มนุษย์เงินเดือนไทย “เดอะแบกตัวจริง” วิกฤตการเงินลึกทุกระดับรายได้—82% มีหนี้ วัยเกษียณยังต้องทำงาน–ไร้ภูมิคุ้มกันทางการเงิน

ประเทศไทย, 23 ตุลาคม 2568 — สัญญาณเตือนจากเงินเดือนรอบล่าสุด ข่าวสารทางเศรษฐกิจช่วงปลายปีอาจดูไกลตัวสำหรับหลายคน แต่รายงานเชิงลึก “เปิด Insight มนุษย์เงินเดือน เดอะแบกตัวจริง การเงินยุคนี้” ของทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) กลับสะท้อนภาพอีกมุมที่กระทบชีวิตประจำวันอย่างจัง นั่นคือ “ฐานะการเงินของมนุษย์เงินเดือน” ที่เปราะบางกว่าที่คิด และไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะผู้มีรายได้น้อย เมื่อข้อมูลชี้ชัดว่าแม้มีรายได้เกินหนึ่งแสนบาทต่อเดือน หลายคนก็ยังใช้ชีวิตแบบ “เดือนชนเดือน” ขณะเดียวกัน ผู้สูงอายุจำนวนมากยังจำเป็นต้องทำงานต่อ ทั้งที่ก้าวเข้าสู่วัยเกษียณแล้ว

รายงานดังกล่าวอาศัยฐานข้อมูลจากโปรแกรมตรวจสุขภาพการเงิน ttb financial health check ซึ่งเก็บข้อมูลเชิงพฤติกรรมของมนุษย์เงินเดือนกว่า 96,000 คน ระหว่างสิงหาคม 2566 – กุมภาพันธ์ 2568 เสริมด้วยฐานข้อมูลเครดิตและการวิเคราะห์เชิงระบบของหน่วยงานรัฐและเอกชน ภาพรวมทั้งหมดนำไปสู่คำถามใหญ่ที่สังคมไทยต้องตอบร่วมกันว่า “เราจะสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินให้แรงงานกินเงินเดือน ซึ่งเป็นฟันเฟืองหลักของเศรษฐกิจ ได้อย่างไร”

ภาพรวมเชิงตัวเลข รายได้สูงไม่เท่ากับมั่นคง

สาระสำคัญของรายงานชี้ว่า “รายได้สูงไม่ได้แปลว่าปลอดภัยทางการเงิน” อีกต่อไป

  • 32% ของผู้ที่มีรายได้มากกว่า 100,000 บาท/เดือน ยังใช้ชีวิตแบบ “เดือนชนเดือน”
  • 16% ของกลุ่มรายได้สูงดังกล่าว มี “รายจ่ายมากกว่ารายได้” อย่างต่อเนื่อง
  • โดยรวมแล้ว 8 ใน 10 คน (82%) ของมนุษย์เงินเดือนมีหนี้สินในระบบ
  • โครงสร้างหนี้เอนเอียงไปทางหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล 53% รองลงมาคือหนี้รถยนต์ 17% และหนี้บ้าน 15%
  • เกือบ “ครึ่งหนึ่ง” หรือ 49% มีพฤติกรรมชำระขั้นต่ำหรือเคยผิดนัด ส่งผลให้ต้นทุนดอกเบี้ยสะสมสูงขึ้นและเสี่ยงติดอยู่ใน “วงจรหนี้ไม่สิ้นสุด”

ตัวเลขเหล่านี้ชี้ชัดว่าโครงสร้างรายได้–รายจ่ายของคนทำงานไทยกำลังเปราะบางจากหลายปัจจัย ทั้งค่าครองชีพที่เร่งขึ้นเร็วกว่าค่าแรงจริง หนี้บริโภคที่สะสมยาวนาน และการขาด “ระบบกันสะเทือน” อย่างเงินออมฉุกเฉินและความคุ้มครองความเสี่ยงด้านสุขภาพ

คำอธิบายจากผู้เชี่ยวชาญฟันเฟืองเศรษฐกิจที่กำลัง “แบกหนัก”

นายนริศ สถาผลเดชา ประธานกลุ่มงาน Data และ Analytics ทีเอ็มบีธนชาต อธิบายว่า ประเทศไทยมีมนุษย์เงินเดือนราว 12.5 ล้านคน เป็นสัดส่วนประมาณ 30% ของแรงงานทั้งหมด แต่สร้างรายได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามากถึง 90% หรือกว่า 270,000 ล้านบาท/ปี ฟันเฟืองกลุ่มนี้จึงเป็น “เดอะแบกตัวจริง” ของระบบเศรษฐกิจ ทว่าในความเป็นจริง พวกเขาต้องเผชิญแรงกดดันรอบด้าน ทั้งหนี้สิน การขาดเงินออม และความคุ้มครองไม่เพียงพอ หากไม่เร่งสร้างภูมิคุ้มกัน ระยะกลางถึงยาวอาจกระทบการบริโภคครัวเรือนและความเชื่อมั่นโดยรวม

โจทย์หนี้ “จ่ายขั้นต่ำ” คือทางลัดสู่ต้นทุนดอกเบี้ยพุ่ง

หนึ่งในสัญญาณอันตรายที่รายงานเน้นย้ำคือพฤติกรรมชำระหนี้ “ขั้นต่ำ” จนเป็นกิจวัตร เฉพาะกลุ่มหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งคิดเป็น มากกว่าครึ่ง ของโครงสร้างหนี้มนุษย์เงินเดือน หากชำระขั้นต่ำเพียงระยะสั้น ต้นทุนดอกเบี้ยสะสมอาจพุ่งชัน ทับซ้อนกับรายจ่ายประจำ และหากมีเหตุฉุกเฉินด้านสุขภาพหรือการตกงานแบบไม่คาดคิด ย่อมเสี่ยงทำให้ “เครดิตเสีย” ได้ง่าย

ข้อมูลจาก บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (NCB) และการวิเคราะห์ของ ttb analytics ณ มิถุนายน 2567 ยังสะท้อนภาพใหญ่ของประเทศว่า คนไทย “เกือบ 40%” มีหนี้ในระบบ และ “หนี้เฉลี่ยต่อหัว” สูงกว่า 500,000 บาท เมื่อพิจารณาร่วมกับตัวเลข 49% ที่ชำระขั้นต่ำ/ผิดนัดของกลุ่มมนุษย์เงินเดือน สัญญาณนี้จึงไม่ใช่เพียงปัญหาเฉพาะราย แต่เป็น “ความเสี่ยงเชิงระบบ” ที่ควรเร่งจัดการ

เงินออม–ภูมิคุ้มกันช่องโหว่ที่เติมเต็มไม่ทัน

แม้คำว่า “วินัยการเงิน” จะถูกพูดถึงตลอด แต่ข้อมูลสะท้อนว่า “ช่องโหว่ภาคครัวเรือน” ยังมีอยู่มาก

  • 77% ของมนุษย์เงินเดือนมีเงินออม ต่ำกว่า 10% ของรายได้ต่อเดือน
  • 70% ไม่ได้กันเงินฉุกเฉินถึง 6 เดือน ตามเกณฑ์มาตรฐาน
  • 80% ไม่มีความคุ้มครองเพียงพอ หากเจ็บป่วยร้ายแรงหรือเกิดอุบัติเหตุใหญ่

ความเสี่ยงสามชั้นนี้ทำให้หลายครัวเรือน “ล้มทั้งยืน” เมื่อเจอเหตุไม่คาดฝัน ขณะเดียวกันยังลดทอนความสามารถในการวางแผนระยะยาวทั้งด้านการศึกษา–ที่อยู่อาศัย–และการเกษียณ

มุมผู้สูงอายุเมื่อ “วัยเกษียณ” ไม่ใช่บทสรุปการทำงาน

สังคมไทยกำลังก้าวสู่ “สังคมสูงวัยสมบูรณ์” อย่างเต็มรูปแบบ แต่ภูมิคุ้มกันทางการเงินของผู้สูงอายุจำนวนมากกลับไม่พร้อม ข้อมูลอ้างอิงที่ถูกหยิบยกในงานบรรยายระบุว่า

  • เกือบ 4 ใน 10 ของผู้สูงอายุยังต้อง “ทำงานต่อ” เพื่อมีรายได้
  • 42.7% ของผู้สูงอายุในกลุ่มตัวอย่าง ยังมีหนี้ เฉลี่ยกว่า 130,000 บาท/คน
  • เกือบ ครึ่งหนึ่ง (44%) “ไม่มีเงินออมเลย”
  • ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของครัวเรือนที่มีผู้สูงอายุ สูงกว่าครัวเรือนทั่วไป 48% ซึ่งเป็น “ค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่” ในช่วงที่รายได้ประจำลดลง

ปัญหานี้เชื่อมโยงกับโครงสร้างแรงงานและคุณภาพการจ้างงานในอดีต รวมถึงระบบสวัสดิการเกษียณที่ยังพึ่งพาตนเองสูง หากไม่เร่งปิดช่องว่างตั้งแต่ช่วงวัยทำงาน ภาพ “ทำงานจนแก่–ใช้หนี้จนเกษียณ–ไร้เงินออม” จะยังวนซ้ำ

เสียงจากธุรกิจธนาคารโซลูชันต้อง “ครบวงจรและใช้งานจริง”

นางณัฐวรรณ อภิรัตนพิมลชัย ประธานกลุ่มกลยุทธ์ลูกค้าบุคคล ทีทีบี ระบุว่า สถาบันการเงินมีบทบาทสำคัญในการช่วย “ผ่อนแรง” ให้คนทำงานผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่แก้โจทย์จริง เช่น

  • ทางเลือก รีไฟแนนซ์/รวมหนี้ ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม ช่วยลดภาระจ่ายขั้นต่ำ
  • โซลูชัน ออมอัตโนมัติ ที่ผูกกับวันเงินเดือนออก เพื่อสร้างวินัยโดยไม่เพิ่มภาระความคิด
  • ความคุ้มครอง สุขภาพ–อุบัติเหตุ–โรคร้ายแรง ในระดับเบี้ยที่เอื้อมถึง
  • วางแผนภาษี ปลายปีควบคู่การออมระยะยาว เพื่อให้ “เงินทำงาน” อย่างคุ้มค่า

เป้าหมายไม่ใช่เพียงขายผลิตภัณฑ์ แต่คือ “สร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน” ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของทั้งธนาคาร นายจ้าง ภาครัฐ และตัวบุคคล

หนึ่งวันของคนเงินเดือนที่ “ทำทุกอย่างถูกต้อง” แล้วทำไมยังไม่พอ

หลายคนตั้งคำถามว่า “เราวางแผนแล้ว ทำไมยังตึงมือ” คำตอบส่วนหนึ่งอยู่ที่ “แรงเสียดทาน” เล็กๆ ที่สะสมในระบบการใช้จ่าย เช่น ค่าเดินทางที่ปรับขึ้นตามพลังงาน ค่าอาหารกลางวันที่เพิ่มทีละน้อย ค่าเช่าบ้านที่ขยับทุกปี รวมถึงค่าเลี้ยงดูผู้สูงอายุในครัวเรือนที่สูงขึ้นตามวัย เมื่อรายได้โตช้ากว่าค่าครองชีพเพียงเล็กน้อยทุกเดือน ผลรวมปลายปีจึง “ติดลบเล็กๆ” ต่อเนื่อง และนั่นคือเชื้อเพลิงให้หนี้บริโภคพอกตัว

สิ่งที่รายงานของทีทีบีสะท้อนจึงไม่ใช่เพียง “จิตวิทยาการเงินส่วนบุคคล” แต่เป็นปัญหาโครงสร้างที่ต้องแก้ร่วมกัน ตั้งแต่การเข้าถึงความรู้ทางการเงินที่ใช้งานได้จริง ไปจนถึงสวัสดิการนายจ้างที่ควบคู่กับสุขภาพกาย–ใจ และนโยบายรัฐที่เอื้อต่อค่าครองชีพที่สมเหตุสมผล

ประเด็นรองที่หลายคนมองข้ามการคุ้มครองก่อน “เรื่องใหญ่” มาเยือน

เมื่อ 80% ของมนุษย์เงินเดือนไม่มีความคุ้มครองเพียงพอ คำถามคือ “เราจะรับความเสี่ยงใหญ่ด้วยเงินสดได้จริงหรือ” คำตอบแทบทุกครัวเรือนคือ “ไม่” เบี้ยประกันพื้นฐานที่เหมาะสมกับช่วงวัย หรือสวัสดิการกลุ่มผ่านนายจ้าง อาจเป็นคำตอบที่คุ้มกว่าการใช้เงินออมก้อนเล็กไปแลกกับค่ารักษาพยาบาลหลักแสน–หลักล้าน ซึ่งกระทบฐานะทั้งครอบครัวในพริบตา

เชื่อมโยงนโยบายสาธารณะแรงงาน–สวัสดิการ–ผลิตภาพ

ในภาพกว้าง มนุษย์เงินเดือนคือกลุ่มที่เชื่อมภาษี การบริโภค และนวัตกรรมเข้าด้วยกัน หากฐานะการเงินส่วนบุคคลเปราะบาง ผลสะท้อนจะกระทบ “ผลิตภาพแรงงาน” และความสามารถในการออม–ลงทุนระดับประเทศ นักเศรษฐศาสตร์จึงเสนอให้เร่งพัฒนา 3 มิติร่วมกัน

  1. ความรู้ทางการเงินแบบลงมือทำปลูกฝังตั้งแต่มัธยม–อุดมศึกษา ไปจนถึงหลักสูตรภายในองค์กร
  2. ช่องทางปรับโครงสร้างหนี้ที่เข้าถึงง่ายลดอคติ–ลดต้นทุนธุรกรรม และสร้างแรงจูงใจให้คน “เริ่มต้นใหม่” ก่อนเครดิตพัง
  3. สวัสดิการเสริมจากนายจ้างออมอัตโนมัติ–กองทุนสำรองเลี้ยงชีพแบบสมทบ–ความคุ้มครองสุขภาพในระดับเหมาะสม

ทั้งสามมิตินี้จะช่วยให้เงินออมและภูมิคุ้มกันเติบโต “ก่อน” วิกฤตรอบใหม่

เช็กลิสต์ปฏิบัติได้ทันทีสำหรับมนุษย์เงินเดือน

เพื่อเปลี่ยนข้อมูลเป็นการกระทำ นี่คือเช็กลิสต์สั้นๆ ที่ยึดตามหลักการที่รายงานแนะนำ

  • ลิสต์หนี้ทั้งหมด พร้อมอัตราดอกเบี้ย และเรียงจาก “แพงสุด–ถูกสุด”
  • หยุดชำระขั้นต่ำ โดยย้ายหนี้ไปสู่สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำกว่าผ่านรีไฟแนนซ์/รวมหนี้
  • ตั้งออมอัตโนมัติ 10–15% ของรายได้ ตั้งแต่วันเงินเดือนออก
  • สะสมเงินฉุกเฉิน ให้ถึง 3–6 เดือน เริ่มจาก 1 เดือนภายใน 60–90 วัน
  • เติมความคุ้มครอง สุขภาพ/อุบัติเหตุ/โรคร้ายแรงในระดับเบี้ยที่เหมาะสมกับวัย
  • วางแผนภาษีปลายปี ให้ “เงินออม = เงินภาษีที่จ่ายน้อยลง” อย่างมีเหตุผล

จาก “ข้อมูล” สู่ “ความหวังที่ลงมือทำได้”

รายงานของทีทีบีไม่ได้ตั้งใจชี้ให้เห็นเพียง “ปัญหา” แต่พยายามวางกรอบคิดใหม่ว่า การมีวินัยการเงินไม่ใช่แค่เรื่องส่วนบุคคล หากเป็น “โครงสร้างสนับสนุน” ที่ต้องทำให้คนส่วนใหญ่ทำได้จริงด้วยต้นทุนทางเวลาที่ต่ำ ข้อมูลที่ชัดเจน และเครื่องมือที่เข้าใจง่าย หากธนาคาร–นายจ้าง–รัฐ และตัวเราเอง เดินไปในทิศทางเดียวกัน ฐานะการเงินของมนุษย์เงินเดือนจะค่อยๆ แข็งแรงขึ้น และเมื่อฐานะของ “เดอะแบกตัวจริง” ดีขึ้น ฐานเศรษฐกิจไทยก็จะมั่นคงขึ้นตามลำดับ

สุดท้ายนี้ ตัวเลข 82% ที่ “มีหนี้” หรือ 77% ที่ “ออมไม่ถึง 10% ของรายได้” ไม่ได้เป็นตราบาปของใคร แต่มันคือไฟเตือนบนหน้าปัดที่บอกว่า “ถึงเวลาเข้าอู่ซ่อม” และเริ่มสร้างระบบกันสะเทือนให้ชีวิตทางการเงิน ตั้งแต่ตัดดอกเบี้ยแพง ลดการจ่ายขั้นต่ำ ไปจนถึงออมและทำประกันที่พอดี นี่คือเส้นทางที่ไม่ง่าย แต่เริ่มได้ทันทีตั้งแต่ “เงินเดือนรอบหน้า”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • ทีเอ็มบีธนชาต (ttb)
  • บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (NCB)
  •  ttb analytics
  • Money Buffalo
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News