revolution ที่ SONP ต้องการส่งต่อ
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by Nakorn Chiang Rai News Limited Partnership (L.P.). All Rights Reserved.