LINE FOOD TECH 2025 ชี้วิกฤตร้านอาหารไทย “ยอดขายตก ต้นทุนเพิ่ม ลูกค้าลด”  มัทฉะพุ่งแรง เป็น “เส้นชีพจร” ของตลาดเครื่องดื่ม — 4 ทางรอดสู่ปี 2026

กรุงเทพฯ, 21 ตุลาคม 2568 — เสียงบี๊ปจากเครื่องรับออเดอร์ที่เคยดังถี่ในชั่วโมงเที่ยง กลับเงียบลงกว่าที่เคย ขณะเดียวกันใบแจ้งหนี้ค่าวัตถุดิบและค่าแรงก็ขยับขึ้นทีละน้อย แต่รวมกันแล้วหนักหนาสาหัส นี่คือสภาพจริงที่ผู้ประกอบการร้านอาหารจำนวนมากเผชิญอยู่ และถูกถ่ายทอดอย่างตรงไปตรงมาในเวทีสัมมนา LINE FOOD TECH 2025 ของ LINE for Business เมื่อ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา — งานที่รวบรวมข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคและภาพรวมการค้าปลีกอาหารจากระบบนิเวศของแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อให้ผู้ประกอบการวางแผนรับปี 2569/2026

ภาพจำที่ชัดจากเวทีนี้คือ “สามแรงกดดัน” ที่หนีไม่พ้น เศรษฐกิจซบเซาและนักท่องเที่ยวบางกลุ่มหายไป, ต้นทุนดำเนินงานรวมพุ่งมากกว่า 25% โดยเฉพาะค่าวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น 25%, และสนามแข่งขันที่หนาแน่นตั้งแต่ร้านเชนต่างชาติจนถึงผู้เล่นออนไลน์ไร้หน้าร้าน ทั้งหมดนี้กำลังบีบกำไรของร้านอาหารให้บางลง จนเกิดปรากฏการณ์ที่ มากกว่า 50% ของร้านเปิดใหม่ต้องปิดในปีแรก” — ตัวเลขสะเทือนใจที่บอกชัดว่า “เปิดร้าน” ไม่ใช่เรื่องง่ายแม้ทำเลจะดีและเมนูจะโดน

เศรษฐกิจชะลอท่องเที่ยวเปลี่ยนทิศ เมื่อ “คนเดิน” น้อยลงกว่าเดิม

ข้อมูลจากเวทีระบุว่า แม้ไตรมาสแรกของปีจะดูสดใส แต่เข้าสู่ไตรมาส 2–3 จำนวน นักท่องเที่ยวต่างชาติ ในย่านหลักลดลงอย่างมีนัย สวนทางกับค่าใช้จ่ายคงที่ของร้านที่เพิ่มขึ้น ทำให้ ยอดขายหน้าร้าน (Offline Same Store Sale) ปี 2025 หดตัวถึง 14% (เทียบกับปี 2024 ที่หด 3%) ในขณะที่บิลเฉลี่ยก็ลดลงทั้งสองช่วงราคา — บิลต่ำกว่า 500 บาทลดลง 12% และบิลมากกว่า 500 บาทลดลง 14% สะท้อนพฤติกรรม “รัดเข็มขัด” ของผู้บริโภค

ภาพนี้ชัดขึ้นเมื่อมองระดับหมวด — ร้านอาหาร สตรีทฟู้ด เติบโต 4% ทวนกระแส เพราะตอบโจทย์ “อิ่มคุ้มในงบจำกัด” ขณะที่หมวดเมนูท็อปฮิตยังเป็นของคุ้นลิ้นอย่าง ไก่ทอด ซึ่งโต 18% และ “สุกี้” ที่พุ่งแรง 30% ในไตรมาสล่าสุด แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มหันหาเมนู “บ้านๆ แต่มั่นใจได้” และคุมงบได้ง่าย

ต้นทุน 25% ที่มองไม่เห็นแต่อยู่ทุกจาน

ในครัว ต้นทุนแทบทุกบรรทัดขยับขึ้นพร้อมกัน — วัตถุดิบหลักหลายรายการแพงขึ้น ราว 25%, ค่าแรงปรับขึ้นตามนโยบาย และค่าเช่าพื้นที่ที่ยืดหยุ่นน้อยในทำเลหลัก ผลคือ “ต้นทุนรวม” ของหนึ่งจานอาหารแพงขึ้นแม้พยายามตรึงราคา หน้าเคาน์เตอร์ลูกค้าอาจไม่ทันเห็น แต่ในสมุดบัญชีผู้ประกอบการเห็นทุกวัน ผู้เชี่ยวชาญบนเวทีจึงย้ำว่า ระบบอัตโนมัติ และ ข้อมูล คือกลไกลดรั่วไหลที่จับต้องได้จริง — ตั้งแต่การจัดตารางพนักงาน, การคุมสต๊อกและของเสีย (waste), จนถึงการคำนวณจุดสั่งซื้ออัตโนมัติ

สนามแข่งขันเดือด “เปิดง่าย–ปิดเร็ว” และการรุกของแบรนด์ต่างชาติ

ดัชนีอีกด้านคือ จำนวนบริษัทจดทะเบียนใหม่ในหมวดอาหาร ที่อยู่ใน Top 3 ของทุกอุตสาหกรรม สะท้อนว่าผู้เล่นใหม่ไหลเข้าสนามไม่หยุด ขณะเดียวกัน แบรนด์ต่างชาติ ทั้งไก่ทอด เบเกอรี่ และสตรีทฟู้ดระดับโลกเข้ามาจับจุดแข็งทำเลและการตลาดดิจิทัลอย่างเข้มข้น ผลคือร้านที่ “ไม่มีจุดต่าง” มักถูกบีบให้ออกจากตลาดเร็วขึ้น

บทเรียนเชิงตัวเลข ยอดขายหน้าร้านปี 2025 ลด 14% | ต้นทุนวัตถุดิบ +25% | บิลเฉลี่ยลด 12–14% | ร้านใหม่มากกว่า 50% ปิดภายในปีแรก

เสียงสะท้อนจาก “แก้ว” แทน “จาน” ตลาดเครื่องดื่มยังหายใจแรง — มัทฉะนำขบวน

ท่ามกลางความหนืดของตลาดอาหาร หมวดเครื่องดื่ม กลับงอกเงย โดยเฉพาะร้านกาแฟและชาเขียวที่พุ่งสวนทางกับร้านอาหารภาพรวม คีย์เวิร์ดของปีนี้คือ มัทฉะ” ซึ่ง ยอดขายเครื่องดื่มชาเขียวเติบโต 28% มูลค่ารวมแตะราว 1,160 ล้านบาท จำนวนร้านที่ขายเมนูชาเขียวเพิ่มจาก 9,600 เป็น 12,400 ร้าน และบนแพลตฟอร์มเดลิเวอรีมีการสั่ง “มัทฉะ” มากกว่า 5 ล้านแก้ว ในครึ่งปีแรกเพียงอย่างเดียว

ที่น่าจับตายิ่งกว่า คือ เพียวมัทฉะ” กลับโตแซง “มัทฉะลาเต้” ซึ่งสะท้อนรสนิยมใหม่ของผู้บริโภคที่หันหา ความแท้จริง (authenticity) และ คุณภาพวัตถุดิบ มากขึ้น ผู้จัดงานยังชี้เทรนด์ ชานมเผือกโมจิ” ที่ได้รับอิทธิพลจากจีน — ยอดค้นหาเพิ่มขึ้นกว่า 530% และทำยอดขาย 150,000 แก้วใน 3 เดือน บ่งชี้ว่านวัตกรรมเมนูข้ามวัฒนธรรมยังมีที่ทาง หากจับ “จังหวะไว ทำจริงเร็ว–เล่าเรื่องเป็น”

แผนที่มัทฉะ ยังสะท้อนการกระจุกตัวในเมืองใหญ่—กรุงเทพฯ นนทบุรี ชลบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี ติดท็อป 5 จังหวัดที่มีร้านมัทฉะมากที่สุด เป็นสัญญาณว่าตลาด “รอง” ยังมีพื้นที่รอการเจาะ โดยเฉพาะทำเลมหาวิทยาลัย/แหล่งงานที่มีกำลังซื้อวัยเริ่มทำงาน

พฤติกรรมผู้บริโภคปี 2025 สุขภาพ ส่วนบุคคล โอมนิแชนแนล

เส้นเรื่องผู้บริโภควันนี้ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ

  • ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ต้องการปรับแต่งเมนู ลดหวาน/เพิ่มท็อปปิงเฉพาะ
  • แยก “กินในร้าน–สั่งเดลิเวอรี” ไม่ออก แล้ว ร้านต้องพร้อมทุกช่องทาง
  • เดลิเวอรีโตต่อเนื่อง 2–3%/ปี คิดเป็น ~29% ของยอดขายรวม ปี 2025 แม้พ้นยุคโควิด
  • ผู้บริโภคคาดหวัง ช่องทางสั่งซื้อหลากหลาย 72%, จ่ายเงินหลายรูปแบบ 66%, ความเร็วบริการ 60%, ระบบคิว 43%, ความสะดวกใช้งาน 36%

สาระสำคัญจึงไม่ใช่แค่ “เปิดให้สั่งออนไลน์” แต่คือการทำ โอมนิแชนแนล ให้ลื่น ทั้งการค้นหา–สั่ง–จ่าย–ติดตาม–รับสินค้า และการดูแลหลังการขายในช่องทางที่ลูกค้าคุ้นเคย (เช่น LINE OA)

4 ทางรอดที่ทำได้ทันที จากเวทีสู่หน้าร้าน

เวที LINE FOOD TECH 2025 ย้ำ 4 คันโยก ที่ลงมือแล้วเห็นผล

  1. Differentiation — สร้างความต่างให้ชัด
    เลือก “เล่าเรื่อง” หรือ “นิช” ที่ไปให้สุด เช่น มัทฉะสายเพียว/ซิงเกิลออริจิน, สุกี้แห้งสูตรท้องถิ่น, ไก่ทอดสไตล์เฉพาะถิ่น เชื่อมด้วยกิจกรรมหน้าร้านคอนเทนต์หลังร้าน ให้ลูกค้ารู้สึกว่า “แบรนด์นี้มีตัวตนและเหตุผลของราคา”
  2. คุณภาพ ราคา — คุ้มจริงในมือผู้บริโภค
    ในยุคที่ทุกบาทมีความหมาย ลูกค้าจะกลับมาซื้อซ้ำเมื่อ “คุณภาพสม่ำเสมอ” และ “ป้ายราคาเข้าใจได้” สูตร ไซซ์ ภาพจริงต้องตรงปก และสื่อสารชัด (เช่น ระบุ % ความหวาน/คาเฟอีน) เพื่อสร้างความเชื่อถือ
  3. Automation — คุมต้นทุนด้วยระบบ
    เริ่มจากจุดที่ “รั่วง่าย” เช่น สต๊อกวัตถุดิบ, ของเสียในครัว, ตารางเวรพนักงาน นำระบบจัดซื้อ/สต๊อก/พนักงานอัตโนมัติเข้ามาช่วย ต้นทุนบุคลากรลดลงโดยไม่กระทบคุณภาพ และผู้จัดการร้านมีเวลาไปทำการตลาด พัฒนาสินค้ามากขึ้น
  4. Experience — ประสบการณ์ลูกค้าคือสินทรัพย์
    ทำให้ “ค้นหา–สั่ง–จ่าย–รับ” ไหลลื่น รองรับการชำระเงินทุกแบบที่ลูกค้าคุ้น มือถือจบได้ในไม่กี่คลิก ตั้ง SLA ความเร็ว และ ระบบคิว ที่โปร่งใส พร้อม การันตีคืนเงิน/เปลี่ยนสินค้า ในกรณีผิดพลาด เพื่อซื้อใจในระยะยาว

มัทฉะ” ไม่ใช่แค่กระแส แต่คือบทเรียนเชิงกลยุทธ์

การขึ้นแท่นของมัทฉะสอนเราสามข้อ

  • คุณภาพ–ความแท้จริง ชนะในระยะยาว ผู้บริโภคสนใจ “เพียวมัทฉะ” มากกว่าเมนูที่ถูก–หวานจัด
  • ซัพพลายและเล่าเรื่อง สำคัญเท่ารสชาติ แหล่งที่มา–ระดับการบด–พิธีชง เป็นส่วนหนึ่งของ “ประสบการณ์”
  • ต่อยอดข้ามหมวด ได้ เช่น จากเครื่องดื่มสู่เบเกอรี่ ครัวซองต์ ขนมปังมัทฉะ เมื่อทำให้ “คอนเซ็ปต์เดียวกัน” เชื่อมทุกเมนู

ด้วยเหตุนี้ ร้านเล็กสามารถ “จิ้มจุดต่าง” ให้ชัด แล้วใช้คอนเทนต์–รีวิวจริง–กิจกรรมร่วมกับคอมมูนิตี้วัฒนธรรมชา สร้างฐานลูกค้าประจำที่มั่นคงกว่าการลดราคาแข่ง

โรดแมป 90–180 วัน แผนทำจริงสำหรับปี 2026

ช่วง 0–90 วัน

  • ติดตั้ง ระบบสต๊อก–จัดซื้อ แบบง่ายที่เชื่อม POS
  • ตั้ง มาตรฐานคุณภาพ (สูตร–ไซซ์–ภาพจริง) และอบรมบาริสต้า/ครัวให้ชัดเจน
  • เปิด ช่องทางสั่งครบ หน้าร้าน–โทร–แชต LINE–เดลิเวอรี พร้อม จ่ายหลายแบบ (โอน/QR/บัตร/อีวอลเล็ต)

ช่วง 91–180 วัน

  • ทดลอง 2–3 เมนู “นิช” (เช่น เพียวมัทฉะระดับเกรด/สุกี้แห้งสูตรบ้านเกิด) พร้อม A/B test ราคา–ภาพ–คำอธิบาย
  • นำ ระบบจัดตารางพนักงานอัตโนมัติ และ วิเคราะห์ของเสีย เพื่อลดต้นทุน 3–7%
  • ทำ โปรแกรมสมาชิก บน LINE OA สะสมแต้ม–เกิดวัน–ชุดล่วงเวลา (off-peak) ดันยอดช่วงเงียบ

ตลอดปี 2026

  • สร้าง คอนเทนต์เล่าเรื่องวัตถุดิบ และ รีวิวจริงตรวจสอบได้
  • ขยาย สาขา/คีออสท์ขนาดเล็ก ในทำเลรองที่ต้นทุนเช่าต่ำ แต่มีทราฟฟิกกลุ่มเป้าหมาย
  • วัดผล CSAT/NPS รายช่องทาง และเชื่อมเข้ากับโบนัสทีม เพื่อให้ “ประสบการณ์ลูกค้า” เป็น KPI กลาง

เปิดเร็ว–ปิดเร็ว หรือปรับเร็ว–อยู่ยาว

ประเด็นที่ทำให้หลายร้าน “เปิดเร็ว–ปิดเร็ว” มักไม่ใช่แค่ยอดขาย แต่คือ โครงสร้างต้นทุน–ระบบ–จุดต่าง ที่ไม่ทันกาล ข้อมูลจาก LINE FOOD TECH 2025 จึงไม่ได้ชี้เพียง “ตลาดแย่” แต่ยื่น เครื่องมือ ให้จับต้อง—ตั้งแต่วิธีเลือกเมนูที่มีสัญญาณเติบโต (เช่น มัทฉะ/สุกี้/ไก่ทอด), การทำโอมนิแชนแนลให้ลื่น, ไปจนถึงระบบหลังบ้านที่ช่วยอุ้มกำไร

เมื่อปี 2026 กำลังจะมาถึงพร้อมความผันผวน สิ่งที่ร้านเล็กทำได้คือ “เปลี่ยนแต่เนิ่น ๆ” เปลี่ยนให้มีข้อมูล เปลี่ยนให้มีระบบ เปลี่ยนให้โดดเด่นในสายตาลูกค้า — เพราะในตลาดที่ลูกค้าจ่ายน้อยลง การเลือกของพวกเขาจะยิ่งเฉียบคมขึ้นเสมอ

สถิติสำคัญจากเวที

  • ยอดขายหน้าร้านปี 2025 (Offline SSS) ลดลง 14% (ปี 2024 ลด 3%)
  • ต้นทุนรวม เพิ่ม >25% โดยวัตถุดิบ +25% และค่าแรงปรับขึ้น
  • ลูกค้าจ่ายน้อยลง บิล <500 บาท -12%, บิล >500 บาท -14%
  • สตรีทฟู้ด โต 4% | ไก่ทอด โต 18% | สุกี้ โต 30% (ไตรมาสล่าสุด)
  • มากกว่า 50% ของร้านเปิดใหม่ ปิดภายในปีแรก
  • มัทฉะ/ชาเขียว โต 28% เป็น ~1,160 ล้านบาท | ร้านที่ขายชาเขียวเพิ่มจาก 9,600 → 12,400 ร้าน
  • ครึ่งปีแรก 2025 มีการสั่ง มัทฉะ >5 ล้านแก้ว บนแพลตฟอร์มเดลิเวอรี
  • ชานมเผือกโมจิ ยอดค้นหา +530%, ยอดขาย >150,000 แก้วใน 3 เดือน
  • เดลิเวอรีเติบโต 2–3%/ปี, คิดเป็น ~29% ของยอดขายรวม
  • ความคาดหวังผู้บริโภค ช่องทางสั่งหลากหลาย 72%, จ่ายได้หลายแบบ 66%, เร็ว 60%, คิวดี 43%, สะดวก 36%

ข้อมูลจาก LINE FOOD TECH 2025 ให้ภาพใหญ่ที่ตรงไปตรงมาว่า “ปีที่ยาก” ยังไม่ผ่านพ้น แต่ โอกาส อยู่ตรงการเลือกเล่นในสนามที่ “คนอยากซื้อจริง” (เช่น มัทฉะ–สุกี้–ไก่ทอด), ทำระบบให้เกิดผล (automation/stock), และทำประสบการณ์ให้เหนือความคาดหวัง (โอมนิแชนแนล–จ่ายหลายแบบ–คืนเงินโปร่งใส) หากทำได้ ร้านเล็กก็มีสิทธิ์ “อยู่ยาว” ท่ามกลางคลื่นเศรษฐกิจที่ซัดแรง

ปี 2026 จึงน่าจะไม่ใช่ปีที่ร้านอาหารต้อง “ทนรอ” แต่เป็นปีที่ ลงมือปรับ เพื่อกลับมา “เลือกกำไร” แทนที่จะ “เหลือกำไร”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • LINE for Business — LINE FOOD TECH 2025
  • LINE MAN Wongnai
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News