พระพุทธสิริไตรรัฐ” จากสามเหลี่ยมทองคำสู่ตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อมงคลวัตถุเดินทางถึงศูนย์กลางอำนาจ และความศรัทธาถูกวางไว้ข้างการบริหารประเทศ

เชียงราย/กรุงเทพฯ, 26 กันยายน 2568 — เช้าตรู่ที่ทำเนียบรัฐบาล บันไดตึกไทยคู่ฟ้าคึกคักกว่าปกติ เมื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก้าวเข้าสู่ “วันแรก” แห่งการปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ ท่ามกลางคณะรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคภูมิใจไทย และคณะทำงานที่ร่วมติดตาม ขณะเดียวกัน เสียงกระซิบจากสื่อมวลชนในลานทำเนียบต่างจับจ้อง “วัตถุมงคล” ที่กำลังจะถูกอัญเชิญขึ้นสู่ห้องทำงานชั้นบน—หนึ่งในนั้นคือ พระพุทธสิริไตรรัฐ” พระพุทธรูปปางประทานพรที่ผู้เป็นนายกรัฐมนตรี สร้างขึ้นเอง ณ ดินแดนเหนือสุดของสยาม อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

ภาพ “มงคลวัตถุจากชายแดน” ที่เคยกลายเป็น ของขวัญทางการเมือง มาก่อน ได้เดินทางกลับสู่ผู้สร้าง—และคราวนี้มาจอดนิ่ง บนโต๊ะทำงานนายกรัฐมนตรี ณ ตึกไทยคู่ฟ้า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เพียงเติมเต็มบรรยากาศความเป็นสิริมงคลใน วันอธิบดี–วันธงชัย หากยังบอกเล่าประวัติศาสตร์ย่อของความสัมพันธ์ระหว่าง ความศรัทธา–อำนาจรัฐ–ความชอบธรรม ในสังคมไทยร่วมสมัย

จุดกำเนิด องค์พระจากชายแดนสู่ศูนย์กลาง

หากถอยหลังออกจากห้องทำงานของผู้นำประเทศ ภาพแรกที่ปรากฏคือ พรมแดนสามประเทศ ที่บรรจบกันกลางสายน้ำ ณ สามเหลี่ยมทองคำ—ดินแดนที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับการจารึกในข่าวโลกด้วยเงาเข้มของการค้าฝิ่นและยาเสพติด ก่อนจะถูกทอนเงาลงด้วยการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว จุดขนถ่ายสินค้า และสะพานเชื่อมวัฒนธรรมระหว่าง ไทย–เมียนมา–ลาว ที่นี่เอง พระพุทธสิริไตรรัฐ” ได้ถือกำเนิดขึ้นด้วยความตั้งใจของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะ “พุทธวัตถุ” สำหรับ ยึดเหนี่ยวใจและย้ำคุณธรรม ให้กับผู้ศรัทธา

ความพิเศษขององค์พระจึงอยู่ที่ “บริบท”—องค์พระที่เกิดบนเส้นฤทธิ์ทางประวัติศาสตร์ แวดล้อมด้วยความทรงจำที่ทั้งงดงามและสลับซับซ้อนของชายแดน บทเรียนของพื้นที่ทำให้ความหมายขององค์พระขยายตัวเกินกว่าความงามทางสุนทรียะ: คุณธรรม, สติ, การกำกับตน—เป็นหัวใจที่ผู้สร้างย้ำอยู่เสมอ

มรดก/ของขวัญ/สัญลักษณ์ วงจรความหมายที่ “วนกลับ”

พงศาวดารสั้น ๆ ขององค์พระเล่าต่อว่า พระพุทธสิริไตรรัฐ” เคยถูกมอบเป็น ของขวัญวันคล้ายวันเกิด ให้แก่อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในห้วงเวลาที่ พรรคภูมิใจไทย ร่วมงานกับรัฐบาลผสมในอดีต การมอบของมงคลจากผู้นำฝ่ายการเมืองหนึ่งสู่อีกฝ่ายหนึ่ง สะท้อนมิติที่ “ศรัทธา” ทำหน้าที่เคียงคู่ “พันธมิตรทางการเมือง” อยู่เนือง ๆ

กระนั้น วงจรของสัญลักษณ์ยังไม่จบ เมื่อกาลเปลี่ยนและหน้ากระดานอำนาจเคลื่อน สถานะของผู้สร้างก็เปลี่ยน—จากผู้ให้สู่ ผู้นำสูงสุดของฝ่ายบริหาร ในวันนี้ องค์พระที่ตนสร้าง จึงถูกอัญเชิญ วนกลับ” มาหาตัวเอง และถูกวางไว้ใน ตำแหน่งที่สูงสุด สำหรับ “เครื่องเตือนใจ” ของผู้บริหารประเทศ: บนโต๊ะทำงานนายกรัฐมนตรี ณ ตึกไทยคู่ฟ้า

ฤกษ์งามยามดี พิธี, ระเบียบแบบแผน และวัฒนธรรมการเมืองไทย

เวลาไหลไปถึง 08.41 น. ของเช้าวันนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีร่วม สักการะศาลพระภูมิ–ศาลตายาย ประจำทำเนียบ เพื่อความเป็นสิริมงคล—พิธีกรรมที่คู่มากับวัฒนธรรมการเมืองไทยยาวนาน เมื่อสื่อถามถึง พรที่ขอ” คำตอบสั้น ๆ “ขอให้ราบรื่น” ถูกส่งกลับมาอย่างมั่นคง

ในอีกฟากตึกบัญชาการ 1 นายสมศักดิ์ และนางรวีวรรณ ปริศนานันทกุล บิดา–มารดาของ นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็อัญเชิญ พระพุทธสิริไตรรัฐ อีกองค์หนึ่ง (ที่นายอนุทินเคยมอบให้ในช่วงดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ) เข้าสู่ห้องทำงานลูกชาย เป็นภาพสะท้อนเครือญาติ–เครือข่ายการเมือง ที่พิงอยู่กับ ความเชื่อร่วม และ มงคลวัตถุร่วม อย่างแนบแน่น

ขณะเดียวกัน รายชื่อ พระพุทธรูปสำคัญ ที่จะอัญเชิญเข้าสู่ห้องทำงานนายกรัฐมนตรี ยังปรากฏ หลวงพ่อพระพุทธโสธร และ พระพุทธชินราช ร่วมด้วย—แต่ พระพุทธสิริไตรรัฐ” ได้รับการระบุชัดว่า จะตั้งอยู่บนโต๊ะทำงาน ของผู้นำรัฐบาลโดยเฉพาะ ความโดดเด่นเชิงตำแหน่งนี้ทำให้ “องค์พระจากชายแดน” กลายเป็น จุดโฟกัสทางสายตา ภายในพื้นที่ตัดสินใจเชิงนโยบายระดับชาติ

อยู่ที่ใจ” แก่นคิดที่วางเคียงองค์พระ

เมื่อถูกถามถึง “เครื่องราง” ที่จะนำเข้ามายังทำเนียบ นายกรัฐมนตรี ตอบสั้น ๆ ว่า อยู่ที่ใจ” ประโยคนี้เหมือนปักหมุดความหมายให้ครบวงจร: ศรัทธา อาจเป็นแรงค้ำยันที่ดี แต่ การกระทำ และ คุณธรรม คือแกนกลางของความคุ้มครองที่แท้จริง—แนวคิดเดียวกับที่ผู้เป็นนายกรัฐมนตรี เคยอธิบายพุทธคุณของพระพุทธสิริไตรรัฐ ไว้ก่อนหน้า ว่าการจะได้รับความคุ้มครองนั้น ขึ้นอยู่กับการทำดี–ยึดหลักคุณธรรม ของแต่ละบุคคล

เมื่อนำวลีนี้ไปวางเคียงบุคลิกเชิงปฏิบัติการของรัฐบาลใหม่ จึงอ่านได้ว่า องค์พระ” ทำหน้าที่ เตือนใจ มากกว่าขอให้ดลบันดาล และเป็น สัญญาประชาคมขนาดย่อ ว่า “ความชอบธรรม” จะถูกสร้างจาก การลงมือทำ ไม่ใช่การพึ่งพา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพียงอย่างเดียว

สัญลักษณ์ที่เล่าเรื่อง “การขึ้นสู่อำนาจอย่างเป็นทางการ”

ในทางการเมือง สัญลักษณ์คือ “ภาษา” ที่ทรงพลัง การอัญเชิญ “พระพุทธสิริไตรรัฐ” ขึ้นสู่โต๊ะทำงานนายกรัฐมนตรี มีอย่างน้อย สามชั้นความหมาย ที่ซ้อนอยู่

  1. การยึดคืนสัญลักษณ์ — จากองค์พระที่เคยเป็น “ของขวัญวันเกิด” สำหรับผู้นำรัฐบาลก่อนหน้า กลับคืนสู่มือผู้สร้าง ในเวลาที่ผู้สร้างก้าวขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดเอง การเคลื่อนย้ายนี้จึงไม่ใช่เพียง “เคลื่อนย้ายวัตถุ” แต่คือ การยืนยันสถานะอำนาจ อย่างสุภาพและทรงพลัง
  2. การนำคุณธรรมจากชายแดนสู่ศูนย์กลาง — จุดเริ่มขององค์พระ ณ สามเหลี่ยมทองคำ มีนัยแปรเปลี่ยน เมื่อถูกวางไว้ในศูนย์บัญชาการบริหารรัฐกิจ—เสมือนการนำ “ความดีงาม–ระเบียบวินัย–สติ” จาก “ชายขอบ” เข้าสู่ “แกนกลาง” ของการตัดสินใจนโยบาย
  3. การวางศรัทธาคู่หลักนิติธรรม — การประกาศฤกษ์ดี–สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์–อัญเชิญพระพุทธรูปหลายองค์ สะท้อนจารีตการเมืองไทยที่ “ศรัทธา” ไม่ได้อยู่ตรงข้าม “เหตุผล–กฎหมาย–ระบบ” หากอยู่ เคียงข้าง ในฐานะพลังใจและเครื่องเตือนความรับผิดชอบต่อสาธารณะ

แม่สายถึงไทยคู่ฟ้า

  • ก่อนหน้า 2568: นายอนุทินสร้าง พระพุทธสิริไตรรัฐ ณ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ
  • ต่อมา: องค์พระ ถูกมอบเป็นของขวัญวันเกิด ให้กับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี สะท้อนมิตรภาพ–พันธมิตรในรัฐบาลผสม
  • 26 กันยายน 2568: วันแรกเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ณ ตึกไทยคู่ฟ้า เลือก วันอธิบดี–วันธงชัย เป็นฤกษ์ เริ่มด้วยการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบ
  • เช้าวันเดียวกัน: อัญเชิญพระพุทธรูป เข้าห้องทำงานหลายองค์ รวมถึง พระพุทธสิริไตรรัฐ ซึ่ง ตั้งบนโต๊ะทำงานนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะ
  • ช่วงสาย–สายัณห์: ความเคลื่อนไหวสะท้อน “ความผูกพันมงคลวัตถุ” ภายในทีมรัฐบาล ทั้งกรณี นายภราดร ปริศนานันทกุล และครอบครัว ที่อัญเชิญ พระพุทธสิริไตรรัฐ เข้าห้องทำงานบนตึกบัญชาการ 1

ศิลป์ของพิธีธรรม กับวินัยของรัฐประศาสนศาสตร์

ในสนามจริงของการเมืองไทย พิธีธรรม และ รัฐประศาสนศาสตร์ ไม่ได้ต่อสู้กัน หากเกื้อหนุนกันเมื่อวางถูกที่—การประกาศวางองค์พระบนโต๊ะทำงานจึงตีความได้ว่าเป็น นาฬิกาปลุก” ทางจิตวิญญาณ ให้กับผู้ใช้อำนาจรัฐ ชวนย้ำเตือนว่า อำนาจ” ต้องมาพร้อม ความรับผิดชอบ” และ คุณธรรม” เสมอ

แต่เพื่อให้สอดคล้องกับ มาตรฐานธรรมาภิบาล ในระยะยาว ก้าวต่อไปคือการแปลง “สัญลักษณ์” ให้เป็น “ผลลัพธ์” ที่ตรวจสอบได้—ตั้งแต่ ความโปร่งใส, การกำกับดูแลนโยบาย, การยึดกติกา, ไปจนถึง การคุ้มครองสิทธิประชาชน เพราะท้ายที่สุด ความคุ้มครองที่แท้” ตามแนวคิดที่นายกรัฐมนตรีสื่อไว้ ก็ขึ้นอยู่กับ การทำดี–การลงมือทำจริง ของผู้มีอำนาจ

เมื่อศรัทธาถูกวางไว้ “ข้าง” การตัดสินใจ ไม่ใช่ “แทนที่” การตัดสินใจ

เหตุการณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลในวันนี้ ร้อยเรียง “วัตถุ–พิธี–บุคคล” ให้กลายเป็น “เรื่องเล่า” ที่เดินข้ามอำเภอแม่สาย มุ่งสู่ตึกไทยคู่ฟ้า พระพุทธสิริไตรรัฐ” จึงทำหน้าที่สองบทบาทพร้อมกัน—เครื่องยึดเหนี่ยวใจ และ สัญลักษณ์เตือนใจ ว่าการบริหารประเทศต้องวางบนฐาน คุณธรรม–ความชอบธรรม–การกระทำที่ตรวจสอบได้

คำตอบสั้น ๆ อยู่ที่ใจ” ที่นายกรัฐมนตรีให้ไว้กับสื่อ อาจเป็นคำสรุปที่ดีของทั้งวัน และเป็นแนวคิดที่สังคมคาดหวังจะเห็นในเชิงปฏิบัติ: ใจที่ตั้งมั่นในหลัก และ มือที่ลงมือทำจริง บนโต๊ะทำงานซึ่งมีองค์พระตั้งอยู่ข้าง ๆ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • ทำเนียบรัฐบาล/สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News